“จิ๋ว” ไม้หลักปักขี้เลน!!

“ผ่าประเด็นร้อน”


ได้ยินข้ออ้างของ “จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องย้ายมาเข้าคอก ทักษิณ ชินวัตร ในพรรคเพื่อไทยว่าเป็นเพราะได้รับการปฏิเสธจาก “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่ให้เข้าพบที่บ้านสี่เสา เทเวศร์

ทำนองว่าจะขอเข้าไปขออโหสิกรรมให้ ทักษิณ ทำตัวเป็นโซ่ข้อกลาง แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธก็จำเป็นต้องเปลี่ยนขั้วในที่สุด

ไม่นึกว่าคนที่เคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรี จะพูดจาออกมาเลื่อนเปื้อนแบบนี้ ทางหนึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนคนนี้ทำได้ทุกอย่าง หากตัวเองได้ประโยชน์ ยอมแม้กระทั่ง “รับงาน” มาทำลายใครก็ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง “นายเก่า” อีกด้านหนึ่งก็ได้มองเห็นจุดยืนและตัวตนของคนๆนี้ว่าในที่สุดแล้วก็ไม่ต่างจากไม้หลักปักขี้เลน เชื่อถืออะไรไม่ได้

ช่วยไม่ได้ที่นาทีนี้สังคมจะไม่ให้ราคา มองการกลับมาและการดำรงอยู่ของ พล.อ.ชวลิต อย่างเหยียดหยามต่ำต้อย

การบอกว่า พล.อ.เปรม ไม่ให้เข้าพบ หลังจากทำตัวเป็นผู้ประสานงานไกล่เกลี่ยกับ ทักษิณ ชินวัตร นั้น ถ้าพูดหยาบๆแบบชาวบ้านก็ต้องบอกว่า “ไม่ถูกถีบ” ออกมาก็บุญแล้ว เพราะการพูดแบบนี้ก็เท่ากับยืนยันว่า ประธานองคมนตรีอยู่เบื้องหลังชะตากรรมของทักษิณ ทั้งหมด

เหมือนกับรับงานมาทำลาย พล.อ.เปรม เป็นการเล่นอีกเกมหนึ่ง หลังจากที่กลุ่ม เสื้อแดงกระทำจาบจ้วงหยาบช้ามาอย่างต่อเนื่อง แถมยังทำให้เข้าใจในทำนองข่มขู่อีกว่าเมื่อพูดกันดีๆไม่ได้ ก็จำเป็นต้องร่วมมือกับอีกฝ่ายให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย

ขณะเดียวกัน บังเอิญว่าเป็นช่วงที่ตัวเองถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิดอาญา จากกรณีสั่งการปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม อาจจะติดคุกตอนแก่ จึงจำเป็นต้องเข้ามาผสมโรง ร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร

เมื่อพิจารณาในภาพรวมๆก็ไม่ต่างจาก “ฝนตกขี้หมูไหล” แต่นาทีนี้เครดิตที่พอมีอยู่บ้างกลับหดหายไปหมดอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพในทางสังคมวงกว้างจะไม่ได้รับความเชื่อถือ แต่ศักยภาพส่วนตัวในด้านเกมใต้ดินถือว่าประมาทไม่ได้ ยิ่งในวันแถลงข่าววันที่เข้าไปสวมเสื้อสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้เห็นบรรดาทหารแก่เดินตามหลังไปอีกหลายคนทำให้อดเสียววาบไม่ได้ว่า “คนพวกนี้มันกำลังคิดจะทำอะไร”

เพราะหากย้อนดูแบ็กกราวด์แต่ละคนตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องมอเตอร์ไซค์เผาป่วนเมือง ภาพความรุนแรงยังตามมาหลอกหลอนจนถึงวันนี้

ไล่เรียงไปตั้งแต่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ที่กำลังรอจังหวะเปิดตัวในเร็ววัน แต่ละคนประวัติชวนขนหัวลุกทั้งสิ้น

งานนี้ถือว่าน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นช่วงสองเดือนสุดท้าย ทั้งเรื่องแดงทั้งเดือน รวมไปถึงกำหนดการชุมนุมใหญ่ของลูกน้องทักษิณในเดือนพฤศจิกายน หวังจะปิดเกมให้เร็วที่สุด

ล่าสุดเพิ่งเปิดให้เห็นท่าทีล่าสุดล้มแผนแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เนื่องจากตัวเองไม่ได้ประโยชน์ จึงเชื่อว่ากำลังเพิ่มแรงกดดันเพื่อนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดหมาย คือการยึดอำนาจ แต่วิธีนี้มันเสี่ยง ได้ไม่คุ้มเสีย ที่สำคัญไม่มีทหารรับจ้างคนไหนกล้าทำ

สังคมรู้ทัน ไปไม่รอด

เหลืออีกวิธีก็คือ เพิ่มแรงกดดันให้ยุบสภาโดยเร็ว เพราะเชื่อว่าในสนามเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะสามารถชนะได้เสียงข้างมากเด็ดขาด นำเรื่องรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ใหม่ เขียนบทเฉพาะกาลลบล้างความผิดให้กับ “นายใหญ่” เป็นการเฉพาะ

มั่นใจว่าหากโหมแรงเอาในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินสิ้นปีให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ได้รัฐบาลใหม่จากพรรคเพื่อไทย ให้ พล.อ.ชวลิต เป็นนายกฯ อีกรอบ

เร่งดำเนินการให้ทันก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแน่งทางการเมืองจะสรุปคดีอายัดทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้าน

เล็งผลเลิศฝันหวานกันขนาดนี้

แต่ขอโทษนั่นเป็น “เกมกระจอก” ที่ไม่มีใครเอาด้วย ยิ่งเอาพวกตกยุคมาขายก็ยิ่งมีแต่คนปฏิเสธ ที่สำคัญยังเป็นพวกที่เปรียบเหมือน “ไม้หลักปักขี้เลน” เชื่อถืออะไรไม่ได้แล้ว

และอีกด้านหนึ่งนี่คือการลงทุนครั้งสุดท้ายของ ทักษิณ ที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอด และใช้ไพ่ใบสุดท้ายออกมาเล่น แต่บังเอิญว่าไพ่ใบนี้คนเขารู้ไต๋กันหมดแล้ว!!