ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐบาลเมิน "บิ๊กจิ๋ว" ถ่ายรูปคู่ "ฮุนเซน" นายกฯ เผยคุยกันทุกครั้ง ก็ยืนยันว่าเป็นเพื่อนกับแม้ว แต่ฮุนเซนแยกออกเรื่องส่วนตัวกับหน้าที่ กลุ่ม 40 ส.ว. จี้โต้ตอบฐานแทรกแซงกิจการภายในให้สมกับเป็นผู้นำ นช.แม้วมาตามนัด ทวิตเตอร์ขอบคุณ"จิ๋ว-ฮุนเซน"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่าสร้างบ้านรอพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมเปิดบ้านที่กัมพูชารอรับว่า ตนได้พบกับสมเด็จฮุนเซนหลายครั้ง และเวลาคุยกัน สมเด็จฮุนเซนจะพูดตรงไปตรงมาว่าเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็บอกว่าเรื่องของเพื่อน ต้องแยกออกจากเรื่องการทำหน้าที่และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นในฐานะเพื่อนจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ แต่ในแง่ของการดำเนินนโยบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นหากพ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปในกัมพูชา จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามสนธิสัญญานี้ และที่คุยกับสมเด็จฮุนเซนก็ยืนยันว่าเรื่องเพื่อนก็แยกออกจากความสัมพันธ์ และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องมาก่อน ซึ่งสมเด็จฮุนเซนยืนยันอย่างนี้ทุกครั้ง และตนยังเชื่อว่ายืนยันอยู่ ซึ่งตนไม่ติดใจและคงไม่สอบถาม
ส่วนการพูดดังกล่าวถือเป็นการเลือกข้างของสมเด็จฮุนเซนว่าอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณ และอยู่ตรงข้ามรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือไม่นั้น นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเป็นเพื่อนคงไม่มาเกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศ และเวลาที่พูดกับตนและอีกหลาย ๆ คนเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้พูดอย่างนี้ และเชื่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดอาเซียนตนคงได้มีโอกาสคุยกับสมเด็จฮุนเซนบ้าง
ส่วนที่มีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซนไม่มาร่วมในวันเปิดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ก็ถือเป็นธรรมดา เพราะผู้นำหลายคนก็มาไม่ทัน แต่ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร ท่านพูดชัดว่าพูดในฐานะเพื่อน เล่าในฐานะเพื่อน เรื่องในครอบครัวของท่าน แต่ท่านบอกกับผมแล้วว่าเรื่องเพื่อนกับเรื่องการทำหน้าที่นั้นแยกออกจากกัน ดังนั้นผมไม่ติดใจ เพราะท่านบอกทุกครั้งว่าในฐานเพื่อนท่านรู้สึกอย่างไร
“ผมบอกอย่างนี้เลยครับ เวลาผมคุยกับนายกฯฮุนเซนเรื่องนี้ ผมบอกคนเป็นเพื่อนกัน ก็ต้องเป็นเพื่อนตลอดไป ไม่อย่างนั้นก็คบกันไม่ได้ แต่คนที่มาดำรงตำแหน่งที่สำคัญก็ต้องแยกเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวออกไป ก็เห็นตรงกัน ดังนั้นต้องแยกแยะและในที่สุดอยู่ที่การปฏิบัติหน้าที่ ผมคิดว่าการทำงานของรัฐบาลไทยกับกัมพูชาต้องยึดเอาประโยชน์ของแต่ละประเทศ และความสัมพันธ์ที่ดีเป็นตัวตั้ง แล้วเดินหน้าตามกรอบนี้”
** “ฮุนเซน”พูดตลอดต้องทำเพื่ออนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปแล้วไม่มีการดำเนินการตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเข้าไปแล้ว ไม่ดำเนินการตามสนธิสัญญาก็ค่อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซนระบุว่าการเมืองจะสงบได้จะต้องอโหสิกรรมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นคำพูด ที่ถูกต้อง แต่คนทำผิดจะต้องสำนึกก่อน และหากตนมีโอกาสได้พบสมเด็จฮุนเซนก็จะพูดคุยกันตามปกติ และความจริงเรื่องที่สำคัญกว่าคือเรื่องความสัมพันธ์ในภาพรวม ซึ่งเราคุยกันมาหลายครั้งว่าความสัมพันธ์ในภาพรวมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและแก้ปัญหาบนหลักการของการไม่กระทบกระทั่งและด้วยสันติวิธี
“ซึ่งความจริงแล้ว มีคำหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาพูดกับตนทุกครั้งคือ ต้องการที่จะทำงานเพื่ออนาคต และไม่อยากให้เรื่องของอดีตมาเป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ และผมเชื่อว่าทุกคนเลือกอนาคต”
