เมื่อหกโมงเย็นวันอังคารที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา บังเอิญได้มีโอกาสสนทนาในบรรยากาศสบาย ๆ กับท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีคุณศิริโชค โสภา กับคุณอิสรา สุนทรวัฒน์ นั่งร่วมวงอยู่ด้วย
ผมได้ถือโอกาสหยิบยกเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาบริเวณเขาพระวิหารขึ้นมาเป็นประเด็น โดยเน้นตรงไปที่จุดว่าเหตุไฉนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2543 ถึงได้ยอมลงนามใน MOU หรือบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ที่มีเขียนไว้ในข้อ 1 (ค) ในเชิงที่จะตีความได้ว่ายอมรับแผนที่ที่จัดทำโดยฝรั่งเศสฝ่ายเดียวที่ทำให้คนไทยช้ำใจมาแล้วจากคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505
นายกฯอภิสิทธิ์ค่อนข้างเห็นด้วยกับมุมมองของผมที่มีต่อข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศว่ามีจุดอ่อนในประการสำคัญที่ว่า...
กลัวกัมพูชาลากไทยกลับขึ้นสู่ศาลโลกอีกครั้งเกินเหตุ
และก็เห็นด้วยว่าเราไม่อาจจะยอมรับแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000ในทั้ง 2 ประเด็น คือ (1) ความถูกต้องตรงตามสันปันน้ำที่ระบุไว้ในข้อ 1 แห่งอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และ (2) ความเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส-สยามที่ตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 เพราะเป็นข้อต่อสู้ที่เราใช้ในศาลโลกระหว่างปี 2502 – 2505
คำถามก็คือถ้าเช่นนั้นแล้วรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2543 ยอมให้มีข้อ 1 (ค) หรือ Article 1 (c) อย่างนี้ได้อย่างไร
“แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดทำขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส”
“Maps which are the results of demarcation works of the Commissions of Delimitation of the Boundary between Indo-China and Siam (Commissions de Delimitation de la Frontiere entre l’ Indo-Chine et le Siam) set up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between Siam and France, and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between Siam and France.”
นายกฯอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็ในเมื่อไทยเราต่อสู้มาโดยตลอดว่าแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000 ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่ผลงานที่ได้การยอมรับอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส-สยามที่ตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 เสียแล้ว ข้อความดังกล่าวในข้อ 1 (ค) ข้างต้นจึงไม่ใช่และไม่มีทางจะหมายถึงแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000เด็ดขาด
ไม่ว่าความเป็นจริงก่อนจะลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เมื่อปี 2543 จะคืออะไร จะเป็นอย่างที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงกับผมหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น
และข้อความในข้อ 1 (ค) จะหมายความถึงแผนที่ชุดใดฉบับใด มีอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น
ไทยเรามีแต่ต้องยืนกระต่าย 3 ขาเท่านั้นว่าข้อความนี้ไม่ได้หมายถึงแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000
