มันไม่ใช่แค่รัฐบาลลาออกหรือยุบสภาแล้วจะจบหรอกครับ !
เพราะแกนนำเขาก็พูดชัดเจนแล้วว่านี่คือขั้นต้น
ไม่มีอะไรจะชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว ชัดเจนกว่าเมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้วมากที่ผมเฝ้าเพียรพูดเพียรเขียนว่าเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกในตอนนั้นว่า “ระบอบประชาธิปไตยของปวงมหาประชาชน” โดยประกาศยุทธศาสตร์ “คว่ำ ล้ม โค่น” ความชัดเจนนี้มีมากขึ้นเป็นลำดับเมื่อเขาประกาศสถาปนา “รัฐไทยใหม่” ประกาศแก้รัฐธรรมนูญให้ไปไกลกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 โดยจะมีการแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์บางมาตรา ประกาศก่อตั้ง “สยามแดง” และ “แดงสยาม” ประกาศข้อเสนอ 8 ประการในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพูดถึงรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 27 มิถุนายน 2475 เสียด้วยซ้ำ ประกาศตั้งกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ มาถึงวันนี้จะมีอะไรชัดเจนไปกว่านัยยะและวาทกรรมของคำที่เขาใช้เป็น theme ในการต่อสู้หรือ “สงคราม” ครั้งนี้
ไพร่โค่นอำมาตย์ !
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธที่ชิ่งหนีความเป็นผู้นำกองทัพประชาชนฯเมื่อเดือนก่อน ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีผ่านฟ้าปราศรัยเกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 ในขณะที่คนของท่านในวุฒิสภาออกหน้าออกตาเสนอตัวมาเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย สาระที่อดีตนายกรัฐมนตรีเจ้าทฤษฎีปฏิวัติประชาธิปไตยเสนอบนเวทีคือสิ่งที่ผมนำมาพาดหัวบทความวันนี้
78 ปีที่รอคอย !
ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการปฏิบัติภารกิจเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ให้สมบูรณ์
แน่นอน ผมไม่เชื่อว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธคิดเหมือนคนเสื้อแดงกลุ่มอดีตซ้ายเก่าที่ฝังใจและเจ็บปวดกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และผมยังเชื่อว่าท่านจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง แต่จุดร่วมความเชื่อที่ตรงกันคือบ้านเมืองนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงมายาวนานแล้วตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 การหันมาใช้วาทกรรมในทำนองสานต่อเจตนารมณ์ 24 มิถุนายน 2475 หรือการเห็นว่าคนเสื้อแดงกำลังปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นเรื่องอันตราย เพราะไม่รู้ว่าในที่สุดใครจะกุมการนำในขบวน ระหว่างฝ่ายที่ไม่เคยเห็นด้วยกับคณะราษฎรแต่จะขอสานต่อพระราชปณิธานพระราชทานระบอบประชาธิปไตยของในหลวงรัชกาลที่ 7 หรือกลุ่มอดีตซ้ายเก่าบวกซ้ายใหม่ที่เห็นด้วยกับคณะราษฎรแต่ไม่เห็นด้วยที่คณะราษฎรทำน้อยไปจึงจะขอสานต่อปณิธานทำให้ไกลกว่าที่คณะราษฎรทำเมื่อวันนั้น
วิกฤตขณะนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ที่จะไม่จบลงง่าย ๆ
ไม่จบลงเพียงแค่รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา !
พวกเขาต้องการให้ยุบสภาก็เพื่อให้พรรคการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกลับเข้ามาครองอำนาจ จากนั้นก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่
เมื่อถึงวันนั้นผมไม่เชื่อว่าประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ในสังคมจะนิ่งเฉยแน่นอน
แล้ว “สงคราม” ก็จะเกิดขึ้นจริง !
