xs
xsm
sm
md
lg

คนทรยศใช้ประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

ปลายเดือนตุลาคม 2552 มีข่าวน่าอดสูหลายประการ แต่ประเด็นที่กินใจคนไทยทั้งชาติ คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตผู้นำกองทัพและประเทศ รวมทั้งเป็นคนวิพากษ์เรื่องล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า คนที่สนใจประวัติการเมือง 17 พฤษภาคม 2525 แล้วจะรู้ว่าจอมบงการป่วนเมืองเป็นใคร ใช้ยุทธวิธีบอลเชวิค 1917 เผาเมืองเป็นจุดๆ รอบกรุง เพื่อล่อให้มีการกระจายเจ้าหน้าที่รัฐไปในจุดต่างๆ จนขาดกำลังคนในการรวมกำลังป้องกันอาคารสถานที่ที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนทั่วไป หรือให้เกิดภาพขาดความสมดุลระหว่างกลุ่มต่อต้านกับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งเป็นการสร้างสถานการณ์ให้สาธารณชนทั้งภายในและภายนอกประเทศมองว่า บ้านเมืองไทยถึงกลียุคหากรัฐบาลไม่ลาออก

สาเหตุหลัก คือ การแตกแยกระหว่างทหารกับอดีตทหารที่แย่งอำนาจรัฐระหว่างรุ่นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ระหว่าง พล.อ.ชวลิต ผนวกกำลังกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ต่อต้านการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร โดยฝ่าย พล.อ.ชวลิต และ พล.ต.จำลอง มีกลุ่มเสรีนิยม สังคมนิยม และอนาธิปไตยนิยมสนับสนุน และได้ตัดนักการเมืองอาชีพออกไปจากการปราศรัยที่สนามหลวง ซึ่งเรื่องนี้ นายชวน หลีกภัย เคยให้สัมภาษณ์ว่าได้รับเชิญให้ไปปราศรัย แต่แท้จริงแล้วถูกกลุ่มหมอเหวง โตจิราการ หลอกโดยหวังให้ประชาชนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาร่วมด้วยเพื่อสร้างสีสัน

พล.อ.ชวลิต ไม่พอใจกองทัพบกที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนวิถีทางการเมืองของเขา และคิดว่าพลังการเมืองของ พล.อ.สุจินดา จะยั่งยืน เพราะพรรคสามัคคีธรรมแข็งแกร่งมาก จนตัวเองกลายเป็นเพียงเบี้ยเล็กๆ ทางการเมืองเท่านั้น ทั้งๆ ที่ลงทุนลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. และให้ พล.อ.สุจินดา เป็น ผบ.ทบ. แทนจึงต้องโค่นพล.อ.สุจินดาและพรรคสามัคคีธรรม

ความขัดแย้งของทั้งสองชัดเจนมาก จากการตอบโต้กันในรัฐสภา จนถึงขั้นฟ้องร้องกรณีหมิ่นประมาท โดยเฉพาะเรื่องการจะก่อรัฐประหาร

ความล้มเหลวของ พล.อ.ชวลิต ในช่วงวิกฤตการเงิน พ.ศ. 2540 นั้น เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ยาก เพราะเกิดภาวะหลงทาง ขาดความรู้และประสบการณ์ และขาดความตระหนักในสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้ถึงแผนของนายจอร์จ โซรอส ที่ทั่วโลกเรียกว่าพ่อมดการเงิน ตัดสินใจผิดเอาเงินสำรองของชาติไปต่อสู้กับกองทุนของ จอร์จ โซรอสที่มีมากมหาศาลนายทะนง พิทยะ รู้ดีเพราะมารับตำแหน่ง รมว.คลัง สองวันก่อนที่พล.อ.ชวลิต จะโดนโค่นอำนาจโดยนักธุรกิจบนถนนสีลมในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2540 เพราะเงินสำรองหมดคลัง และยังต้องลดค่าเงินบาท ขาดความรอบคอบ หรือหลงกลในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์ มีการอนุญาตให้ซื้อหุ้นไทยได้ทั้งเงินตระกูลบาทและดอลลาร์ซึ่งขึ้นลง แต่คนได้กำไรคือนายทุนเก็งกำไรหุ้นและคนที่รู้ว่า พล.อ.ชวลิต จะประกาศลดค่าเงิน ทำให้เกิดความกังขาว่าเราจะเรียก พล.อ.ชวลิต ว่า “ขงเบ้ง” แห่งกองทัพอีกต่อไปหรือไม่

โดยเฉพาะการวิ่งไปหา ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเขมร เพื่อร้องขอในเรื่องส่วนตัวให้ทักษิณ หรือยืนยันว่าพลังการเมืองของทักษิณ ยังแข็งแกร่งอยู่ แต่ขอให้ฮุนเซนยืนยันไมตรี ซึ่งฮุนเซนได้ยืนยันต่อหน้าประชาคมอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นขงเบ้งจริงคงไม่กระทำการเช่นนี้ เพราะไม่มีไต๋อะไรจะปิดอีกต่อไป นอกจากได้ผลประโยชน์ร่วม

