ASTV ผู้จัดการรายวัน - ส.ว.แนะรัฐใช้กม.ความมั่นคง และ ป.ป.ง. เข้าตรวจสอบหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์ซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ลากใส้ขบวนการปล่อยข่าวลืออัปมงคลทุบหุ้น ด้านนายกฯย้ำเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การทุบหุ้น แต่มีมิติด้านความมั่นคง ซึ่งตำรวจต้องรู้ดี ขณะที่บรรดานักลงทุนรายใหญ่เริ่มตื่นตระหนก ไม่กล้าเทรด หลังถูกดีเอสไอ เรียกสอบข้อมูลเชิงลึก
วานนี้ (27ต.ค.)เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา มีพล.อ.อ.ณพฤษ์ มัณฑะจิตรส.ว.สรรหา ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม พิจารณากรณีการปล่อยข่าวลือทุบตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมเชิญผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง และนายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโสที่เชี่ยวชาญในเรื่องหุ้น มาให้ข้อมูล อย่างไรก็ดี ฝ่ายตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง ขณะที่นายสุเทพ ขอเลื่อนการชี้แจงเป็นวันที่ 11 พฤศจิกายน
นาย คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการกมธ. เปิดเผยผลการประชุมว่า วานนี้นายสุนันท์ ได้มาให้ข้อมูลเพียงคนเดียว ส่วนฝ่ายอื่นๆขอเลื่อนการชี้แจง ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับขบวนการเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งมีมานานแล้ว แต่รัฐบาลและคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ปล่อยปละละเลยมานาน ซึ่งเหตุวันที่ 14 -15 ตุลาคม เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีการกระทำเพื่อเก็งกำไร แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะข่าวลือที่นำมาปล่อยเป็นข่าวลืออัปมงคล
นายคำนูณ กล่าวว่า กมธ.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องขบวนการเก็งกำไร ก็ให้เป็นเรื่องของก.ล.ต.ที่จะต้องไปดำเนินการ และไม่ใช่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกมธ.โดยตรง ส่วนกมธ.จะโฟกัสไปที่ ข่าวลือที่เป็นมิติความมั่นคง และมองว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังตั้งโจทย์ผิดทางหากดูจากการตอบกระทู้ของส.ว.ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม เพราะถ้ามุ่งไปที่ขบวนการเก็งกำไร จะสาวถึงต้นตอการปล่อยข่าวลือยาก เพราะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากตามปกติ กมธ.จึงเห็นว่า รัฐบาลต้องนำประเด็นเรื่องความมั่นคงเป็นตัวตั้ง และนำเรื่องขบวนการเก็งกำไรมาเป็นตัวเสริม เพราะมีหลักฐานประกอบชัดเจน โดยเฉพาะข้อเขียนของนาย ใจ อึ้งภากรณ์ ที่ลงเวบไซต์หนึ่งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อใช้มิติความมั่นคงตั้ง จะสามารถใช้กฎหมายหลากหลายมาดำเนินการได้ อาทิ กฎหมายอาญา กฎหมายความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ความมั่นคง และมาตรการทางการบริหารโดยใช้ป.ป.ง.เข้ามาตรวจสอบ
“หากใช้ฐานเรื่องความมั่นคงตั้ง จะสามารถเข้าไปตรวจสอบ การซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุน ที่จะมีการโทรศัพท์และมีการบันทึกข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ ลักษณะทำนองกล่องดำมาตรวจสอบได้ ซึ่งกมธ.จะรอฟังผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และสรุปเป็นข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายบริหารต่อไป” นายคำนูณ กล่าว
สาทิตย์ย้ำทุกหน่วยเฝ้าจับตา
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมว.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเส้นทางสื่อที่ปล่อยข่าวอัปมงคลทุบตลาดหุ้นไทยซึ่งมีสำนักต่างประเทศบางสำนักคอยกระจายข่าวตามที่นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหาออกมาระบุว่า เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศก็จับตาดูอยู่แล้ว และส่วนของตนก็จะดูในส่วนของตน