**เหน็บ"จิ๋ว" อย่าทำเพื่อพวกพ้อง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เผยว่าสมเด็จฮุนเซนระบุว่ามีก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีความไม่เข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ไม่มีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน คือในอดีตมีการพูดคุยเจรจาในเรื่องตรงนี้มา เพียงแต่สูตรของ การคำนวณเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงยุติกันไป แต่การจะเริ่มต้นใหม่ในปัจจุบันต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ดังนั้นต้องรอในเรื่องของกรอบการเจรจา
ส่วนการให้สัมปทานที่บอกว่าเข้าใจกันผิดนั้น ความจริงที่พล.อ.ชวลิต พูดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.) ก็เหมือนกับที่รัฐบาลได้ชี้แจงไปแล้วว่าเรื่องการให้สัมปทานนั้นยังให้ซ้อนกันอยู่
สำหรับกรณีที่พล.อ.ชวลิตจะเดินสายไปพม่า และมาเลเซียด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ไปคุยเรื่องผลประโยชน์ของส่วนรวม อย่าไปคุยกันเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ส่วนที่พล.อ.ชวลิตไปเพื่อประโยชน์ของใครคงต้องรอดูรายละเอียด แต่ที่พูดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.เห็นเป็นเรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้เห็นว่าความจริงแล้วคนที่เป็นนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ชวลิตมีสถานะเป็นอดีตผู้นำก็สามารถทำงานได้ แต่ขอให้ยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลักเท่านั้นเอง
**”สุเทพ”เชื่อผู้นำเขมรแยกแยะออก
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าไม่แปลกใจที่สมเด็จฮุนเซน ยังยืนยันเป็นเพื่อนที่ดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนที่ตนไปเจอสมเด็จฮุนเซน ท่านก็พูดคุยกับตนอย่างนี้
"ท่านบอกผมมาเองว่า ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกรณีคุณทักษิณ ท่านแยกแยะได้ว่า เรื่องความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ ท่านบอกว่าคนเป็นเพื่อนก็คบกันเป็นเพื่อน และท่านยืนยันกับผมมาเหมือนกันว่า คุณทักษิณเป็นเพื่อนท่าน แต่เรื่องภาระหน้าที่ของ บ้านเมืองในการเป็นหัวหน้ารัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องแยกกัน ตอนนั้นท่านพูดกับผมอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น"
ส่วนจะเป็นเรื่องบาดหมางกันจนกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศตรงไหน
“การที่นายกรัฐมนตรีของประเทศหนึ่งจะมีเพื่อนสักกี่คนก็เป็นสิทธิของท่าน ถ้าท่านเป็นเพื่อนกับคนที่มีปัญหากับเรา แล้วเราจะต้องไปโกรธทั้งประเทศก็ไม่มีเหตุผล หรืออย่างถ้าผมเป็นเพื่อนกับใครสักคน ซึ่งบังเอิญเป็นคนที่สมเด็จฮุน เซนไม่ชอบ ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เขมรกับไทยต้องโกรธกัน”
**”เทพเทือก”ไม่ประท้วง “ฮุนเซน”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการระบุว่าสมเด็จฮุนเซน พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา จะกระทบต่อการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงเกินไป บอกว่าพูดอย่างนี้ คงพูดเพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนกันไปบ้านท่านๆ ให้พัก เป็นธรรมดา ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าเรารู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปพักอยู่อย่างถาวรที่กัมพุชา เราก็มีสิทธิทำหนังสือไปถึงรัฐบาลกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อขอตัวให้ส่งมาดำเนินคดีในประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวว่าการที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศสร้างบ้านพักให้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ คงไม่ต้องไปประท้วงเพื่อให้ปรับท่าที อย่างที่ตนบอกแล้วว่าหากสมเด็จฮุนเซน บอกว่าใครเป็นเพื่อน แล้วเราไปประท้วงก็เกินไป เราทำตามกฎหมายเอา