เชียงราย- พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย เร่งติดตามคดี 3นายตำรวจยักยอกเงินของกลาง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (15 ต.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์ชัย วงษ์สามี รอง ผบก.ภ.เชียงราย ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดตรวจสอบคดีปลดนายตำรวจ 3 นาย คือ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เฮงตระกูล รอง ผกก.สส.สภ.เวียงแก่น พ.ต.ท.กฤต เข็มกลัด สวป.สภ.เวียงแก่น พ.ต.ท.ถิรวัฒน์ ต่อสวย สว.สส.สภ.เวียงแก่น และชั้นประทวนอีก 1 นาย คือ ด.ต.ยงยุทธ ไชยเลิศ ผบ.หมู่ สภ.เวียงแก่น ข้อหายักยอกเงินของกลางที่คาดว่าจะมาจากการค้ายาเสพติดหลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งที่ อ.เวียงแก่น
จากนั้นนำมารายงานผู้บังคับบัญชาว่ามีเงินสดเพียง 8 ล้านบาท แต่ผลการตรวจสอบของ ภ.เชียงราย ระบุว่า เงินสดน่าจะมีกว่า 16.2 ล้านบาท รวมทั้งต่อมามีพยานปากเอกนำเงินสด 2.19 ล้านบาท มาคืนให้ชุดตรวจสอบ โดยระบุว่า เป็นส่วนหนึ่งของเงินสินบนที่หายไปด้วย ให้นำกำลังออกติดตามจับกุมหาตัว นางมณี แซ่มัว อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านซึ่งหลบหนีไป
พร้อมกันนี้ ทางตำรวจชุดตรวจสอบคดี ยังได้ขอหมายศาลจังหวัดเทิงออกหมายจับชายอีก 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะในช่วงที่มีการตรวจสอบในคดียังกล้าติดต่อไปยังตำรวจชุดตรวจสอบ เพื่อเจราจรต่อรองขอเงินสดบางส่วนคืน ทำให้มีผู้ที่ออกหมายจับในขณะนี้แล้วจำนวน 3 คน ซึ่งทางชุดติดตามได้กระจายกำลังกันไปตามจุดต่างๆ ของ อ.เวียงแก่น และข้างเคียง เพื่อหาตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้แต่ยังไม่พบตัว
พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่า เชื่อว่า เงินสดที่ยึดได้ทั้งหมด น่าจะมาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยเฉพาะมาจากการค้ายาเสพติด เพราะชาวบ้านธรรมอ้างว่าทำการเกษตรไม่น่าจะมีเงินสดที่ซ่อนในกระสอบฟางอยู่มากถึงกว่า 16.2 ล้านบาท ขณะที่ตำรวจที่ถูกปลดในครั้งนี้ก็เพราะมีหลักฐานข้อมูลที่แน่นหนาจึงได้ปลดออกเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้หากว่ามีการนำเงินสดทั้งหมดมาคืนให้ครบทั้ง 16.2 ล้านบาทก็จะเป็นผลดีต่อรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะการตรวจสอบการเดินของเม็ดเงินยาเสพติด
พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับด้านการสอบปากคำตำรวจทั้ง 4 นายที่ปลดออกจากราชการนั้นก็จะได้เร่งดำเนินการให้เสร็จ เพื่อจะได้นำส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งแยกสำนวนอีกส่วนหนึ่งส่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป แต่ว่าหลังสอบปากคำเสร็จก็คงจะปล่อยตัวออกไปชั่วคราวตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรงค์ชัย กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำตำรวจทั้งหมดครบแล้ว และต่างให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำความผิด กระนั้นทางชุดตรวจสอบก็จะได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดและจัดทำสำนวนเพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ตามขั้นตอน ซึ่งตามระเบียบจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีการแจ้งความดำเนินคดีคือราววันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง ป.ป.ช.ก็จะมีการพิจารณาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในการสอบสวนเบื้องต้นทาง พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ตำแหน่งสูงที่สุดในบรรดาผู้ที่ถูกปลดให้ออกจากราชการระบุว่าว่าในการไปตรวจสอบเม็ดเงินทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบของทางราชการทุกอย่าง โดยในช่วงที่ไปตรวจสอบของกลางเงินสดในกระเป๋าก็พบว่ามีเงินสดอยู่เพียงจำนวน 8 ล้านบาท จึงได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานรวมทั้งได้ให้นางมณีลงนามไว้ในหลักฐานในบันทึกไว้แล้วด้วย แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ในทางคดี และ ป.ป.ช.ก็จะนำข้อมูลหลักฐานที่ได้ไปยืนยันถึงความบริสุทธิ์ต่อไป