นายกฯ ย้ำข่าวทุบหุ้นกระทบความมั่นคงชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการอยากให้ ป.ป.ง.เข้าไปสอบเส้นทางการเงินบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวทุบหุ้นไทยด้วยนอกเหนือจากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสันติบาลดำเนินการว่า เวลานี้อย่างที่ข่าวสารออกไป มันมีการตั้งประเด็นจากที่มีบางฝ่ายขายล่วงหน้าในปริมาณที่สูง และมันจะเป็นตัวที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว เพราะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ปกปิดเส้นทางการซื้อขาย ถ้าเราชัดเจนกลุ่มไหนเกี่ยวข้องกับการขยายผลไม่ยากอยู่แล้ว ทุกกลไกของรับเขาไปได้ แต่ในชั้นนี้หากเขาเห็นเบาะแสอะไรเขาก็ต้องไปขยายลตรงนั้นก่อน
เมื่อถามว่า คิดว่าการขยายผลจะถึงต้นตอตรงนั้นหรือไม่ นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้คนทำงานเรื่องการสอบสวนอยู่ยังไม่ได้ไปล้วงข้อมูลเหล่านั้นมา แต่เขาเริ่มมองการซื้อขายที่อาจผิดปกติหรือสวนกระแส และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง เมื่อถามว่ามีการวางระบบป้องกันการเกิดเหตุลักษณะเดียวกันในอนาคตแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งคนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองสิ่งที่เป็นข่าวต่างๆ หากเราสามารถจับหรือลงโทษได้ก็จะช่วยปรามในอนาคต ได้ เมื่อถามว่าตัวเนื้อหาของข่าวที่ลือมันมีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้บอกไปแล้ว ทางตำรวจก็ทราบดีไม่ใช่แค่เรื่องปั่นหุ้น มันมีมิติทางความมั่นคงอยู่ เขาทราบดี
ขาใหญ่ตลาดหุ้นผวาหลังDSIสอบลึก
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า บรรดานักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่ม Daily Trade กำลังกังวลหนัก หลังจากมีข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เรียก"เสี่ยยักษ์" และ "หมอยง"ไปสอบกรณีที่มีการปล่อยข่าวลือทุบตลาดหุ้นร่วงแรงช่วง 14-15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายชาญ เลิศประเสริฐภากร หรือ"เสี่ยชาญ"นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนี้จะทำให้นักลงทุนรายใหญ่ กลัวกันหมด และไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน เพราะกังวลอาจถูกเหวี่ยงแหเข้าไปมีส่วนพัวพันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วานนี้ (27ต.ค.)เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา มีพล.อ.อ.ณพฤษ์ มัณฑะจิตรส.ว.สรรหา ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม พิจารณากรณีการปล่อยข่าวลือทุบตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมเชิญผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง และนายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโสที่เชี่ยวชาญในเรื่องหุ้น มาให้ข้อมูล อย่างไรก็ดี ฝ่ายตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง ขณะที่นายสุเทพ ขอเลื่อนการชี้แจงเป็นวันที่ 11 พฤศจิกายน
นาย คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการกมธ. เปิดเผยผลการประชุมว่า วานนี้นายสุนันท์ ได้มาให้ข้อมูลเพียงคนเดียว ส่วนฝ่ายอื่นๆขอเลื่อนการชี้แจง ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับขบวนการเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งมีมานานแล้ว แต่รัฐบาลและคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ปล่อยปละละเลยมานาน ซึ่งเหตุวันที่ 14 -15 ตุลาคม เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีการกระทำเพื่อเก็งกำไร แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะข่าวลือที่นำมาปล่อยเป็นข่าวลืออัปมงคล
