xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”ซื้อข้าวเร็วสุด9พ.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”คาดเริ่มตั้งโต๊ะซื้อข้าวได้เร็วสุดเริ่ม 9 พ.ย.นี้ หลังครม.ไฟเขียว 6 มาตรการพยุงราคาข้าว เตรียมคัดเลือกโรงสีเข้าร่วมโครงการ พร้อมนำร่องเปิดจุดรับซื้อภาคกลางและเหนือตอนล่างก่อน
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 2552/53 จำนวน 6 มาตรการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ คือ การแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกร ปริมาณ 2 ล้านตัน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 9 พ.ย.นี้
“ตอนนี้จะต้องทำการคัดเลือกโรงสีให้เข้ามาร่วมโครงการ เพื่อเปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เบื้องต้นจะเปิดจุดรับซื้อภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างก่อน ซึ่งราคารับซื้อจะยึดราคาอ้างอิงที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศไว้”นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ ครม. ได้เห็นชอบ 6 มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติอนุมัติ ดังนี้ คือ 1.การเพิ่มสภาพคล่องให้กับโรงสี เพื่อรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาที่เหมาะสม โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ประสานงานกับกระทรวงคลัง เป็นเจ้าภาพในการสนับสนุนสินเชื่อให้โรงสี โดยรัฐบาลจะช่วยรับภาระดอกเบี้ยผ่อนปรนแทนให้ร้อยละ 2% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยที่สถานการเงินปล่อยกู้มาให้ โดยวงเงินยังไม่ชัดเจน ซึ่งกระทรวงการคลัง จะดึงมาทดแทนโดยเสนอ ครม.ต่อไป
2.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ระหว่างโรงสีกับเกษตรกรในพื้นที่ 57 จังหวัด จำนวน 519 ครั้ง วงเงินงบประมาณ 11 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร จะรับไปดำเนินการเรื่องงบประมาณ ระหว่างเดือน พ.ย.2552-ก.พ.2553
3.มาตรการแทรกแซงตลาดรับซื้อขายเปลือก โดยมอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.) เข้าไปรับซื้อข้าวโดยตรงจากเกษตรในราคาอ้างอิง ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ประกาศไว้ และส่งมอบโรงสีดำเนินการจัดเก็บในรูปแบบข้าวเปลือก และให้จัดเก็บในระยะสั้น ประมาณ 1-2 เดือน ก่อนส่งมอบกรมการค้าต่างประเทศนำไปหาตลาดเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งการรับซื้อข้าวโดยตรงครั้งนี้ จะใช้งบประมาณวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
4.มาตรการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางของเกษตรกรในรูปแบบเดิมที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ดำเนินการ โดยกำหนดระยะเวลาตั้งแต่เดือนพ.ย.2552–ก.พ.2553 วงเงินกู้ไว้รายละไม่เกิน 2 แสนบาท และคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนให้ โดยใช้วงเงินงบประมาณจากวงเงินกู้เดิม 1.3 แสนล้านบาท ที่ใช้สำหรับการรับจำนำสินค้าเกษตร 3 ชนิดก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้มีเงินหมุนเวียนจากการที่รัฐบาลสามารถขายสินค้าในสต๊อกออกไปได้บางส่วน โดย ธกส. ขอคิดค่าบริหารโครงการ 4% ต่อปี รวมวงเงิน 742 ล้าน บาท ซึ่งมาตรการนี้มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรนำเข้าออกมาขายเร็ว ส่งผลให้เกิดการกดราคารับซื้อ และในขั้นตอนการเก็บรักษาจะจ่ายค่าดูแลรักษาให้ตันละ 1,000 บาท
5.การเสริมสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้แก่เกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ฤดูการผลิต 2553 เนื่องจากขณะนี้มีเกษตรกรบางส่วนที่มีการจดทะเบียน ร่วมทำประชาคมแล้ว และได้เก็บเกี่ยวข้าวตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เนื่องจากมีเกษตรกร บางส่วนได้เก็บเกี่ยวข้าวและขายไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทัน โดยเห็นควรให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
6.การผลักดันการส่งออกข้าวต้นฤดูปี 2553 โดยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้เจรจาค้าข้าวกับ 7 ประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ติมอร์ บรูไน อิหร่าน ภายใน 4 เดือน ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี)
กำลังโหลดความคิดเห็น