แม้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของคนเสื้อแดง แต่ผู้คนในขบวนนี้ที่มีหลากหลาย บางส่วนคิดข้ามช็อตไปไกลเกินกว่าอดีตนายกฯคนนี้แล้ว พวกเขาต้องการอาศัยอดีตนายกฯเป็นปัจจัยนำมาเป็นเชื้อไฟเติมให้ขบวนปฏิวัติเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งปริมาณและคุณภาพ
เราต้องยอมรับว่า 3 - 4 ปีมานี้ ขบวนคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ
โชคยังดีที่ในท่ามกลางการเติบโตนี้ก็มีความขัดแย้งภายในหลากหลาย และมีนักเคลื่อนไหวประเภทคุมไม่ได้ชอบพูดจาชอบปฏิบัติการให้เสียงานใหญ่อยู่เสมอ ๆ
แต่โชคดีที่ว่านี้ก็ไม่มากเท่าไร !
เพราะรัฐบาลปัจจุบันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรนัก ไหนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นจะขัดแย้งกัน ไหนจะนายกรัฐมนตรีกับรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงก็คิดไม่เหมือนกัน ไหนจะภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็รวนเรไปด้วยตามสมควร ที่แย่ก็คือมีการโกงกินกันอย่างมโหฬาร แม้ตำแหน่งแห่งที่ทางราชการก็ถูกเปิดโปงว่าซื้อขายกัน แถมมีระบบบาร์เตอร์เทรดแลกตำแหน่งต่างกระทรวงกันระหว่างต่างพรรคอีก การตายของพล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญาคือประจักษ์พยานแห่งความเหลวแหลกเฟะฟะบริหารไม่ได้ของอำนาจรัฐวันนี้
พูดตามตรงว่าผมอึดอัดกับการรับมือกับสถานการณ์ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเหลือเกินแล้ว !
ไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจ หรือซ้ำเติม
แต่ขอกราบประทานอภัยอย่างแรงมา ณ ที่นี้ที่จำเป็นจะต้องพูดว่านายกฯจะต้องมีความชัดเจนขึ้นในสัปดาห์นี้
เลิกให้สัมภาษณ์พิเศษโทรทัศน์แต่ละช่อง ๆ เหมือนสถานการณ์ปกติเสียที ผมขี้เกียจตามดูในข่าวข้นคนข่าววัน TNN 24 วัน แล้วก็ต้องตามแกะคำพูดที่ยังไม่ค่อยชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำอะไรสัปดาห์นี้
แล้วก็เลิกรอให้มีคนกลางมาเป็นตัวกลางในการเจรจาเสียที
รวมทั้งเลิกส่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยมาร่วมในการเจรจาที่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าภาพ
ผมอยากเห็นท่านออกทีวีพูลประกาศให้ชัดเจนเลยว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงคืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร และจะพัฒนาไปสู่จุดใด
รัฐบาลจะยอมได้ในจุดใดบ้าง คุยได้ในจุดใดบ้าง
จุดใดที่ยอมไม่ได้ คุยไม่ได้ และไม่คุย
ประกาศมาตรการชัดเจน 1 2 3 4 …. 5 ไปเลยว่าสัปดาห์นี้รัฐบาลจะทำอย่างไร
เป็นต้นว่า....
1. รัฐบาลจะออกจาก ร. 11 กลับเข้าทำเนียบประชุมและทำงานตามปกติ มาสภาตามปกติ การชุมนุมมีได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยศาลปกครอง การปิดล้อมและยึดสถานที่ราชการทำไม่ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน
2. กำหนดวันเวลาที่จะรอให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเข้ามาเจรจากับตัวท่านเอง ให้กรรมการสิทธิเป็นพยาน ถ่ายทอดสดทางทีวีพูล
3. ชี้แจงอย่างเป็นระบบในทุกเรื่องที่คนเสื้อแดงกล่าวหาบนเวทีอย่างทันท่วงที ถ่ายทอดสดผ่านทีวีพูลในกรณีที่จำเป็น
4. ประกาศเป็นผู้นำในการปฏิรูปสังคมไทยในทุกด้าน โดยอาจจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง รวบรวมปัญหาขึ้นมาจัดลำดับความสำคัญ กำหนดระยะเวลาทำงาน
5. ……………………..
6. ……………………….
7. กำหนดวันยุบสภาล่วงหน้า ภายในช่วงเดือนนั้นถึงเดือนนี้ของปีนี้หรือปีหน้า หากได้ดำเนินการตามข้อ 1 – 4 แล้ว
ผิดถูกประการใดโปรดพิจารณา !
