ASTV-ผู้จัดการรายวัน – ใกล้รู้ตัวไอ้โม่ง!ทุบหุ้น ล่าสุดตำรวจเตรียมเสนอพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ 4 -5 คนกรณีปล่อยข่าวลือเมื่อวันที่ 14-15 ต.ค. ข้อหาสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน พร้อมเตรียมออกหมายค้น1บริษัทต้นตอกระจายข่าวอัปมงคลผ่านอินเทอร์เน็ต ด้าน ตลาดหุ้น -ก.ล.ต. -แบงก์ชาติ และกระทรวงการคลัง เตรียมหารือใหญ่วางกรอบป้องกันข่าวลือทุบหุ้นรอบใหม่ “ภัทรียา”เสนอหากเจอข่าวลือกดดัชนีหุ้นร่วงลงถึง 5% ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบออกมาชี้แจง
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) แจ้งว่า วันนี้ (29 ต.ค.) พนักงานสอบสวนคดีกลุ่มบุคคลปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคล ทำให้ราคาหุ้นไทยตกต่ำ เตรียมนำพยานหลักฐานเพื่อขอให้ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4-5 คน ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14
แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ไม่ประสงค์ดี ปล่อยข่าวที่ไม่เป็นมงคล ว่า ในเรื่องของการปั่นหุ้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในส่วนของ ตร. สามารถที่จะดำเนินคดีในส่วนของผู้ที่ปล่อยข่าวลวงอันเป็นเท็จและไม่เป็นมงคล ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ก็ดำเนินการอยู่ไม่ได้นิ่งนอนใจ
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ยังได้เตรียมขอหมายค้น บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นตอของกาารปล่อยข่าวอัปมงคลดังกล่าวให้แพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต ด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในย่านไหน
**ตลาดหุ้นรุดหามาตรการสกัดข่าว
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประชุมหารือกับทางสำนักงานก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และ กระทรวงการคลังในเรื่องการหามาตรการป้องกันข่าวลือที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งทางก.ล.ต.อยู่ระหว่างการประสานงานการนัดประชุมครั้งนี้
โดยทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะเสนอว่า หากมีข่าวลือเกิดขึ้นและทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงระดับหนึ่งหรือถึง 5%จากวันก่อนหน้า จะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือให้มีการรีบชี้แจงข่าวให้มีความชัดเจนและเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบทำให้ดัชนีมีการปรับตัวลดลงไปมากและทำให้นักลงทุนเสียหาย และหากข่าวลือที่ไม่เกี่ยวข้องกับ4 หน่วยงานดูแลอยู่นั้นจะมีการหาลือว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรและจะมีหน่วยงานใดมาช่วยชี้แจง
ส่วนมาตรการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว(เซอร์กิต เบรกเกอร์)นั้น ตลท.มองว่าจะมีการใช้ต่อเมื่อดัชนีมีการปรับตัวลดลง 10% ที่ได้ดำเนินการใช้ในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะป้องกันแรงเทขายที่สูงของนักลงทุนอยุ่แล้ว แต่มาตรการที่ตลท.จะเสนอในที่ประชุมร่วมกับ 3-4 หน่วยงานดังกล่าวนั้นถือเป็นการป้องกันอีกระดับหนึ่งเท่านั้น
“แนวทางในการป้องกันข่าวลือที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้นซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการรับมืออย่างไร ซึ่งเบื้องต้นตลท.มองว่าจะมีการเสนอว่าหากมีข่าวลือกระทบทำให้ดัชนีหุ้นลง 5% หรือบางกรณีอาจจะไม่ถึง 5% เพียง 3% ก็จะต้องรีบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการชี้แจงข่าวให้ทันท่วงทีเพื่อไม่ให้ข่าวลือนั้นกระทบทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรง ”นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวแคบๆและมีการปรับตัวลดลงนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการติดตามมาตลอด โดยหากดูดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคนั้นมีการปรับตัวลดลงมา จึงมองว่าน่าจะเกิดจากการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคมากกว่า คงไม่ได้เกิดจากกรณีการตรวจสอบการซื้อขาย จากที่มีข่าวลือ
