หลังการประกาศไขก๊อกลาออกจากตำแหน่ง “เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)” ของ “คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา” โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ทำให้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ตกอยู่ในภาวะที่ต้องครุ่นคิดและตัดสินใจครั้งสำคัญว่า จะเอาใครมาแทนที่คุณหญิงดี..???
ตำแหน่งเลขาฯ กพฐ.นั้น เป็นตำแหน่งใหญ่ที่มี “ผู้ปรารถนา” ไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องบริหารจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐานของชาติตั้งแต่ ป.1-ม.6 กับโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว ยังมีเม็ดเงินผ่านเข้ามาจำนวนมหาศาล
ที่น่าสนใจคือ การลาออกของคุณหญิงกษมาได้ประกาศเอาไว้ว่า หากอยากเห็นงานของ สพฐ. เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ติดขัด คนที่จะมารับช่วงต่อต้องเป็น “คนใน” ของ สพฐ.เท่านั้น
นี่ถือเป็น “ระเบิดลูกใหญ่” ที่คุณหญิงทิ้งไว้เลยทีเดียว
ทั้งนี้ เมื่อทอดสายตาดูบิ๊กที่รองๆ ลงมาแล้ว ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่า “สมเกียรติ ชอบผล” รองเลขาฯ กพฐ. น่าจะเป็นหนึ่งเดียวในใจและเป็น “ไพ่ใบสุดท้าย” ที่คุณหญิงกษมาส่งเข้าประกวด เพราะมีความเข้าใจในงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้เป็นอย่างดีและไม่เป็นสองรองใคร จุดเดียวที่อาจมีข้อกังขาก็คือ “บารมี” ที่อาจยังไม่สามารถเทียบชั้นคุณหญิงกษมา
อย่างไรก็ตามแม้ “รองสมเกียรติ” จะเป็นเต็ง 1 แต่ก็ยังคงต้องลุ้นต่อไป เพราะดูเหมือนว่ายังไม่มีการรับลูกจากผู้มีอำนาจด้วยซ้ำ เพราะ ฯพณฯ จุรินทร์ ยังคงปัดว่า “การพิจารณามีกฎเกณฑ์และระเบียบอยู่แล้ว ว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาฯ กพฐ. ควรมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากกฎเกณฑ์ได้ ส่วนตัวแล้วยังไม่ได้พิจารณาบุคคลใดเป็นพิเศษ”
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงมีกระแสข่าวออกมาอีกว่าผู้ท้าชิงอาจมาจาก “คนนอก” ก็ได้ไม่มีใครรู้
หากเป็นคนนอกก็ถือเป็นเรื่องใหญ่อีกเช่นกัน เพราะต้องดูว่าข้าราชการยอมรับได้แค่ไหน มาแล้วจะสานงานต่อได้ดีหรือไม่ อีกทั้งเรื่องสำคัญคือบารมี บู๊ บุ๋น มีมากน้อยเพียงใด
ถ้ายิ่งเป็นคนนอกที่มาพร้อม “พลังเงิน” ด้วยแล้วต้องถือว่าโหดสุดๆ อย่างที่ลือกันให้แซดว่า ตอนนี้ว่ามีกลุ่มนายทุนการเมืองแสดงความเป็น “ป๋าจัดให้” ทุ่ม 50 ล้านดันผู้บริหารระดับสูงใน สพฐ. ขึ้นมาบี้เก้าอี้ เลขาฯ กพฐ. กับเต็งจ๋า พร้อมดันให้ผู้บริหารใน “สำนักส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)” ขึ้นนั่งรองเลขาฯ กพฐ. ด้วย
แต่บทสรุปที่ใครจะได้รับเก้าอี้ต่อจากคุณหญิงก็คงต้องรอหลัง 26 ต.ค.ได้รู้กันแน่นอนว่า “เด็กปั้นคุณหญิง” กับ “พลังเงิน” ใครจะเข้าวิน...