การอ้างว่าไปเขมรเพื่อลดการเผชิญหน้านั้นก็ดี หรือการปรับพื้นที่ขัดแย้งให้เป็นพื้นที่ค้าขายของทั้งสองประเทศก็ดี ย่อมเป็นเรื่องการแสวงผลประโยชน์ให้กับทักษิณและพวกทั้งสิ้น เพราะฮุนเซนประกาศชัดเจนว่าทักษิณ สามารถอยู่ในกัมพูชาในฐานะแขกและเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และฮุนเซนอ้างว่า “เป็นเรื่องมนุษยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมควรทำให้กับเพื่อนของผม” และยังได้เปรียบเทียบเหมือนกับกรณีนางอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นเหยื่อของเผด็จการทหารพม่าต่างกับทักษิณโดยสิ้นเชิงและทักษิณบินออกนอกประเทศอย่างเสรีเพื่อหนีคดีทุจริตไม่ใช่เรื่องการเมือง ดังนั้น ฮุนเซนได้ดูถูกระบบการเมืองไทยและกระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างชัดเจน แต่ศรัทธาคนโกง คนเจ้าเล่ห์ และคนที่ให้ผลประโยชน์กับตนได้

กองทัพไทยมีหลักนิยมสงครามการเมือง พ.ศ. 2525 ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดสมัย พล.อ.สายหยุด เกิดผล นายทหารอาชีพตัวจริง ปัญญาชนตัวจริง ทหารประชาธิปไตยตัวจริง เป็นประธาน P-NET และนักการทหารผู้ริเริ่ม 3 ประสาน คือ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ในการจัดเป็นกองกำลังต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และเป็นกลุ่มแรกที่ผลักดันให้การเมืองนำหน้าการทหาร จึงเอาข้าราชการพลเรือนอยู่แนวหน้าในสงครามการเมืองเพราะเป็นหน้าที่ของเขาในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน

สงครามการเมืองในมิติของหลักนิยมสมัย พล.อ.สายหยุดเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คือ การเผชิญความขัดแย้งซึ่งนำไปสู่การต่อสู้กันระหว่างประเทศ จึงแบ่งระบบการต่อสู้ออกเป็น 2 แบบ คือ การใช้กำลังทหารเข้าทำการสู้รบกันโดยตรง และการใช้มาตรการอื่นโดยมิต้องใช้กำลังทหารเข้าทำการสู้รบกันโดยตรง ซึ่งเรียกว่าสงครามการเมืองเพราะใช้มาตรการต่างๆ โดยมิต้องใช้กำลังทหารเข้าทำการสู้รบโดยตรง และใช้มาตรการนี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชาติ

ลักษณะหนึ่งของสงครามการเมือง คือ การทำลายเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมจิตวิทยาของประเทศฝ่ายศัตรู ให้เกิดความสับสน ปั่นป่วน สูญเสียความมีระเบียบวินัย ก่อให้เกิดความเห็นประโยชน์ส่วนตน คดโกง ตลอดจนใช้เล่ห์กลและอำนาจหน้าที่กระทำการทุจริต และประเทศคู่กรณีมักถือเอาความสับสนทางการเมืองเป็นจุดเริ่มต้น

ขณะนี้ฮุนเซนกำลังทำสงครามการเมืองกับเมืองไทยอย่างชัดเจนตามตำราสงครามการเมืองนี้ ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ย่อมรู้ดี เพราะเคยเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาก่อน และคงต้องเห็นและรับรู้หลักนิยมสงครามการเมือง พ.ศ. 2525 นี้ เว้นแต่ไม่ได้ให้ความสนใจ

ฮุนเซน ได้ใช้หลักการทำลายเกียรติภูมิของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือหน่วยงานต่างๆ ทั้งที่เป็นของรัฐและเอกชนของฝ่ายเรา ซึ่งฮุนเซนถือว่าเป็นศัตรู ให้เสื่อมเสียขาดความนิยมเลื่อมใสจากประชาชนทั้งในและนอกประเทศโดยให้สัมภาษณ์ช่วงประชุมสุดยอดอาเซียน

ฮุนเซนกำลังใช้ขอบเขตอันกว้างขวาง ครอบคลุมทั้งการเมืองภายในและระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และสังคมจิตวิทยา ซึ่งมีอยู่ 6 ขอบเขต แต่มาตรการที่ฮุนเซนใช้ คือ การปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ ด้วยการออกความคิดเห็นเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลไทย และกลุ่มคนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ

ด้วยเหตุนี้จึงกล้ากล่าวว่า ฮุนเซนกำลังทำสงครามการเมืองกับรัฐบาลไทย เพื่อวัตถุประสงค์อะไรนั้นก็ต้องวิเคราะห์กันทั้งมหภาคและจุลภาค

ผลประโยชน์มหภาค คือ การครอบครองเขาพระวิหารทั้งหมดถ้าเป็นไปได้หรือให้สามารถประกาศเป็นมรดกโลกได้ก็จะเป็นชัยชนะของเขา เพราะเมื่อ UNESCO ประกาศเป็นมรดกโลกแล้ว อิทธิพลประชาคมโลกจะกดดันไทยให้ต้องทำตามหลายเรื่อง เช่น การตัดถนนเชื่อมระหว่างไทย – กัมพูชาให้เข้า – ออกประเทศไทยได้สะดวกขึ้น แต่ผลประโยชน์จะตกอยู่กับกัมพูชา พื้นที่บริวารโดยรอบเขาพระวิหารจะถูกกดดันโดยองค์กรสากลที่เข้ามาในบูรณภาพและอธิปไตยของไทย แต่ไทยทำอะไรไม่ได้

พื้นที่ในทะเลนั้นอาจจะใช้นโยบายพัฒนาร่วม แต่ท่อทางลำเลียงก๊าซธรรมชาติจะไปขึ้นบนฝั่งกัมพูชา โรงแยกก๊าซอยู่ในกัมพูชา ไทยอาจจะได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นเม็ดเงินเท่านั้น แต่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งหลายหลากจะตกอยู่กับกัมพูชาทันที

ผลประโยชน์จุลภาคมากมายมหาศาลที่ทักษิณ และพรรคพวกสามารถสร้างประโยชน์ให้กับฮุนเซนโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร การคมนาคม การท่องเที่ยวและการพนัน ซึ่งฮุนเซนเชื่อว่าทักษิณ มีเครือข่ายทางธุรกิจในหลายประเทศอันเป็นประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นที่ฮุนเซนมีไม่มากนัก

การที่ พล.อ.ชวลิต ลงทุนทิ้งความเป็นขงเบ้ง เปิดไต๋ตัวเองให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของทักษิณ จึงเป็นเรื่องที่คนไทยต้องวิเคราะห์ว่าเป็นการทรยศหรือไม่ เพราะว่ากัมพูชาและไทยกำลังทำสงครามการเมืองกันอยู่ หรือใครจะปฏิเสธ

การโต้แย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น ในโลกนี้เกือบทุกประเทศมีปัญหาขัดแย้งกัน โดยเฉพาะแย่งดินแดนกัน หรือผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แหล่งน้ำ แม้แต่สหรัฐฯ เองก็มีปัญหากับเพื่อนบ้านเม็กซิโก เรื่องมลพิษน้ำเสีย กับรัสเซียเขตทะเลแบริ่งกับแคนาดาเกี่ยวกับล่องน้ำเข้าดิกสัน (Dixon Entrance) กับบาฮามาส และพื้นที่ทางทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ อังกฤษกับสเปนเหนือช่องแคบยิบรอลต้า เป็นต้น

หลายกรณีในปัญหาการขัดแย้งดินแดนที่รุนแรง และกลายสภาพเป็นสงครามการเมือง เช่น กรณีกรีซกับตุรกีที่สนับสนุนชนชาติทั้งสองเชื้อชาติบนเกาะไซปรัส และพัฒนาเป็นเรื่องบาดหมางจนถึงขั้นสู้รบกัน ทำให้สหประชาชาติต้องส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปห้ามทัพ ทั้งๆ ที่ทั้งสองชาติเป็นสมาชิกนาโต้ ความขัดแย้งเกี่ยวกับศักดิ์ศรีอีกด้วย เช่น กรีซปฏิเสธที่จะเรียกประเทศสาธารณรัฐมาซีโดเนีย (Macedonia) เพราะว่าชาวมาซีโดเนียโบราณคือคนกรีก แต่ประเทศสาธารณรัฐมาซีโดเนียนั้นเป็นประเทศในทางตอนเหนือของกรีซเกิดขึ้นจากการล้มสลายของยูโกสลาเวีย

การใช้แนวทางประชาธิปไตยของ พล.อ.ชวลิต เป็นสมการการเมืองตามหลักที่ว่า บุคคลมีสิทธิแสดงความคิดเห็น หรือกระทำการใดๆ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยได้นั้นก็ถูกอยู่ แต่ข้อคิดที่สำคัญคือกรณีทักษิณ ที่กระทำการผิดกฎหมายชัดเจนและกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเรื่องสงครามการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงมีคำถามว่า พล.อ.ชวลิต กำลังใช้หลักประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์ให้ใคร และ พล.อ.ชวลิต ได้อะไรตอบแทน หรือเป็นการคืนบุญคุณทักษิณครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่าน

                                                        nidd_riddhagni@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น