xs
xsm
sm
md
lg

ดอกไม้บานสะพรั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร
“เด็ดดอกไม้รายทาง”
โดย...อัญชะลี ไพรีรัก

ดูเหมือนว่าแนวรบด้านสี่เสาเทเวศร์จะสุขุมลุ่มลึก และ เยือกเย็นเสียยิ่งกว่าความเย็นใดๆในโลกหล้า...น่าค้นหาพอๆ กับน่าหวาดหวั่น

ทหารคนหนึ่งใน คมช. ส่งเสียงกระแอมเบาๆมาว่า แทบทุกครั้งก่อนเกิดเหตุพายุใหญ่ ธรรมชาติมักเมตตาเตือนเราเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สัญญาณส่วนใหญ่มักเงียบกริบ และอึมครึม คล้ายๆอย่างนี้

ความสงบ และ นิ่งงัน จนผิดสังเกตของ “สี่เสาเทเวศร์” ในยามนี้จึงเหมือนสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติ...น่าจับตา เฝ้าระวัง และ เตรียมพร้อม...ไม่แน่อาจได้เห็นพายุใหญ่

เพราะหลังจากที่ “ทหาร รุ่น 10” ต่างผลัดไม้กับ “บิ๊กจิ๋ว” ออกมาท้าทายอำนาจ และวัดรอยเท้า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เจ้าของฉายาที่ถูกยัดเยียดว่าเป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” อย่างไม่กลัวเจ็บกลัวตาย คล้ายดับเครื่องชนแล้ว

ให้ปรากฏคล้อยหลังว่า นายทหารม้าผู้เคยชี้เป็นชี้ตาย และชี้นำในกองทัพไทยได้ กลับเมินเฉยต่อท่าทีกระดี่ได้น้ำของทหารแก่รุ่นเตรียม 10 ที่คึกจนแทบไกลหมอ แถม “บ้านสี่เสา”ยังเมินเฉยต่อข้อซักถามของสื่อมวลชน ไม่เหมือนกับวันก่อน ที่เดินรุดหน้ามาที่โพเดียมพร้อมกับบิ๊กวอล์เปเปอร์ หวังตั้งใจสื่อสารไปถึงพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ หลังทำตัวเป็นโซ่ข้อกลางให้”ทักษิณ”

ทหารคนเดิมใน คมช.เล่าให้ฟังว่า ทันทีที่ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาค 3 ออกมาลามปามถึง “ผู้มีอำนาจนอกระบบ” และ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” พร้อมปกป้องทักษิณและพรรคเพื่อไทยสุดชีวิต หลายเสียงหลากสายก็ต่อตรงถึง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตแม่ทัพภาค 3 และรองปลัดกระทรวงกลาโหมทันควัน นัยว่าเพื่อหยั่งความรู้สึกของเขาในฐานะนายเก่าจากบ้านเกิด คนจริงแห่งเมืองสองแคว...พูดจริง เจ็บจริง

ปรากฏว่า เสียงของพี่สะพรั่งดังน้อยกว่าหวูดรถไฟไทยนิดเดียว!!!

“พี่พรั่งควันออกหูและโกรธนักที่มนัสเหิมเกริม” แหล่งข่าวจากกลุ่มบิ๊ก คมช.ป้องปากกระซิบ และต่อไปอีกว่า “ตอนจิรเดช คชรัตน์ อดีตแม่ทัพภาค 3 เด็กปั้นพี่สะพรั่งเข้าพรรคเพื่อไทย พี่เขาก็ปี๊ดแตกมาทีหนึ่งแล้ว กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียหนักหนาเลยละ” แหล่งข่าวเล่าเรื่องหนักด้วยเสียงเบา

ยามนี้บ้านเมืองปั่นป่วนไปหมด ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว เดี๋ยวทวิตเตอร์ เดี๋ยวโฟนอิน เดี๋ยวปล่อยข่าวลือทุบหุ้น คราวนี้เล่นของแรง ลามปาม ผู้มีอำนาจนอกระบบ และ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญด้วยถ้อยคำรุนแรงก้าวร้าวราวศัตรูปะทะคารมกัน