มาถึงเรื่องฮ็อตสดๆ ร้อนๆ อย่างโผโยกย้ายระดับ 10 ศธ. 14 ตำแหน่ง ภายหลังผ่านมติ ครม.เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) ที่ผ่านมา หากเพ่งไปที่ตำแหน่งเด่นๆ ก็ยังเห็นได้ว่า “เด็กในคาถา” ของคุณหญิงก็ยังคงเข้าวินอยู่นั่นคือ “อ.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์” ที่ผันตัวเองจากที่ปรึกษา สพฐ. ขึ้นมาเป็น รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และมีภาษีสูงที่จะสามารถเลื่อนขึ้นสู่ระดับ 11 ได้ง่ายขึ้น ตรงนี้ก็เป็นเหมือนการกรุยทางให้แก่ “ลูกหม้อ” ของคุณหญิงได้เป็นใหญ่เป็นโตต่อไป ส่วนใครจะมาแทนในดำแหน่งเดิม หรือปรับทิ้งไว้เพื่อรอใคร ก็ยังไม่มีคำตอบ
ที่เป็นกระแสตามโผโยกย้ายอยู่นานเห็นจะเป็นฟาก “สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)” โดยเฉพาะตัวรองเลขาฯ กอศ. “อกนิษฐ์ คลังแสง” ที่โดนจับไปดองในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ซึ่งที่ผ่านมาหลายคนซุบซิบว่าเหตุที่ขึ้นมานั่งรองเลขาฯ กอศ. ได้คงมีเอี่ยวการเมืองแน่ๆ เพราะหากดูที่นามสกุลก็พอเดากันออก แต่ชั่วโมงนี้เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว การถูกลดบทบาทลงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ไปกันที่ “สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)” ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะ “อ.สรรค์ วรอินทร์” ที่ปรึกษาด้านพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น สกอ. ได้ขยับขึ้นนั่ง รองเลขาฯ กกอ. หลังจากรั้งตำแหน่งเดิมอยู่หลายปี และคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงอุดมศึกษามานาน อีกทั้งอายุราชการก็เหลืออีกแค่ปีเศษจึงถือว่าเหมาะแล้วกับเก้าอี้ตัวนี้แล้ว
ขณะที่ผลงานก็เด่น ในหลายเรื่องส่วนใหญ่หนักไปทางการเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องต่างๆ อย่างเร็วๆ นี้เห็นจะเป็นชุดตรวจสอบการทุจริตองค์การค้า คณะกรรมการตรวจสอบกรณีการเปิดรับรอบ 3 ของเทคโนโลยีปทุมวัน และอีกมากมาย
แต่ที่ถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพร์สุดๆ เห็นจะหนีไม่พ้นคนใน “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)” โดยเฉพาะตัว ผอ.สช. “บัณฑิต ศรีพุทธางกูร” ที่คงยิ้มหน้าบานกว่าใครเพื่อนในบรรดาโผโยกย้ายฤดูกาลนี้ เพราะได้ปรับขึ้นมาจากระดับ 9 เพื่อรั้งตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ศธ. นั่นเอง โดยใช้เวลาอยู่ในดำแหน่งเดิมเพียง 2 ปี ก็ได้ขึ้นตำแหน่งที่สูงกว่า ถือว่าล้ำหน้าข้าราชการด้วยกันหลายคน บ้างมองว่าความดีความชอบครั้งนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมาจากการตามติด ใกล้ชิด ฯพณฯ จุรินทร์ อย่างไม่ขาดสาย...
จากนี้ก็ต้องมาดูกันต่อว่าตำแหน่ง ผอ.สช.ที่ทิ้งไว้นี้ใครจะมาแทน ซึ่งกระบวนการทำได้ 2 วิธี คือทำโดยบอร์ดบริหารของ ศธ. เป็นผู้แต่งตั้ง หรือใช้วิธีการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่าจะเลือกใครมานั่งแทน ซึ่งดูเหมือนว่าคงมีผู้บริหารภายในรอจ่ออยู่ปริ่มๆ 2-3 คน
โผระดับ 10 ก็เพิ่งผ่านไป ต่อไปคงต้องลุ้นกันต่อว่า ระดับ 11 เพื่อแทนที่การจากไปของคุณหญิงกษมาจะลงเอยอย่างไร จะเป็นคนในตามที่วางหมากไว้ หรือคนนอกอย่างพลิกโผ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะเป็นขั้วไหน เด็กใคร และไม่แน่ว่าหลายคนที่อกหักในตอนนี้อาจผงาดขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้...