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (15 ต.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์ชัย วงษ์สามี รอง ผบก.ภ.เชียงราย ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดตรวจสอบคดีปลดนายตำรวจ 3 นาย คือ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เฮงตระกูล รอง ผกก.สส.สภ.เวียงแก่น พ.ต.ท.กฤต เข็มกลัด สวป.สภ.เวียงแก่น พ.ต.ท.ถิรวัฒน์ ต่อสวย สว.สส.สภ.เวียงแก่น และชั้นประทวนอีก 1 นาย คือ ด.ต.ยงยุทธ ไชยเลิศ ผบ.หมู่ สภ.เวียงแก่น ข้อหายักยอกเงินของกลางที่คาดว่าจะมาจากการค้ายาเสพติดหลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งที่ อ.เวียงแก่น
จากนั้นนำมารายงานผู้บังคับบัญชาว่ามีเงินสดเพียง 8 ล้านบาท แต่ผลการตรวจสอบของ ภ.เชียงราย ระบุว่า เงินสดน่าจะมีกว่า 16.2 ล้านบาท รวมทั้งต่อมามีพยานปากเอกนำเงินสด 2.19 ล้านบาท มาคืนให้ชุดตรวจสอบ โดยระบุว่า เป็นส่วนหนึ่งของเงินสินบนที่หายไปด้วย ให้นำกำลังออกติดตามจับกุมหาตัว นางมณี แซ่มัว อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านซึ่งหลบหนีไป
พร้อมกันนี้ ทางตำรวจชุดตรวจสอบคดี ยังได้ขอหมายศาลจังหวัดเทิงออกหมายจับชายอีก 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะในช่วงที่มีการตรวจสอบในคดียังกล้าติดต่อไปยังตำรวจชุดตรวจสอบ เพื่อเจราจรต่อรองขอเงินสดบางส่วนคืน ทำให้มีผู้ที่ออกหมายจับในขณะนี้แล้วจำนวน 3 คน ซึ่งทางชุดติดตามได้กระจายกำลังกันไปตามจุดต่างๆ ของ อ.เวียงแก่น และข้างเคียง เพื่อหาตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้แต่ยังไม่พบตัว
พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่า เชื่อว่า เงินสดที่ยึดได้ทั้งหมด น่าจะมาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยเฉพาะมาจากการค้ายาเสพติด เพราะชาวบ้านธรรมอ้างว่าทำการเกษตรไม่น่าจะมีเงินสดที่ซ่อนในกระสอบฟางอยู่มากถึงกว่า 16.2 ล้านบาท ขณะที่ตำรวจที่ถูกปลดในครั้งนี้ก็เพราะมีหลักฐานข้อมูลที่แน่นหนาจึงได้ปลดออกเช่นนี้ เพราะเรื่องนี้หากว่ามีการนำเงินสดทั้งหมดมาคืนให้ครบทั้ง 16.2 ล้านบาทก็จะเป็นผลดีต่อรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะการตรวจสอบการเดินของเม็ดเงินยาเสพติด
พล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับด้านการสอบปากคำตำรวจทั้ง 4 นายที่ปลดออกจากราชการนั้นก็จะได้เร่งดำเนินการให้เสร็จ เพื่อจะได้นำส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งแยกสำนวนอีกส่วนหนึ่งส่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป แต่ว่าหลังสอบปากคำเสร็จก็คงจะปล่อยตัวออกไปชั่วคราวตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่ พ.ต.อ.ณรงค์ชัย กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำตำรวจทั้งหมดครบแล้ว และต่างให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำความผิด กระนั้นทางชุดตรวจสอบก็จะได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดและจัดทำสำนวนเพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ตามขั้นตอน ซึ่งตามระเบียบจะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีการแจ้งความดำเนินคดีคือราววันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง ป.ป.ช.ก็จะมีการพิจารณาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในการสอบสวนเบื้องต้นทาง พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นนายตำรวจที่ตำแหน่งสูงที่สุดในบรรดาผู้ที่ถูกปลดให้ออกจากราชการระบุว่าว่าในการไปตรวจสอบเม็ดเงินทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบของทางราชการทุกอย่าง โดยในช่วงที่ไปตรวจสอบของกลางเงินสดในกระเป๋าก็พบว่ามีเงินสดอยู่เพียงจำนวน 8 ล้านบาท จึงได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานรวมทั้งได้ให้นางมณีลงนามไว้ในหลักฐานในบันทึกไว้แล้วด้วย แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ในทางคดี และ ป.ป.ช.ก็จะนำข้อมูลหลักฐานที่ได้ไปยืนยันถึงความบริสุทธิ์ต่อไป