เมื่อมีช่องทาง มีกฎหมายระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเราก็ดำเนินการไปตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่การที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมือนเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นความเห็นธรรมดา เราเองมีความเห็นเรื่องคนนั้น คนนี้เยอะแยะไป ถ้าสิ่งที่เขาพูดหรือมีความเห็นแตกต่างจากที่เรารู้สึก ก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ที่สมเด็จฮุน เซน บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกการเมืองเล่นงานนั้น อาจจะพูดได้ เพราะท่านอาจจะเข้าใจอย่างนั้น แต่ถ้าเราเห็นว่าข้อมูลที่ท่านได้รับไม่ถูกต้อง เราไปเล่าข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ท่านฟัง เพราะขนาดคนไทยยังมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน พวกหนึ่งบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม และคนไทยอีกจำนวนมากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำให้คนอื่นและบ้านเมืองเสียหายมามาก แต่ไม่ต้องชี้แจงเพียงแต่เมื่อเจอกันก็เล่าให้ฟังเท่านั้น เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน บอกว่าการเมืองไทยแก้ได้ด้วยการ อโหสิกรรม คิดว่าจะทำตามที่แนะนำหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ก็ดี ก็ฟังท่านไว้ คนไทยก็อโหสิกันเป็นประจำ”
**รู้ทัน "จิ๋ว" ไปเจรจาเรื่องแม้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปครั้งนี้ภาพรวมจะเป็นประโยชน์กับประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะปัญหาปราสาทพระวิหารที่ทางกัมพูชา อยากจะถอนกำลังทหารเหมือนกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนที่ตนไปคุย สมเด็จฮุนเซน พูดกับตนอย่างนี้ และ ได้แสดงความชัดเจนออกมาว่าไม่ต้องการให้มีปัญหาระหว่างประเทศ ตนบอกว่า ไทยก็ไม่ต้องการมีปัญหา และอยากแก้ด้วยสันติวิธี แต่เข้าใจว่าแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศของแต่ละฝ่ายคงมีบ้างเป็นธรรมดา ตนยังไม่เห็นว่าสิ่งที่ พล.อ.ชวลิต ไปพูดมา กับสิ่งที่ตนเจอจะมีอะไรที่แตกต่างกันจนน่าตื่นเต้นส่วนโดย ภาพรวม จะมีประโยชน์กับประเทศหรือไม่ ต้องดูต่อไปว่านอกจากเรื่องที่พูดมา เท่านี้แล้ว จะมีอะไรอีก เพราะเท่าที่ดูไม่มีอะไรใหม่ เรื่องใหม่คือ พล.อ.ชวลิต ไปเจรจาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณกับสมเด็จฮุนเซนเท่านั้นเอง
ต่อข้อถามว่ามีการประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต เป็นการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกช่องทาง เพื่อให้เกิดการยอมรับ และได้กลับประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้ว การที่ พล.อ.ชวลิต กลับเข้ามาเป็นประธานพรรคเพื่อไทย ต้องทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ซึ่งวิธีการทำงานก็อย่างที่เห็น ไปที่ต่างๆ พยายามสร้างภาพให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นการต่อสู้ ทางการเมืองธรรมดา ต้องต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สำหรับตน รู้สึกเหมือนคนไทยทั้งหลายว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องมาจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครไปแกล้ง ศาลตัดสินมาแล้ว การไปเคลื่อนไหวที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นวิถีทางหนึ่ง แต่ทั้งหมดต้องตัดสินที่ประเทศไทย และคนไทย
**40 ส.ว.จี้มาร์คต้องตอบโต้
ที่รัฐสภา วานนี้ (22 ต.ค.) กลุ่ม40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ส.สรรหา ร่วมแถลงข่าวเรียกร้องให้นาย อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงท่าที่ตอบโต้ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กรณีที่ประกาศสร้างบ้านให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพ.ต.ท.ทักษิณ
นายคำนูณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมเด็จฮุนเซนสร้างท่าทีไม่เหมาะกับการเป็นมิตร ประเทศ ซึ่งถือเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงกิจการภายในของประเทศ เป็นการโหมฟืน ใส่กองไฟ การที่ระบุว่า พ.ต.ท.ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ของไทย ถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินกลับหนีออกนอกประเทศไปเอง ซึ่งการที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถกลับประเทศได้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการจะกลับหรือไม่กลับ ขึ้นอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ เอง จึงขอรียกร้องไปยัง นายอภิสิทธิ์ เ ในฐานะตัวแทนของคนไทย ให้แสดงถึงศักดิ์ศรีของประเทศเอกราช และประธานอาเซียนด้วยการตอบโต้ สมเด็จฮุนเซนอย่างเป็นทางการ หากไม่ดำเนินการก็ไม่ควรที่จะดำรงตำแหน่งอีกต่อไป
“ทุกวันนี้นายกฯขอบสวมเสื้อแจ็คแก็ตสีขาว สกรีนคำว่า ไทยเข้มแข็ง ซึ่งความหมายไม่ได้หมายถึง กู้ โกง และโกหก แต่ต้องแสดงความเข้มแข็ง”
**เฉ่ง "จิ๋ว" ชักศึกเข้าบ้าน
นายคำนูณ กล่าวว่า การกระทำของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ไปพูดคุยเหมือนเป็นการโหมฟืนเข้าไฟ ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน และแนวทางสร้างความสมานฉันท์จะไม่เป็นผล มีแต่จะจุดชนวนไฟ เพื่อปูทางให้ตัวเองได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จึงไปอยากให้ พล.อ.ชวลิต ทบทวนการกระทำของตัวเองว่าเหมาะสมกับการได้รับเครื่องราชระดับ มหาโยธินแล้วหรือยัง และเป็นการกระทำท่ามกลางปัญหาของประเทศในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรอยู่
ทั้งนี้การที่สมเด็จฮุนเซน ระบุว่าพพร้อมต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะได้สร้างบ้านไว้รอรับแล้ว หากเป็นจริงรัฐบาลต้องดูเรื่องสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากมีก็ต้องดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แถลงตอบโต้สมเด็จฮุนเซน ในช่วงที่มีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะเหมาะหรือไม่ กล่าวต่อว่าเมื่อผู้นำของ ประเทศเพื่อนบ้าน แสดงท่าทีไม่เหมาะสม ผู้นำของไทยควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งกระบวนการทางการต่างประเทศ มีให้เลือกหลายวิธี ตนไม่ต้องการให้ประกาศเป็นศัตรู แต่นายกฯควรแยกให้ออกสมเด็จฮุนเซนเป็นคนรอบจัดเพียงไร เพราะอาจพูดกับ พล.อ.ชวลิต อย่าง แต่พูดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม อีกอย่าง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้นำของไทยจึงพูดแบบสมเด็จฮุนเซนไม่ได้
ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่พล.อ.ชวลิต เสนอแนวทางแก้ปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และแหล่งก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล กลุ่ม 40 ส.ว. จะนำรายละเอียดเครือข่ายนักธุรกิจที่มีผลประโยชน์และนักการเมือง ที่นำผลประโยชน์ของชาติ ในพื้นที่ ทับซ้อน 4.6ตร.กม. แลกกับการลี้ภัยของพ.ต.ท.ทักษิณ มาเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ซึ่งทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสหประชาชาติทั้งนี้การที่สมเด็จฮุนเซนให้ที่พักพิงพ.ต.ท.จะได้เห็นปฏิกิริยาคนไทที่รักชาติเป็นอย่างไร ขอเรียกร้องให้คนไทยร่วมกันประณามสมเด็จฮุนเซน
**นช.แม้วขอบคุณ"จิ๋ว-ฮุนเซน"
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทวิตเตอร์ วานนี้ (22 ต.ค.) ขอขอบคุณ สมเด็จฮุนเซน ที่กรุณาบอกต่อสาธารณะชนว่าตนเองเป็นเพื่อนและยินดีให้การต้อนรับทุกเวลาและยังได้กรุณาจัดบ้านให้ผมไปอยู่ที่พนมเปญ รวมทั้งยังได้ ขอขอบคุณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ตลอดจนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น 10 ที่โตมาด้วยกันและรู้จักตนเองดีว่าการกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีไม่เป็นเรื่องจริง
