“กรณ์” เตรียมประสาน DSI ตรวจสอบ-เอาผิด ขบวนการปล่อยข่าวลืออัปมงคลทุบหุ้น หลังจาก ก.ล.ต.ขอเวลา 1 เดือน เกรงว่าจะนานเกินไป เพราะมีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว แค่หลับตาก็เห็นหมด พร้อมแสดงความเป็นห่วงท่าที ก.ล.ต.-ตลท.โดยแนะให้ ก.ล.ต.ต้องชัดเจน เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่หุ้นลงแล้วพอหุ้นขึ้นก็ถือว่าเรื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ได้
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กำลังพิจารณาประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบและเอาผิดขบวนการปล่อยข่าวลือในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดลงไปหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานความคืบหน้าผลการตรวจสอบมาให้รับทราบภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าทาง ก.ล.ต.จะขอเวลามา 1 เดือน แต่เห็นว่านานเกินไป ขณะที่ท่าทีของ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้เท่าที่ควร
“เดิม ก.ล.ต.ขอเวลา 1 เดือน แต่เห็นว่าไม่ได้ เพราะเรื่องนี้คิดว่าไม่น่านาน เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว เบื้องต้นตามข้อมูลที่เห็นก็รู้ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้น่าจะชัดเจนส่งข้อมูลมาให้ผม เพราะผมจะได้ชี้แจง ส.ว.ในวันจันทร์นี้ ดังนั้น ก.ล.ต.ต้องชัดเจน เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่หุ้นลงแล้วพอหุ้นขึ้น ก็ถือว่าเรื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ได้ เพราะไม่อยากเห็นความผันผวนในตลาดหุ้นอีก ต้องมีข่าวที่กระทบต่อการลงทุนให้น้อยที่สุด”
รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก.ล.ต.มีการรายงานว่าข้อมูลที่ตรวจสอบ ยังไม่พบว่าข่าวลือที่ออกเป็นการปั่นหุ้น แต่ยังไม่เป็นคำตอบที่เป็นทางการ จึงได้ฝากข้อสังเกตให้การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้น ว่า มีน้ำหนักหรือมีข้อมูลในทิศทางใด โดยเรื่องนี้ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หาก ก.ล.ต.ยังไม่สามารถทำงานได้ จะให้นำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีทางเศรษฐกิจเพื่อให้ DSI ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีท่าที และมีจุดยืนชัดเจนในการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย และต้องการให้เน้นประเด็นในการหาผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นการสร้างสถานการณ์ เผยแพร่ข่าวที่เป็นเท็จ และกระทบต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุน ดังนั้น ก.ล.ต.จะต้องมีความชัดเจนในการดำเนินการตามกฎหมาย การหาผู้แพร่ข่าว และชี้แจงให้ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายกรณ์ กล่าวยอมรับว่า การที่ตลาดหุ้นไทยมีความอ่อนไหวต่อกระแสข่าวลือต่างๆ สะท้อนว่าโครงสร้างตลาดหุ้นไทยยังเล็ก ดังนั้น นักลงทุนต้องใช้วิจารณญาณและสติในการลงทุน เพราะเชื่อว่าความผันผวนในตลาดห้นยังมีอยู่ และนักลงทุนมักจะมองระดับผลตอบแทนในตลาดหุ้นในระยะสั้นๆ เท่านั้น นอกจากนี้ การอ่อนไหวต่อข่าวลือต่างๆ ที่กระทบต่อเสถียรภาพการเมืองและระดับความเชื่อมั่น เป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์จากความอ่อนไหวต่อข่าวต่างๆ