นายคำนูณ กล่าวว่า กมธ.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องขบวนการเก็งกำไร ก็ให้เป็นเรื่องของก.ล.ต.ที่จะต้องไปดำเนินการ และไม่ใช่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกมธ.โดยตรง ส่วนกมธ.จะโฟกัสไปที่ ข่าวลือที่เป็นมิติความมั่นคง และมองว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังตั้งโจทย์ผิดทางหากดูจากการตอบกระทู้ของส.ว.ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม เพราะถ้ามุ่งไปที่ขบวนการเก็งกำไร จะสาวถึงต้นตอการปล่อยข่าวลือยาก เพราะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากตามปกติ กมธ.จึงเห็นว่า รัฐบาลต้องนำประเด็นเรื่องความมั่นคงเป็นตัวตั้ง และนำเรื่องขบวนการเก็งกำไรมาเป็นตัวเสริม เพราะมีหลักฐานประกอบชัดเจน โดยเฉพาะข้อเขียนของนาย ใจ อึ้งภากรณ์ ที่ลงเวบไซต์หนึ่งเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อใช้มิติความมั่นคงตั้ง จะสามารถใช้กฎหมายหลากหลายมาดำเนินการได้ อาทิ กฎหมายอาญา กฎหมายความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ความมั่นคง และมาตรการทางการบริหารโดยใช้ป.ป.ง.เข้ามาตรวจสอบ
“หากใช้ฐานเรื่องความมั่นคงตั้ง จะสามารถเข้าไปตรวจสอบ การซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุน ที่จะมีการโทรศัพท์และมีการบันทึกข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ ลักษณะทำนองกล่องดำมาตรวจสอบได้ ซึ่งกมธ.จะรอฟังผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และสรุปเป็นข้อเสนอแนะแก่ฝ่ายบริหารต่อไป” นายคำนูณ กล่าว
สาทิตย์ย้ำทุกหน่วยเฝ้าจับตา
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมว.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเส้นทางสื่อที่ปล่อยข่าวอัปมงคลทุบตลาดหุ้นไทยซึ่งมีสำนักต่างประเทศบางสำนักคอยกระจายข่าวตามที่นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหาออกมาระบุว่า เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศก็จับตาดูอยู่แล้ว และส่วนของตนก็จะดูในส่วนของตน
นายกฯ ย้ำข่าวทุบหุ้นกระทบความมั่นคงชาติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการอยากให้ ป.ป.ง.เข้าไปสอบเส้นทางการเงินบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวทุบหุ้นไทยด้วยนอกเหนือจากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสันติบาลดำเนินการว่า เวลานี้อย่างที่ข่าวสารออกไป มันมีการตั้งประเด็นจากที่มีบางฝ่ายขายล่วงหน้าในปริมาณที่สูง และมันจะเป็นตัวที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว เพราะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ปกปิดเส้นทางการซื้อขาย ถ้าเราชัดเจนกลุ่มไหนเกี่ยวข้องกับการขยายผลไม่ยากอยู่แล้ว ทุกกลไกของรับเขาไปได้ แต่ในชั้นนี้หากเขาเห็นเบาะแสอะไรเขาก็ต้องไปขยายลตรงนั้นก่อน
เมื่อถามว่า คิดว่าการขยายผลจะถึงต้นตอตรงนั้นหรือไม่ นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้คนทำงานเรื่องการสอบสวนอยู่ยังไม่ได้ไปล้วงข้อมูลเหล่านั้นมา แต่เขาเริ่มมองการซื้อขายที่อาจผิดปกติหรือสวนกระแส และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง เมื่อถามว่ามีการวางระบบป้องกันการเกิดเหตุลักษณะเดียวกันในอนาคตแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งคนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองสิ่งที่เป็นข่าวต่างๆ หากเราสามารถจับหรือลงโทษได้ก็จะช่วยปรามในอนาคต ได้ เมื่อถามว่าตัวเนื้อหาของข่าวที่ลือมันมีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้บอกไปแล้ว ทางตำรวจก็ทราบดีไม่ใช่แค่เรื่องปั่นหุ้น มันมีมิติทางความมั่นคงอยู่ เขาทราบดี
ขาใหญ่ตลาดหุ้นผวาหลังDSIสอบลึก
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า บรรดานักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่ม Daily Trade กำลังกังวลหนัก หลังจากมีข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เรียก"เสี่ยยักษ์" และ "หมอยง"ไปสอบกรณีที่มีการปล่อยข่าวลือทุบตลาดหุ้นร่วงแรงช่วง 14-15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายชาญ เลิศประเสริฐภากร หรือ"เสี่ยชาญ"นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ถ้าทำอย่างนี้จะทำให้นักลงทุนรายใหญ่ กลัวกันหมด และไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน เพราะกังวลอาจถูกเหวี่ยงแหเข้าไปมีส่วนพัวพันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น