นายกฯอภิสิทธิ์มองว่าคนไทยที่ทำให้กัมพูชาหลงว่าได้เปรียบแล้วลงนามในบันทึกความเข้าใจที่มีข้อความเช่นนี้ชาญฉลาดเสียด้วยซ้ำ
ผมคิดตามอย่างเร็ว ๆ แล้วก็บอกนายกฯว่าตรรกะนี้พอรับฟังได้
ไม่ว่าความจริงก่อนลงนามเมื่อปี 2543 จะเป็นอย่างไร แต่ข้อที่จะใช้ต่อสู้ตามที่ว่ามานี้พอไปได้ เป็นศรีธนญชัยผสมแมคเคียเวลลีได้อย่างกัมพูชาจะต้องร้องโอ๊กทีเดียว
เพราะมันสอดคล้องกับการต่อสู้ในศาลโลกของไทยเรา และตัวคำพิพากษาศาลโลกเอง
อย่างน้อยหากมีใครโจมตีว่าพรรคประชาธิปัตย์ขายชาติโดยยกบันทึกความเข้าใจ 2543 เป็นใบเสร็จ ก็พอมีเหตุผลหักล้างได้ละ
ผมบอกนายกฯอภิสิทธิ์ไปว่าท่านน่าจะได้ชี้แจงต่อสาธารณชนว่าท่านคิดอย่างไร จะใช้เวทีที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้
ในใจก็คิดเร็ว ๆ ต่อไปว่าหากนายกฯอภิสิทธิ์คิดและเชื่อแบบนี้ ก็มีโอกาสดัดหลังสมเด็จฮุนเซนโดยใช้บันทึกความเข้าใจ 2543 นี้ให้เป็นประโยชน์ได้ไม่ยาก
ยืนยันทำตามข้อ 2 (ก) คือพิสูจน์ทราบตำแหน่งของหลักเขตแดน 73 หลักให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องอื่น
ก็จะแช่เย็นรักษาสภาพปัญหาเขตแดนบริเวณบริเวณเขาพระวิหารไปได้เรื่อย ๆ
ซึ่งกัมพูชา โดยเฉพาะสมเด็จฮุนเซน จะเดือดร้อนกว่าเราแน่ เพราะไม่สามารถทำให้การเป็นมรดกโลกของปราสาทพระวิหารเสร็จสมบูรณ์ภายในปีหน้าแน่นอน
เงินทองที่จะไหลมาจากยูเนสโกก็จะติดขัด
แผนพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก็จะติดขัด
ในเมื่อบันทึกความเข้าใจ 2543 ของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อแก้ตัวว่าไม่ได้ยอมรับแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000 เช่นนี้แล้ว จำเลยรายต่อไปก็จะต้องเป็น TOR ปี 2546 ที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between the Kingdom of Thailand and the Kingdom of Cambodia ที่จะต้องรับไปเต็ม ๆ
เพราะจะอ้างว่าเขียนล้อไปตามบันทึกความเข้าใจ 2543 ข้อ 1 (ค) หรือ Article 1 (c) ไม่ได้แล้ว
เพราะคุณไม่ได้เขียนตามข้อความเดิมทั้งหมด
แต่ทะลึ่งไปวงเล็บก่อนประโยค “...กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง...” หรือ “, and other documents relating to the...” ไว้แบบจะ ๆ เลยว่า...
“...(hereinafter referred to as the Maps of 1 : 200,000)...”
กลายเป็น....
“Maps which are the results of demarcation works of the Commissions of Delimitation of the Boundary between Indo-China and Siam (Commissions de Delimitation de la Frontiere entre l’ Indo-Chine et le Siam) set up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between Siam and France (hereinafter referred to as the Maps of 1 : 200,000), and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between Siam and France.”
ผมมีสิทธิสันนิษฐานใช่ไหมว่าในปี 2546 กัมพูชาเองก็ไม่พอใจข้อความข้อ 1 (ค) ของบันทึกความเข้าใจ 2543 นัก เพราะไทยอาจต่อสู้ในภายหลังตามแนวที่นายกฯอภิสิทธิ์คุยกับผมได้ จึงได้ผลักดันให้มีความชัดเจนขึ้น ทีโออาร์และมาสเตอร์แพลนปี 2546 จึงเพิ่มวงเล็บดังกล่าวเข้ามา
คำถามคือรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปยอมได้อย่างไร ? เข้าข่ายขายชาติหรือไม่ ?
แต่นายกฯอภิสิทธิ์จะแค่พูดกับผมไม่พอ ต้องปฏิบัติอีกหลายประการครับ !
ประการหนึ่งคือเร่งดำเนินการยกเลิกทีโออาร์และมาสเตอร์แพลนปี 2546 ที่ไปเขียนยอมรับแผนที่ภาคผนวก 1 อัตราส่วน 1 : 200,000 เสียโดยพลัน