เพราะแกนนำเขาก็พูดชัดเจนแล้วว่านี่คือขั้นต้น
ไม่มีอะไรจะชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว ชัดเจนกว่าเมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้วมากที่ผมเฝ้าเพียรพูดเพียรเขียนว่าเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกในตอนนั้นว่า “ระบอบประชาธิปไตยของปวงมหาประชาชน” โดยประกาศยุทธศาสตร์ “คว่ำ ล้ม โค่น” ความชัดเจนนี้มีมากขึ้นเป็นลำดับเมื่อเขาประกาศสถาปนา “รัฐไทยใหม่” ประกาศแก้รัฐธรรมนูญให้ไปไกลกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 โดยจะมีการแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์บางมาตรา ประกาศก่อตั้ง “สยามแดง” และ “แดงสยาม” ประกาศข้อเสนอ 8 ประการในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพูดถึงรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 27 มิถุนายน 2475 เสียด้วยซ้ำ ประกาศตั้งกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ มาถึงวันนี้จะมีอะไรชัดเจนไปกว่านัยยะและวาทกรรมของคำที่เขาใช้เป็น theme ในการต่อสู้หรือ “สงคราม” ครั้งนี้
ไพร่โค่นอำมาตย์ !
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธที่ชิ่งหนีความเป็นผู้นำกองทัพประชาชนฯเมื่อเดือนก่อน ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีผ่านฟ้าปราศรัยเกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 ในขณะที่คนของท่านในวุฒิสภาออกหน้าออกตาเสนอตัวมาเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย สาระที่อดีตนายกรัฐมนตรีเจ้าทฤษฎีปฏิวัติประชาธิปไตยเสนอบนเวทีคือสิ่งที่ผมนำมาพาดหัวบทความวันนี้
78 ปีที่รอคอย !
ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการปฏิบัติภารกิจเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ให้สมบูรณ์
แน่นอน ผมไม่เชื่อว่าพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธคิดเหมือนคนเสื้อแดงกลุ่มอดีตซ้ายเก่าที่ฝังใจและเจ็บปวดกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และผมยังเชื่อว่าท่านจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่ง แต่จุดร่วมความเชื่อที่ตรงกันคือบ้านเมืองนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงมายาวนานแล้วตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 การหันมาใช้วาทกรรมในทำนองสานต่อเจตนารมณ์ 24 มิถุนายน 2475 หรือการเห็นว่าคนเสื้อแดงกำลังปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นเรื่องอันตราย เพราะไม่รู้ว่าในที่สุดใครจะกุมการนำในขบวน ระหว่างฝ่ายที่ไม่เคยเห็นด้วยกับคณะราษฎรแต่จะขอสานต่อพระราชปณิธานพระราชทานระบอบประชาธิปไตยของในหลวงรัชกาลที่ 7 หรือกลุ่มอดีตซ้ายเก่าบวกซ้ายใหม่ที่เห็นด้วยกับคณะราษฎรแต่ไม่เห็นด้วยที่คณะราษฎรทำน้อยไปจึงจะขอสานต่อปณิธานทำให้ไกลกว่าที่คณะราษฎรทำเมื่อวันนั้น
วิกฤตขณะนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ที่จะไม่จบลงง่าย ๆ
ไม่จบลงเพียงแค่รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา !
พวกเขาต้องการให้ยุบสภาก็เพื่อให้พรรคการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกลับเข้ามาครองอำนาจ จากนั้นก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่
เมื่อถึงวันนั้นผมไม่เชื่อว่าประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ในสังคมจะนิ่งเฉยแน่นอน
แล้ว “สงคราม” ก็จะเกิดขึ้นจริง !
แม้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของคนเสื้อแดง แต่ผู้คนในขบวนนี้ที่มีหลากหลาย บางส่วนคิดข้ามช็อตไปไกลเกินกว่าอดีตนายกฯคนนี้แล้ว พวกเขาต้องการอาศัยอดีตนายกฯเป็นปัจจัยนำมาเป็นเชื้อไฟเติมให้ขบวนปฏิวัติเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งปริมาณและคุณภาพ
เราต้องยอมรับว่า 3 - 4 ปีมานี้ ขบวนคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ
โชคยังดีที่ในท่ามกลางการเติบโตนี้ก็มีความขัดแย้งภายในหลากหลาย และมีนักเคลื่อนไหวประเภทคุมไม่ได้ชอบพูดจาชอบปฏิบัติการให้เสียงานใหญ่อยู่เสมอ ๆ
แต่โชคดีที่ว่านี้ก็ไม่มากเท่าไร !
เพราะรัฐบาลปัจจุบันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรนัก ไหนพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นจะขัดแย้งกัน ไหนจะนายกรัฐมนตรีกับรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงก็คิดไม่เหมือนกัน ไหนจะภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็รวนเรไปด้วยตามสมควร ที่แย่ก็คือมีการโกงกินกันอย่างมโหฬาร แม้ตำแหน่งแห่งที่ทางราชการก็ถูกเปิดโปงว่าซื้อขายกัน แถมมีระบบบาร์เตอร์เทรดแลกตำแหน่งต่างกระทรวงกันระหว่างต่างพรรคอีก การตายของพล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญาคือประจักษ์พยานแห่งความเหลวแหลกเฟะฟะบริหารไม่ได้ของอำนาจรัฐวันนี้
พูดตามตรงว่าผมอึดอัดกับการรับมือกับสถานการณ์ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเหลือเกินแล้ว !
ไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจ หรือซ้ำเติม
แต่ขอกราบประทานอภัยอย่างแรงมา ณ ที่นี้ที่จำเป็นจะต้องพูดว่านายกฯจะต้องมีความชัดเจนขึ้นในสัปดาห์นี้
เลิกให้สัมภาษณ์พิเศษโทรทัศน์แต่ละช่อง ๆ เหมือนสถานการณ์ปกติเสียที ผมขี้เกียจตามดูในข่าวข้นคนข่าววัน TNN 24 วัน แล้วก็ต้องตามแกะคำพูดที่ยังไม่ค่อยชัดเจนว่ารัฐบาลจะทำอะไรสัปดาห์นี้
แล้วก็เลิกรอให้มีคนกลางมาเป็นตัวกลางในการเจรจาเสียที
รวมทั้งเลิกส่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยมาร่วมในการเจรจาที่ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าภาพ
ผมอยากเห็นท่านออกทีวีพูลประกาศให้ชัดเจนเลยว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงคืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร และจะพัฒนาไปสู่จุดใด
รัฐบาลจะยอมได้ในจุดใดบ้าง คุยได้ในจุดใดบ้าง
จุดใดที่ยอมไม่ได้ คุยไม่ได้ และไม่คุย
ประกาศมาตรการชัดเจน 1 2 3 4 …. 5 ไปเลยว่าสัปดาห์นี้รัฐบาลจะทำอย่างไร
เป็นต้นว่า....
1. รัฐบาลจะออกจาก ร. 11 กลับเข้าทำเนียบประชุมและทำงานตามปกติ มาสภาตามปกติ การชุมนุมมีได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยศาลปกครอง การปิดล้อมและยึดสถานที่ราชการทำไม่ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน
2. กำหนดวันเวลาที่จะรอให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเข้ามาเจรจากับตัวท่านเอง ให้กรรมการสิทธิเป็นพยาน ถ่ายทอดสดทางทีวีพูล
3. ชี้แจงอย่างเป็นระบบในทุกเรื่องที่คนเสื้อแดงกล่าวหาบนเวทีอย่างทันท่วงที ถ่ายทอดสดผ่านทีวีพูลในกรณีที่จำเป็น
4. ประกาศเป็นผู้นำในการปฏิรูปสังคมไทยในทุกด้าน โดยอาจจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง รวบรวมปัญหาขึ้นมาจัดลำดับความสำคัญ กำหนดระยะเวลาทำงาน
5. ……………………..
6. ……………………….
7. กำหนดวันยุบสภาล่วงหน้า ภายในช่วงเดือนนั้นถึงเดือนนี้ของปีนี้หรือปีหน้า หากได้ดำเนินการตามข้อ 1 – 4 แล้ว
ผิดถูกประการใดโปรดพิจารณา !