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังกล่าวว่า ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะหารือร่วมกับก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อซักซ้อมความเข้าในการควบคุมการแพร่ข่าวลือ รวมถึงซักซ้อมความเข้าใจในแผนแม่บทพัฒนาตลาดทุนที่จะเสนอเข้าพิจารณาในคณะรัฐมตรี(ครม.)เศรษฐกิจในสัปดาห์หน้าด้วย
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) แจ้งว่า วันนี้ (29 ต.ค.) พนักงานสอบสวนคดีกลุ่มบุคคลปล่อยข่าวลือไม่เป็นมงคล ทำให้ราคาหุ้นไทยตกต่ำ เตรียมนำพยานหลักฐานเพื่อขอให้ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4-5 คน ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14
แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ไม่ประสงค์ดี ปล่อยข่าวที่ไม่เป็นมงคล ว่า ในเรื่องของการปั่นหุ้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในส่วนของ ตร. สามารถที่จะดำเนินคดีในส่วนของผู้ที่ปล่อยข่าวลวงอันเป็นเท็จและไม่เป็นมงคล ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ก็ดำเนินการอยู่ไม่ได้นิ่งนอนใจ
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ยังได้เตรียมขอหมายค้น บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นตอของกาารปล่อยข่าวอัปมงคลดังกล่าวให้แพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต ด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในย่านไหน
**ตลาดหุ้นรุดหามาตรการสกัดข่าว
ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการประชุมหารือกับทางสำนักงานก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และ กระทรวงการคลังในเรื่องการหามาตรการป้องกันข่าวลือที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งทางก.ล.ต.อยู่ระหว่างการประสานงานการนัดประชุมครั้งนี้
โดยทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะเสนอว่า หากมีข่าวลือเกิดขึ้นและทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงระดับหนึ่งหรือถึง 5%จากวันก่อนหน้า จะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือให้มีการรีบชี้แจงข่าวให้มีความชัดเจนและเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบทำให้ดัชนีมีการปรับตัวลดลงไปมากและทำให้นักลงทุนเสียหาย และหากข่าวลือที่ไม่เกี่ยวข้องกับ4 หน่วยงานดูแลอยู่นั้นจะมีการหาลือว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรและจะมีหน่วยงานใดมาช่วยชี้แจง
ส่วนมาตรการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว(เซอร์กิต เบรกเกอร์)นั้น ตลท.มองว่าจะมีการใช้ต่อเมื่อดัชนีมีการปรับตัวลดลง 10% ที่ได้ดำเนินการใช้ในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะป้องกันแรงเทขายที่สูงของนักลงทุนอยุ่แล้ว แต่มาตรการที่ตลท.จะเสนอในที่ประชุมร่วมกับ 3-4 หน่วยงานดังกล่าวนั้นถือเป็นการป้องกันอีกระดับหนึ่งเท่านั้น
“แนวทางในการป้องกันข่าวลือที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้นซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการรับมืออย่างไร ซึ่งเบื้องต้นตลท.มองว่าจะมีการเสนอว่าหากมีข่าวลือกระทบทำให้ดัชนีหุ้นลง 5% หรือบางกรณีอาจจะไม่ถึง 5% เพียง 3% ก็จะต้องรีบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการชี้แจงข่าวให้ทันท่วงทีเพื่อไม่ให้ข่าวลือนั้นกระทบทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรง ”นางภัทรียา กล่าว
สำหรับการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวแคบๆและมีการปรับตัวลดลงนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการติดตามมาตลอด โดยหากดูดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคนั้นมีการปรับตัวลดลงมา จึงมองว่าน่าจะเกิดจากการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคมากกว่า คงไม่ได้เกิดจากกรณีการตรวจสอบการซื้อขาย จากที่มีข่าวลือ
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังกล่าวว่า ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะหารือร่วมกับก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อซักซ้อมความเข้าในการควบคุมการแพร่ข่าวลือ รวมถึงซักซ้อมความเข้าใจในแผนแม่บทพัฒนาตลาดทุนที่จะเสนอเข้าพิจารณาในคณะรัฐมตรี(ครม.)เศรษฐกิจในสัปดาห์หน้าด้วย