เรื่องนี้แหล่งข่าวสายสีเขียวเล่าว่า พี่พรั่งฟังข่าวแล้วกัดฟันกรอดๆ สักพักเดียวรับสายใครก็ไม่รู้ แล้วผัว-เมียคู่นี้ก็แต่งตัวผลุนผลันออกจากบ้านไป

“หวาดเสียว ขนหัวลุก....ลองอีหรอบนี้ ไม่ธรรมดา งานนี้ช้างชนช้าง ต้องมีตายกันข้างหนึ่งแน่ๆ” แหล่งข่าวสีเขียวปล่อยข่าวแล้วเปิดแน่บ

ชาวบ้านชาวเมืองเขาสมเพชกันยกใหญ่ เมื่อเห็นนายทหารและตำรวจระดับนายพลที่เกษียณอายุราชการแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน พากันสร้างปรากฏการณ์การเมืองเก่า ละครน้ำเน่า ในชื่อเรื่อง “สุสานคนแก่” ตอน ...เห็นขี้มูกเป็นเต้าส่วน ได้“ตบเท้า” เข้า “เพื่อไทย”

บ้านหลังใหม่ที่ทหารแก่เชื่อ หรือ อาจหลงเชื่อไปว่า บ้านน้อยที่กำลังทรุดโทรมซอมซ่อ และส่อว่าจะล้มครืนได้ทุกเมื่อหลังนี้คือ ทิพย์วิมานชั้นฟ้า ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตนายพลหลังเกษียนที่แสนหดหู่ ให้กลายเป็นผู้มากบารมีที่ชาวบ้านชาวช่องต้องกริ่งเกรงใจและ ท่าจะพัฒนาไปเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ทักษิณเลื้อยเกาะกลับไทยได้ด้วยก็จะบรรลุผลสำเร็จ

ทหารแก่วัยเกษียณเหล่านี้ เดิมทีนัดแนะกันว่าจะมีเกือบ 60 คน ทำไปทำมาเหลือไม่ถึงครึ่ง ที่หายไปนัยว่า ลูก-เมียขอร้อง และบางคนน้องเมียขอให้พัก

ส่วนเพื่อนรักทักษิณที่ยังไม่หมดอายุราชการ ต่างกล้าๆกลัวๆ เก้ๆ กังๆ ชักเข้าชักออก ไม่ใช่ไม่กล้า...แต่กลัวได้น้อยกว่า สามเกลอหัวขวด แล้วพาลเจ็บใจ

ไม่กี่ชั่วโมงหลังรถบัสสีแดงส่งทหารเกษียนเข้าสุสานคนชรา พบว่าทหารวัยเกษียนไปนานแล้วอีกคนหนึ่งซึ่งเคยมีเรื่องเก่ากินใจกับ “สี่เสา” เห็นว่าได้โอกาสอันดี จึงขี่แพะไล่หลังด้วยการปล่อย “จดหมายเปิดผนึก” ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

ถ้อยคำในจดหมายเต็มไปด้วยวาจาถากถาง และทวงบุญทวงคุณขุ่นแค้นใจในฐานะที่ เคยรักหมดใจแต่สุดท้ายเกือบต้องตายใต้เงาสี่เสา

จดหมายเปิดผนึก และ เปิดเผยฉบับนี้ มีความลับในการแต่งตั้งนายทหารหลายยุคหลายสมัย ส่วนใหญ่อ้อมแถวและข้ามหัวด้วยพลังพิเศษทั้งนั้น แต่ละบรรทัดมีความในใจของเพื่อนทหารเก่าที่เฝ้ามองสี่เสาด้วยความเป็นห่วง และแถมด้วยเบื้องหลังปฏิวัติแก้มแดงที่เมียมาห้ามไว้ ไม่งั้นบ้านเมืองเละเป็นโจ๊ก