นอกจากนี้ยังทวิสเตอร์ขอบคุณ พล.อ.ชวลิต มีใจความว่า “ผมขอขอบคุณพี่จิ๋ว และคณะ พี่จ๊อก จิรเดช(พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ.) ตลอดจนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น10 ที่โตมาด้วยกันและรู้จักผมดีว่า การกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีไม่จริง”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่าสร้างบ้านรอพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมเปิดบ้านที่กัมพูชารอรับว่า ตนได้พบกับสมเด็จฮุนเซนหลายครั้ง และเวลาคุยกัน สมเด็จฮุนเซนจะพูดตรงไปตรงมาว่าเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็บอกว่าเรื่องของเพื่อน ต้องแยกออกจากเรื่องการทำหน้าที่และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นในฐานะเพื่อนจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ แต่ในแง่ของการดำเนินนโยบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดังนั้นหากพ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปในกัมพูชา จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามสนธิสัญญานี้ และที่คุยกับสมเด็จฮุนเซนก็ยืนยันว่าเรื่องเพื่อนก็แยกออกจากความสัมพันธ์ และเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องมาก่อน ซึ่งสมเด็จฮุนเซนยืนยันอย่างนี้ทุกครั้ง และตนยังเชื่อว่ายืนยันอยู่ ซึ่งตนไม่ติดใจและคงไม่สอบถาม
ส่วนการพูดดังกล่าวถือเป็นการเลือกข้างของสมเด็จฮุนเซนว่าอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณ และอยู่ตรงข้ามรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือไม่นั้น นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเป็นเพื่อนคงไม่มาเกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศ และเวลาที่พูดกับตนและอีกหลาย ๆ คนเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้พูดอย่างนี้ และเชื่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดอาเซียนตนคงได้มีโอกาสคุยกับสมเด็จฮุนเซนบ้าง
ส่วนที่มีข่าวว่าสมเด็จฮุนเซนไม่มาร่วมในวันเปิดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ก็ถือเป็นธรรมดา เพราะผู้นำหลายคนก็มาไม่ทัน แต่ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร ท่านพูดชัดว่าพูดในฐานะเพื่อน เล่าในฐานะเพื่อน เรื่องในครอบครัวของท่าน แต่ท่านบอกกับผมแล้วว่าเรื่องเพื่อนกับเรื่องการทำหน้าที่นั้นแยกออกจากกัน ดังนั้นผมไม่ติดใจ เพราะท่านบอกทุกครั้งว่าในฐานเพื่อนท่านรู้สึกอย่างไร
“ผมบอกอย่างนี้เลยครับ เวลาผมคุยกับนายกฯฮุนเซนเรื่องนี้ ผมบอกคนเป็นเพื่อนกัน ก็ต้องเป็นเพื่อนตลอดไป ไม่อย่างนั้นก็คบกันไม่ได้ แต่คนที่มาดำรงตำแหน่งที่สำคัญก็ต้องแยกเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวออกไป ก็เห็นตรงกัน ดังนั้นต้องแยกแยะและในที่สุดอยู่ที่การปฏิบัติหน้าที่ ผมคิดว่าการทำงานของรัฐบาลไทยกับกัมพูชาต้องยึดเอาประโยชน์ของแต่ละประเทศ และความสัมพันธ์ที่ดีเป็นตัวตั้ง แล้วเดินหน้าตามกรอบนี้”
** “ฮุนเซน”พูดตลอดต้องทำเพื่ออนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปแล้วไม่มีการดำเนินการตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเข้าไปแล้ว ไม่ดำเนินการตามสนธิสัญญาก็ค่อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุนเซนระบุว่าการเมืองจะสงบได้จะต้องอโหสิกรรมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นคำพูด ที่ถูกต้อง แต่คนทำผิดจะต้องสำนึกก่อน และหากตนมีโอกาสได้พบสมเด็จฮุนเซนก็จะพูดคุยกันตามปกติ และความจริงเรื่องที่สำคัญกว่าคือเรื่องความสัมพันธ์ในภาพรวม ซึ่งเราคุยกันมาหลายครั้งว่าความสัมพันธ์ในภาพรวมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและแก้ปัญหาบนหลักการของการไม่กระทบกระทั่งและด้วยสันติวิธี
“ซึ่งความจริงแล้ว มีคำหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาพูดกับตนทุกครั้งคือ ต้องการที่จะทำงานเพื่ออนาคต และไม่อยากให้เรื่องของอดีตมาเป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ และผมเชื่อว่าทุกคนเลือกอนาคต”
