การถูกหิ้วปีกจากแคนาดา กลับมาเข้าซังเตในเมืองไทยของ “พ่อมดการเงิน” ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษาทางการเงิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ(บีบีซี) เป็นเรื่องที่ถูกจับตามองในหลายด้าน
นอกจากในเรื่องโทษตามข้อหาคดีความต่างๆ หลายสิบสำนวนคดี ที่เป็นจำเลยร่วมกับ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บีบีซี กระทำผิดกฎหมาย ยักยอก ไซฟ่อนเงิน จนธนาคารทั้งธนาคารต้องล้มครืนลง
สร้างผลงานชิ้นโบดำ ยักยอกถ่ายเทเงินของธนาคารเป็นของตัวเอง ที่ก่อหายนะให้กับตลาดทุนตลาดเงินและเศรษฐกิจไทยโดยรวม และเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติต้มยำกุ้งที่ลุกลามบานปลาย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำเศรษฐกิจพังกันไปทั้งโลก เมื่อปี 2540
ถึงเวลาที่ “พ่อมดการเงิน” คงต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้
แต่ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา คือ ผลกระทบจากการกลับมาของราเกซ “แขกมหาภัย” กับ “คนการเมือง”
โดยเฉพาะ “กลุ่ม 16” กลุ่มนักการเมืองที่โด่งดังมาในรัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชา ช่วงเวลาที่แบงค์บีบีซีล้ม ทั้งสุชาติ ตันเจริญ เนวิน ชิดชอบ สรอรรถ กลิ่นประทุม สนธยา คุณปลื้ม ฯลฯ รวมทั้งที่หนีคดีไปอยู่ต่างแดน “เจ้าพ่อปากน้ำ” วัฒนา อัศวเหม
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีชื่อเกี่ยวข้องกรณีบีบีซีล้ม เพราะมีชื่อไปกู้เงิน โดยซ่อนเงื่อนปมทำธุรกรรมเพื่อไปลงทุนซื้อหุ้น เทคโอเวอร์บริษัท เปิดบริษัทกระดาษ นำที่ดินป่าที่สาธารณะออกโฉนดยื่นเรื่องขอแปรเป็นเงินในมูลค่าสูงเกินจริง
“ขุมทองแมคเคนน่า” ของนักการเมือง ในยุคฟองสบู่เศรษฐกิจฟูฟ่อง
โดยเมื่อคิดมูลค่าความเสียหายที่เกิดกับธนาคาร ที่มีหนี้เสียรวมแล้วนับแสนล้านบาท เฉพาะกรณีปล่อยกู้ให้กับกลุ่มนักการเมือง ก็เป็นตัวเลขหลักหมื่นล้านบาท
วันนี้คนการเมืองกลุ่มนี้คงหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกัน เพราะรู้ฤทธิ์เดช “แขกมหาภัย” รายนี้ดี เช่นที่ผ่านมาแม้จะหลบหนีไปต่างประเทศ หลายครั้งหลายหนก็ส่งแรงกระเพื่อมมาเขย่าเมืองไทย
นอกจากกลุ่ม 16 แล้ว บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคชาติไทย ผู้นำประเทศในช่วงเกิดปัญหา และเป็นผู้สั่งปิดบีบีซีล้ม ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่เคยเจอฤทธิ์พ่อมดราเกซ
คำให้การของราเกซต่อศาลสูงแคนาดา พาดพิงมายังอดีตนายกฯรายนี้ เคยได้รับเงินจากบีบีซี 150ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการเลือกตั้งของพรรคชาติไทย จนต้องดาหน้าออกมาแถลงปฏิเสธพัลวันทั้งพรรค
เมื่อ “ราเกซ” ถูกลากตัวกลับไทยสำเร็จ “บรรหาร” ย่อมสะดุ้งโหยงเป็นธรรมดา
เช่นเดียวกับ ตระกูลสะสมทรัพย์ ที่แม้ไม่เกี่ยวกับบีบีซีโดยตรง ก็เคยถูกแขกเจ้าเล่ห์ปูดข้อมูลในลักษณะเดียวกันในพรรคเอกภาพ
แน่นอน เมื่อราเกซกลับไทย ปมบีบีซีจึงพ่นพิษอีกครั้ง เพราะกลุ่มนักการเมืองที่มีชื่อเกี่ยวพันกับกรณีบีบีซีเจ๊ง ยังอยู่ดีมีสุขในแวดวงอำนาจ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทย
จนประเมินว่า จะส่งผลสะเทือนต่อสถานะของรัฐบาล??