สุดท้ายในท้ายจดหมายถามถึง “ลูกป๋า” ที่ได้ดิบได้ดีมีตังค์มั่งคั่งถ้วนหน้า แต่หาได้มาสนองพระเดชพระคุณ รับใช้ตอบแทนบุญคุณป๋าที่เกื้อหนุนไม่ ทิ้งไว้แต่ป๋าที่เดียวดายใต้เงาจันทร์ในบ้านใหญ่ชื่อ “ไร้กังวล”

จดหมายฉบับนี้ฟอร์เวิร์ดไปทั่วสะพัดไปทั้งบ้านทั้งเมือง ผสมโรงล้างแค้นเก่าร่วมกับทหารแก่สายทักษิณที่ตบเท้าทันทีที่ได้รับการตบทรัพย์จากดูไบ ทุกคนขมีขมันสาดวาจาตบหน้าผู้อาวุโสไม่กลัวเกรง

เงินเยอะเพื่อนแยะก็อย่างนี้ ในเมื่อยังมีทหารรับจ้างไป “รบ” ได้ ก็ย่อมมีทหารอาสารับจ้างเป็น “ผ้าห่อศพ” ให้คนดูไบได้เช่นกัน

จึงเป็นที่มาของทหารหน้าไม่อายเหล่านี้ ที่ถูกดันให้สร้างภาพเอิกเกริกเกรียงไกร เหมือนสาวพริตตี้ตกรุ่นปลดระวางยืนกางขาขายรถสิบล้อ มีแต่คนมองว่าแปลก แต่เมินทันทีเมื่อพบว่า เปล่าประโยชน์และของปลอม

ต้องนี่เลย “บิ๊กจิ๋ว” หวานเจี๊ยบขนานแท้ดั้งเดิม ที่เหินฟ้าไปตบหน้าวงการตุลาการ และ รัฐบาลไทย ถึงพนมเปญ ด้วยการเจรจากับฮุนเซนให้เปิดทางรับทักษิณมาพักที่เกาะกง

สมแล้วที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเอ่ยถึงว่า ถ้ามีลมหายใจ จะไม่มีวันปล่อยจิ๋วเป็นใหญ่....จริงเกินจริง

คนจะซวยช่วยไมได้ เล่นเกมแรงกะล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ตั้งสภาเปรซิเดียมขนาดนี้ เห็นทีจะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน บ่ได้เสียแล้ว

ว่ากระนั้นแล้ว บ่างช่างยุแถวตลาดเทเวศร์ก็เร่งออกงาน เมื่อเห็นบ้านสี่เสาหน้านิ่งไม่ไหวติงต่อการเหิมเกริมของศัตรูแผ่นดินที่มาจากสีเดียวกัน....หน้านิ่งไม่ได้แปลว่า นั่งนิ่งๆเป็นเป้านิ่งให้ทุบถอง

ว่ากระนั้นแล้วก็เมียงมองไปที่ “วงป๊อกเด้ง” เจ้าเก่าเล่ายี่ห้อ ที่ถนัดเปิดถ้วยแทง หวังใช้บริการอีกหน

คราวนี้ทหารแก่เจอทหารขี้ขลาด...เซ็งเป็ดเลยพี่น้อง

หันรีหันขวางไม่รู้จะเชื่อใคร...หันใช้บริการคนเคยมองข้ามเสียดีกว่า

งานนี้อยู่ดีๆ ดอกไม้ก็บานสะพรั่งที่บ้านสี่เสา

รูปการเยี่ยงนี้เห็นทีต้องยุให้ใสช้างออกมาชนกันเลย พี่-น้อง สีเดียวกันชนกันเองนี่ละดีนักแล สงสัยฝีใกล้แตกแล้ว สมคำทำนายของพระดังเชียงราย ที่ว่าไว้

“เมื่อช้างชนช้าง ดูไบก็แหลกลาญ ล่มจม หมดเนื้อหมดตัว เร่ร่อน แก่ เจ็บและตายในต่างแดน ส่วนบ้านนี้เมืองนี้ สีเขียวจะบานสะพรั่งหลังปลายฝนต้นหนาว”...ต้องติดตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น