**เหน็บ"จิ๋ว" อย่าทำเพื่อพวกพ้อง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เผยว่าสมเด็จฮุนเซนระบุว่ามีก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีความไม่เข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ไม่มีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน คือในอดีตมีการพูดคุยเจรจาในเรื่องตรงนี้มา เพียงแต่สูตรของ การคำนวณเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงยุติกันไป แต่การจะเริ่มต้นใหม่ในปัจจุบันต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ดังนั้นต้องรอในเรื่องของกรอบการเจรจา
ส่วนการให้สัมปทานที่บอกว่าเข้าใจกันผิดนั้น ความจริงที่พล.อ.ชวลิต พูดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.) ก็เหมือนกับที่รัฐบาลได้ชี้แจงไปแล้วว่าเรื่องการให้สัมปทานนั้นยังให้ซ้อนกันอยู่
สำหรับกรณีที่พล.อ.ชวลิตจะเดินสายไปพม่า และมาเลเซียด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ไปคุยเรื่องผลประโยชน์ของส่วนรวม อย่าไปคุยกันเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ส่วนที่พล.อ.ชวลิตไปเพื่อประโยชน์ของใครคงต้องรอดูรายละเอียด แต่ที่พูดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.เห็นเป็นเรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้เห็นว่าความจริงแล้วคนที่เป็นนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ชวลิตมีสถานะเป็นอดีตผู้นำก็สามารถทำงานได้ แต่ขอให้ยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลักเท่านั้นเอง
**”สุเทพ”เชื่อผู้นำเขมรแยกแยะออก
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าไม่แปลกใจที่สมเด็จฮุนเซน ยังยืนยันเป็นเพื่อนที่ดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนที่ตนไปเจอสมเด็จฮุนเซน ท่านก็พูดคุยกับตนอย่างนี้
"ท่านบอกผมมาเองว่า ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกรณีคุณทักษิณ ท่านแยกแยะได้ว่า เรื่องความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ ท่านบอกว่าคนเป็นเพื่อนก็คบกันเป็นเพื่อน และท่านยืนยันกับผมมาเหมือนกันว่า คุณทักษิณเป็นเพื่อนท่าน แต่เรื่องภาระหน้าที่ของ บ้านเมืองในการเป็นหัวหน้ารัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องแยกกัน ตอนนั้นท่านพูดกับผมอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น"
ส่วนจะเป็นเรื่องบาดหมางกันจนกลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศตรงไหน
“การที่นายกรัฐมนตรีของประเทศหนึ่งจะมีเพื่อนสักกี่คนก็เป็นสิทธิของท่าน ถ้าท่านเป็นเพื่อนกับคนที่มีปัญหากับเรา แล้วเราจะต้องไปโกรธทั้งประเทศก็ไม่มีเหตุผล หรืออย่างถ้าผมเป็นเพื่อนกับใครสักคน ซึ่งบังเอิญเป็นคนที่สมเด็จฮุน เซนไม่ชอบ ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เขมรกับไทยต้องโกรธกัน”
**”เทพเทือก”ไม่ประท้วง “ฮุนเซน”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการระบุว่าสมเด็จฮุนเซน พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา จะกระทบต่อการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงเกินไป บอกว่าพูดอย่างนี้ คงพูดเพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนกันไปบ้านท่านๆ ให้พัก เป็นธรรมดา ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าเรารู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปพักอยู่อย่างถาวรที่กัมพุชา เราก็มีสิทธิทำหนังสือไปถึงรัฐบาลกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อขอตัวให้ส่งมาดำเนินคดีในประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวว่าการที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศสร้างบ้านพักให้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ คงไม่ต้องไปประท้วงเพื่อให้ปรับท่าที อย่างที่ตนบอกแล้วว่าหากสมเด็จฮุนเซน บอกว่าใครเป็นเพื่อน แล้วเราไปประท้วงก็เกินไป เราทำตามกฎหมายเอา เมื่อมีช่องทาง มีกฎหมายระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเราก็ดำเนินการไปตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่การที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมือนเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นความเห็นธรรมดา