แต่อีกมุมหนึ่ง กรณีของราเกซและปมบีบีซี อาจกลายเป็นผลดีต่อพรรคแกนนำ และนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทางอ้อมเสียมากกว่า
เพราะ ประชาธิปัตย์ ไม่เสียหายใดๆ ด้วยโดยตรง จะมีก็เพียงมีการเฉี่ยวๆ ไปยังอดีตคน ปชป. ทั้งธารินทร์ นิมมานเหมินทร์-เอกกมล คีรีวัฒน์ จึงถือได้ถือแต้มต่อเหนือพรรคร่วมที่คงไม่กล้าหือหรือยึกยักเหมือนที่ผ่านมา
“ราเกซ” โผล่มาเป็นตัวช่วยให้อภิสิทธิ์ก็ว่าได้!
ขณะที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยเอง ที่เห็นไพร่ราบพลเลว หัวขวดหัวเขียงทำออกมากระตุ้น เหมือนได้ทีขี่แพะไล่ เรียกร้องให้ราเกซปูดข้อมูลของนักการเมืองที่ร่วมแสวงหาประโยชน์ทำบีบีซีเจ๊ง
โดยลืมปรึกษา “นายใหญ่” ที่ดูไบ??
เพราะข้อมูล นอกจากนักการเมืองกลุ่ม 16 ที่ก็เคยร่วมหัวจมท้ายกับระบอบทักษิณมาก่อนแล้ว ยังมีชื่อข้าราชการ ตำรวจ อดีตผู้บริหาร ธปท.ที่กำกับดูแลสถาบันการเงินหลายราย ที่เป็นคนในเครือข่ายของทักษิณ
คัดเฉพาะตัวเป้งเลย ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ อดีตเจ้าสัวอาณาจักรบ้านฉาง เคยมีชื่ออยู่ในกลุ่มเดียวกับนักการเมืองกลุ่ม16 ที่ได้รับประโยชน์จากการกู้แบงก์บีบีซี
และวันนี้ไพโรจน์ก็ถือเป็น “มือขวาตัวจริง”ของทักษิณ ในการดีลธุรกิจในต่างประเทศ กลจักรสำคัญของเครือข่ายของนักโทษชายหนีคดี
หนำซ้ำยังมีพวกพ้องที่ต่อสายสัมพันธ์ใกล้ชิด พายัพ ชินวัตร น้องชายทักษิณ ที่เพิ่งโอดโอยกับนักข่าวที่ถูกพาดพิง เรื่องข่าวลืออุบาทว์ และเรื่องทุบหุ้นร่วงรูดในช่วงปลายเดือนก่อน
ยังไม่รวม พล.ต.อ.เฉลิมเดช ชมพูนุท อดีตโฆษกรัฐบาลยุคไทยรักไทยครองอำนาจ ที่สมัยนั้นเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบร่วมกับ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน เป็นทีมไล่ล่า บินไปเจรจากับราเกซ ล้มเหลว
เดินหิ้วกระเป๋าตัวเอียงกลับไทย
ฉะนั้นต้องสะกิดไพร่ทาส หัดเช็คอาการ “นายเหนือหัว” ให้ดี เพราะแค่สังเกตก็น่าจะรู้ นช.ทักษิณ พยายามหลีกเลี่ยงออกความเห็นถึงกรณี“พ่อมดการเงิน” เพราะกลัวพูดออกไป จะเข้าตัว ทิ่มโดนพวกเดียวกัน??
สิ่งสำคัญเลยกับเรื่องการกลับมาของ “พ่อมดการเงิน” ราเกซ ก็คือ ท่าทีของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน นายกฯ อภิสิทธิ์ จะเอาจริงเอาจังแค่ไหนกับการกำจัดระบอบทุนสามานย์ ต้นเหตุแห่งความหายนะเศรษฐกิจที่มีบทเรียนมาแล้ว
รวมทั้งคนในประชาธิปัตย์ ทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่เคยเปิดโปงกรณีโกงแบงค์บีบีซี ล้มรัฐบาลบรรหาร วันนี้ เมื่อนักการเมืองที่เคยข้องเกี่ยวกับกรณีบีบีซีบางส่วน พลิกขั้วมาอยู่ร่วมในรัฐบาลจะแสดงออกอย่างไร
หรือแม้แต่ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ที่เคยบินไปถึงแคนาดา และป่าวประกาศว่ามีข้อมูลรายชื่อของนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อฉลในแบงก์บีบีซี
วันนี้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ จะทำอะไรได้หรือไม่?
และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ต้องติดตามดูอาการ กับรายที่เพิ่งติดปีกหลุดคดีความต่างๆมาหมาดๆ เตรียมจะบินเหินหาวสู่ฟากฟ้า เนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมิใจไทย และเหนือ ครม. ดันมีเรื่องราวให้ต้องชะลอความฮึกเหิม
ชื่อ “พ่อมดการเงิน” ดับห้าว “หมอผีการเมือง” ชะงัด
ถึงจะแสดงท่าทีไม่รู้สึกกังวลใดๆ เพราะ “ราเกซไม่ใช่ญาติ” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และกระซิบสื่อสนิทเสนอข่าวออกตัวว่าไม่มีปอดแหก-ตาขาว แต่ความจริงรู้อยู่แก่ใจ เสียววาบหรือไม่
เพราะนอกเหนือจากนักการเมือง ยังมีที่สุ่มเสี่ยงตกเป็นเหยื่อแขกมหาภัยกลับบ้านอีกหลายราย ทั้ง วิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าฯ ธปท.สมัยเริ่มเกิดปัญหาในธนาคาร และเป็นผู้สั่งให้แบงก์ออมสินเข้าซื้อหุ้นบีบีซี ในยุคบรรหารนั่งเก้าอี้ผู้นำ
นิพัทธ พุกกะณะสุต อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตประธานบอร์ดธนาคารออมสิน ที่เป็นอนุมัติหยิบเงินเด็กไปช่วยบีบีซี จนภายหลังถูกตั้งกรรมการสอบในเรื่องเช็ก 30 ล้าน ที่มีความเกี่ยวโยงกับบีบีซี
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตคนสนิทที่นายวิจิตรไว้วางใจ สมัยยังอยู่ที่ ธปท. และดูแลด้านกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน ที่รู้เรื่องกรณีแบงก์บีบีซีเป็นอย่างดี
บุคคลทั้งสามรายคือเครือข่ายของเนวิน
มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับดาวรุ่งจากบุรีรัมย์รายนี้นั่งเก้าอี้รมช.คลัง ในสมัยรัฐบาลพรรชาติไทย ที่มีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็น รมว.คลัง
รวมทั้ง เอกชัย อธิคมนันทะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เพื่อนสนิทเกริกเกียรติ ตั้งแต่เป็นลูกหม้อแบงก์ชาติ รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา รมช.ให้นายเนวิน เพราะสนิทสนมตั้งแต่ตระกูลชิดชอบ เป็นลูกค้าแบงก์ที่ตัวเองบริหาร
วันนี้นอกจาก “เอกชัย” ที่ติดคดีร่วมกับเกริกเกียรติ ต้องเดินสายขึ้นศาลแล้วกลุ่มคนในเครือข่าย ที่ร่วมกันสร้าง “โมเดลปีศาจ”กลุ่มนี้ ยังอยู่ดีครบถ้วน
“เนวิน-วิจิตร-นิพัทธ-ธีระชัย”
4 ทหารเสือที่อุ้มชูเกื้อกูลกันมาตลอด ร่วมเครือข่ายในอำนาจ ต่างก็มีบทบาทและตำแหน่งทั้งในฝ่ายบริหาร กระทรวงการคลัง-ธปท.-ตลาดหลักทรัพย์ บอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงตลาดเงินตลาดทุน
ตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ มาจนรัฐบาลนอมินี 2 สมัย กระทั่งวันนี้ เนวิน แม้จะโดนโทษเว้นวรรคแต่ก็คือตัวจริงของพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาล ขณะที่วิจิตร-นิพัทธ-ธีระชัย ก็ยังร่วมเครือข่าย และเกาะกลุ่มกันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และ กลต.
1 ทศวรรษกว่าที่ผ่านพ้น จากยุคต้นแบบแห่งความพินาศ โมเดลแห่งหายนะ มาสู่ยุคฟองสบู่แตก เศรษฐกิจเจ๊งไปทั่วโลกด้วยอิทธิฤทธิ์ต้มยำกุ้งไครซิส และสมัยแห่งโลกทุนนิยมเร่งด่วน ระบอบทักษิณ จนกระทั่งปัจจุบัน
การแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดเงินตลาดทุนยังคงอยู่เช่นเดิม แต่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น เป็นวงจรอุบาทว์ ทุบหุ้น-ปั่นหุ้น ที่ตัวละคร ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ผู้กำกับนโยบายดูแล สมคบคิดแสวงหาประโยชน์
คนในระบอบทุนสามานย์ ยังอยู่ดีเหมือนเดิม??