“พรทิวา”เผยราคาข้าวหอมมะลิไทยมีโอกาสทะลุตันละ 3 หมื่นบาทอีกครั้ง หลังเห็นแนวโน้มผลผลิตข้าวโลกลด ราคาน้ำมันพุ่ง พร้อมเร่งขายข้าวจีทูจี 2 เดือนที่เหลือให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน ส่วนราคาอ้างอิงปักษ์แรกพ.ย.ออกแล้ว ข้าวเปลือกหอมมะลิ หอมจังหวัด ข้าวเปลือกเจ้าราคาดิ่งต่อ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากนี้ไปแนวโน้มราคาข้าวไทยจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผลผลิตข้าวไทย และข้าวโลกลดลงมาก จากปัญหาภัยธรรมชาติ และศัตรูพืชระบาด ประกอบกับราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาพืชพลังงานและสินค้าเกษตรอื่นๆ สูงขึ้นตามไปด้วย โดยได้รับการยืนยันจากผู้ส่งออกข้าวหลายรายว่า ราคาข้าวหอมมะลิไทยอาจมีโอกาสทะลุตันละ 30,000 บาทได้อีกครั้งเช่นเดียวกับเมื่อปี 2551 สมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรมว.พาณิชย์ เพราะสถานการณ์เกิดขึ้นเหมือนกัน
สำหรับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น มีรัฐบาลหลายประเทศติดต่อขอซื้อข้าวฤดูกาลผลิตปี 2552/53 เข้ามาแล้ว ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน รัสเซีย เป็นต้น รวมแล้วเกินกว่า 1 ล้านตัน คาดว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะสามารถส่งออกได้อย่างน้อย 1 ล้านตัน ส่วนปีหน้า เพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวแบบจีทูจีเป็นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน เพราะหลายประเทศกำลังเพิ่มปริมาณนำเข้า เพื่อเพิ่มสต๊อกในประเทศ
“แค่รัสเซียประเทศเดียวก็ขอซื้อมาแล้วหลายแสนตัน แต่เป็นแบบการค้าต่างตอบแทน (บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งเรากำลังพิจารณาว่าจะแลกเปลี่ยนข้าวกับสินค้าอะไร อาจเป็นน้ำมัน หรืออาวุธ และจะเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 3-7 พ.ย.นี้ เพื่อทำความรู้จักกับรัฐบาลใหม่ของเขา ซึ่งจะถือโอกาสเจรจากับรมว.กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นให้ขยายโควตาการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มอีก 2-3 เท่า จากปัจจุบันกำหนดประมาณ 200,000 ตันเท่านั้น รวมถึงจะเสนอขายข้าวฤดูกาลใหม่ด้วย” นางพรทิวากล่าว
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดราคาอ้างอิงโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกนาปี 2552/53 เพื่อใช้เป็นฐานให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกร ประจำวันที่ 1-15 พ.ย.นี้ว่า ที่ประชุมได้กำหนดราคาอ้างอิง ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,840 บาท อัตราส่วนต่างตันละ 460 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 13,729 บาท ส่วนต่างตันละ 571 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,389 บาท ส่วนต่างตันละ 1,611 บาท ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 9,175 บาท ส่วนต่างตันละ 825 บาท และ ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 7,680 บาท ส่วนต่างตันละ 1,820 บาท
ทั้งนี้ หากเทียบราคาอ้างอิงครั้งนี้ กับราคาอ้างอิงวันที่ 16-31 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียวราคาดีขึ้น ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้าราคายังลดลง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.นี้ รัฐบาลจะเปิดรับซื้อข้าวเปลือกใน 3 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร พิษณุโลก และนนทบุรี ซึ่งนางพรทิวา และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของโรงสี และจุดรับซื้อในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ขณะนี้มีโรงสีเข้าโครงการรับซื้อแล้ว 360 แห่ง
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากนี้ไปแนวโน้มราคาข้าวไทยจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผลผลิตข้าวไทย และข้าวโลกลดลงมาก จากปัญหาภัยธรรมชาติ และศัตรูพืชระบาด ประกอบกับราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาพืชพลังงานและสินค้าเกษตรอื่นๆ สูงขึ้นตามไปด้วย โดยได้รับการยืนยันจากผู้ส่งออกข้าวหลายรายว่า ราคาข้าวหอมมะลิไทยอาจมีโอกาสทะลุตันละ 30,000 บาทได้อีกครั้งเช่นเดียวกับเมื่อปี 2551 สมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรมว.พาณิชย์ เพราะสถานการณ์เกิดขึ้นเหมือนกัน
สำหรับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น มีรัฐบาลหลายประเทศติดต่อขอซื้อข้าวฤดูกาลผลิตปี 2552/53 เข้ามาแล้ว ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน รัสเซีย เป็นต้น รวมแล้วเกินกว่า 1 ล้านตัน คาดว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะสามารถส่งออกได้อย่างน้อย 1 ล้านตัน ส่วนปีหน้า เพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวแบบจีทูจีเป็นไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน เพราะหลายประเทศกำลังเพิ่มปริมาณนำเข้า เพื่อเพิ่มสต๊อกในประเทศ
“แค่รัสเซียประเทศเดียวก็ขอซื้อมาแล้วหลายแสนตัน แต่เป็นแบบการค้าต่างตอบแทน (บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งเรากำลังพิจารณาว่าจะแลกเปลี่ยนข้าวกับสินค้าอะไร อาจเป็นน้ำมัน หรืออาวุธ และจะเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 3-7 พ.ย.นี้ เพื่อทำความรู้จักกับรัฐบาลใหม่ของเขา ซึ่งจะถือโอกาสเจรจากับรมว.กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นให้ขยายโควตาการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มอีก 2-3 เท่า จากปัจจุบันกำหนดประมาณ 200,000 ตันเท่านั้น รวมถึงจะเสนอขายข้าวฤดูกาลใหม่ด้วย” นางพรทิวากล่าว
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดราคาอ้างอิงโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกนาปี 2552/53 เพื่อใช้เป็นฐานให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกร ประจำวันที่ 1-15 พ.ย.นี้ว่า ที่ประชุมได้กำหนดราคาอ้างอิง ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,840 บาท อัตราส่วนต่างตันละ 460 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 13,729 บาท ส่วนต่างตันละ 571 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,389 บาท ส่วนต่างตันละ 1,611 บาท ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 9,175 บาท ส่วนต่างตันละ 825 บาท และ ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 7,680 บาท ส่วนต่างตันละ 1,820 บาท
ทั้งนี้ หากเทียบราคาอ้างอิงครั้งนี้ กับราคาอ้างอิงวันที่ 16-31 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียวราคาดีขึ้น ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้าราคายังลดลง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.นี้ รัฐบาลจะเปิดรับซื้อข้าวเปลือกใน 3 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร พิษณุโลก และนนทบุรี ซึ่งนางพรทิวา และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของโรงสี และจุดรับซื้อในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ขณะนี้มีโรงสีเข้าโครงการรับซื้อแล้ว 360 แห่ง