เราเองมีความเห็นเรื่องคนนั้น คนนี้เยอะแยะไป ถ้าสิ่งที่เขาพูดหรือมีความเห็นแตกต่างจากที่เรารู้สึก ก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ที่สมเด็จฮุน เซน บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกการเมืองเล่นงานนั้น อาจจะพูดได้ เพราะท่านอาจจะเข้าใจอย่างนั้น แต่ถ้าเราเห็นว่าข้อมูลที่ท่านได้รับไม่ถูกต้อง เราไปเล่าข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ท่านฟัง เพราะขนาดคนไทยยังมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน พวกหนึ่งบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม และคนไทยอีกจำนวนมากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำให้คนอื่นและบ้านเมืองเสียหายมามาก แต่ไม่ต้องชี้แจงเพียงแต่เมื่อเจอกันก็เล่าให้ฟังเท่านั้น เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน บอกว่าการเมืองไทยแก้ได้ด้วยการ อโหสิกรรม คิดว่าจะทำตามที่แนะนำหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ก็ดี ก็ฟังท่านไว้ คนไทยก็อโหสิกันเป็นประจำ”
**รู้ทัน "จิ๋ว" ไปเจรจาเรื่องแม้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พล.อ.ชวลิต เดินทางไปครั้งนี้ภาพรวมจะเป็นประโยชน์กับประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะปัญหาปราสาทพระวิหารที่ทางกัมพูชา อยากจะถอนกำลังทหารเหมือนกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนที่ตนไปคุย สมเด็จฮุนเซน พูดกับตนอย่างนี้ และ ได้แสดงความชัดเจนออกมาว่าไม่ต้องการให้มีปัญหาระหว่างประเทศ ตนบอกว่า ไทยก็ไม่ต้องการมีปัญหา และอยากแก้ด้วยสันติวิธี แต่เข้าใจว่าแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศของแต่ละฝ่ายคงมีบ้างเป็นธรรมดา ตนยังไม่เห็นว่าสิ่งที่ พล.อ.ชวลิต ไปพูดมา กับสิ่งที่ตนเจอจะมีอะไรที่แตกต่างกันจนน่าตื่นเต้นส่วนโดย ภาพรวม จะมีประโยชน์กับประเทศหรือไม่ ต้องดูต่อไปว่านอกจากเรื่องที่พูดมา เท่านี้แล้ว จะมีอะไรอีก เพราะเท่าที่ดูไม่มีอะไรใหม่ เรื่องใหม่คือ พล.อ.ชวลิต ไปเจรจาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณกับสมเด็จฮุนเซนเท่านั้นเอง
ต่อข้อถามว่ามีการประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต เป็นการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกช่องทาง เพื่อให้เกิดการยอมรับ และได้กลับประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้ว การที่ พล.อ.ชวลิต กลับเข้ามาเป็นประธานพรรคเพื่อไทย ต้องทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ซึ่งวิธีการทำงานก็อย่างที่เห็น ไปที่ต่างๆ พยายามสร้างภาพให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเป็นการต่อสู้ ทางการเมืองธรรมดา ต้องต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สำหรับตน รู้สึกเหมือนคนไทยทั้งหลายว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องมาจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีใครไปแกล้ง ศาลตัดสินมาแล้ว การไปเคลื่อนไหวที่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นวิถีทางหนึ่ง แต่ทั้งหมดต้องตัดสินที่ประเทศไทย และคนไทย
**40 ส.ว.จี้มาร์คต้องตอบโต้
ที่รัฐสภา วานนี้ (22 ต.ค.) กลุ่ม40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ส.สรรหา ร่วมแถลงข่าวเรียกร้องให้นาย อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงท่าที่ตอบโต้ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กรณีที่ประกาศสร้างบ้านให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพ.ต.ท.ทักษิณ
นายคำนูณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมเด็จฮุนเซนสร้างท่าทีไม่เหมาะกับการเป็นมิตร ประเทศ ซึ่งถือเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงกิจการภายในของประเทศ เป็นการโหมฟืน ใส่กองไฟ การที่ระบุว่า พ.ต.ท.ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ของไทย ถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินกลับหนีออกนอกประเทศไปเอง ซึ่งการที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถกลับประเทศได้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการจะกลับหรือไม่กลับ ขึ้นอยู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ เอง จึงขอรียกร้องไปยัง นายอภิสิทธิ์ เ ในฐานะตัวแทนของคนไทย ให้แสดงถึงศักดิ์ศรีของประเทศเอกราช และประธานอาเซียนด้วยการตอบโต้ สมเด็จฮุนเซนอย่างเป็นทางการ หากไม่ดำเนินการก็ไม่ควรที่จะดำรงตำแหน่งอีกต่อไป
“ทุกวันนี้นายกฯขอบสวมเสื้อแจ็คแก็ตสีขาว สกรีนคำว่า ไทยเข้มแข็ง ซึ่งความหมายไม่ได้หมายถึง กู้ โกง และโกหก แต่ต้องแสดงความเข้มแข็ง”
**เฉ่ง "จิ๋ว" ชักศึกเข้าบ้าน
นายคำนูณ กล่าวว่า การกระทำของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ไปพูดคุยเหมือนเป็นการโหมฟืนเข้าไฟ ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน และแนวทางสร้างความสมานฉันท์จะไม่เป็นผล มีแต่จะจุดชนวนไฟ เพื่อปูทางให้ตัวเองได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จึงไปอยากให้ พล.อ.ชวลิต ทบทวนการกระทำของตัวเองว่าเหมาะสมกับการได้รับเครื่องราชระดับ มหาโยธินแล้วหรือยัง และเป็นการกระทำท่ามกลางปัญหาของประเทศในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรอยู่
ทั้งนี้การที่สมเด็จฮุนเซน ระบุว่าพพร้อมต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะได้สร้างบ้านไว้รอรับแล้ว หากเป็นจริงรัฐบาลต้องดูเรื่องสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากมีก็ต้องดำเนินการต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แถลงตอบโต้สมเด็จฮุนเซน ในช่วงที่มีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะเหมาะหรือไม่ กล่าวต่อว่าเมื่อผู้นำของ ประเทศเพื่อนบ้าน แสดงท่าทีไม่เหมาะสม ผู้นำของไทยควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งกระบวนการทางการต่างประเทศ มีให้เลือกหลายวิธี ตนไม่ต้องการให้ประกาศเป็นศัตรู แต่นายกฯควรแยกให้ออกสมเด็จฮุนเซนเป็นคนรอบจัดเพียงไร เพราะอาจพูดกับ พล.อ.ชวลิต อย่าง แต่พูดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม อีกอย่าง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้นำของไทยจึงพูดแบบสมเด็จฮุนเซนไม่ได้
ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่พล.อ.ชวลิต เสนอแนวทางแก้ปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และแหล่งก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล กลุ่ม 40 ส.ว. จะนำรายละเอียดเครือข่ายนักธุรกิจที่มีผลประโยชน์และนักการเมือง ที่นำผลประโยชน์ของชาติ ในพื้นที่ ทับซ้อน 4.6ตร.กม. แลกกับการลี้ภัยของพ.ต.ท.ทักษิณ มาเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ซึ่งทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสหประชาชาติทั้งนี้การที่สมเด็จฮุนเซนให้ที่พักพิงพ.ต.ท.จะได้เห็นปฏิกิริยาคนไทที่รักชาติเป็นอย่างไร ขอเรียกร้องให้คนไทยร่วมกันประณามสมเด็จฮุนเซน
**นช.แม้วขอบคุณ"จิ๋ว-ฮุนเซน"
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทวิตเตอร์ วานนี้ (22 ต.ค.) ขอขอบคุณ สมเด็จฮุนเซน ที่กรุณาบอกต่อสาธารณะชนว่าตนเองเป็นเพื่อนและยินดีให้การต้อนรับทุกเวลาและยังได้กรุณาจัดบ้านให้ผมไปอยู่ที่พนมเปญ รวมทั้งยังได้ ขอขอบคุณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ตลอดจนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น 10 ที่โตมาด้วยกันและรู้จักตนเองดีว่าการกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีไม่เป็นเรื่องจริง
นอกจากนี้ยังทวิสเตอร์ขอบคุณ พล.อ.ชวลิต มีใจความว่า “ผมขอขอบคุณพี่จิ๋ว และคณะ พี่จ๊อก จิรเดช(พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตรองผบ.ทบ.) ตลอดจนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น10 ที่โตมาด้วยกันและรู้จักผมดีว่า การกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีไม่จริง”