xs
xsm
sm
md
lg

ยักยอกSECC รถหรูหาย484คัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – เปิดโปงพฤติกรรม“สมพงษ์” ตะลึง!! “อี.ซี. ออโต้เซลส์ฯ”รถยนต์หรู 484 คันล่องหน..ไปจากโกดังเก็บรถ เหลือจอดโชว์เพียงแค่ 17 คัน จากที่ระบุไว้ในลิสต์บัญชีสินทรัพย์ทั้งหมด 501 คัน ส่วนเอกสารก็โดนทำลายยับ เหลือให้เห็นแค่บางส่วน กรรมการตรวจสอบคาดเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส3/51 มั่นใจเป็นการโยกย้ายถ่ายเทสินทรัพย์ เตรียมยื่นเรื่องต่อก.ล.ต.ดำเนินคดีทั้งอาญา และแพ่ง

นายสรรพพล รัตนรุ่งโรจน์ กรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2552 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ(บอร์ด) ได้รับรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งได้ตรวจสอบทรัพย์สินของบริษัท และได้รายงานการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งเป็นรถยนต์ของบริษัทตามบัญชีทรัพย์สินว่า มีรถยนต์ของSECC หายไป 484 คัน จากทั้งหมด 501 คัน โดยพบเพียง 17 คันเท่านั้น

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเช่าโกดังหรือสถานที่ใด ๆ ในการเก็บรักษารถยนต์ซึ่งจากการตรวจสถานที่เช่าของบริษัทมีเพียง 3 แห่ง คือ 1. สถานที่เช่าซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 2.อาคารสาขาพระราม 2 และ 3. อาคารสถานที่เช่าซันยองซึ่งปัจจุบันผู้ให้เช่าได้ยกเลิกการเช่าไปแล้ว

ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน รายงานว่า เอกสารต่างๆนั้นหาไม่พบเนื่องจากมีการทำลายไปบางส่วนและจากการค้นหาของคณะกรรมการตรวจสอบฯ สามารถค้นหาและพบเอกสารซึ่งเป็น ใบสั่งซื้อ และเอกสารอื่น แต่เป็นเอกสารปี 2550 และปี 2551

ดังนั้น คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินนั้น คาดว่า รถยนต์น่าจะหายไปในระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจนับจากผู้ตรวจสอบบัญชีมาโดยตลอด แต่จะหายไปจากที่ไหน และไปเก็บไว้ที่ใดนั้น บริษัทไม่อาจทราบได้

สำหรับรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบครั้งนี้ ได้ตั้งประเด็นการสูญหายของรถยนต์ไว้ 2. ประเด็นคือ 1. เกิดการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทโดยทุจริต และ 2. พนักงานของบริษัทได้ร่วมมือกับคณะกรรมการชุดก่อนจัดทำหลักฐานเท็จขึ้นมา

แต่จากการดูพยานหลักฐานแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบฯมีความเห็นว่า น่าจะเกิดจากการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัท โดยทุจริต มากกว่า

ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้จึงมีมติอนุมัติ และเห็นชอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการตรวจสอบฯ โดยให้คณะกรรมการบริหารนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัท และเสนอเรื่องและเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป หรือดำเนินการในส่วนที่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ต่อบุคคลผู้เกี่ยวข้องทั้งแพ่งและอาญาต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด SECC เคยออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า กรณีรถที่หายไปจากสต๊อกนั้นคงต้องรอกรรมการตรวจสอบชุดใหม่เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเวลานี้ไม่มีใครทราบว่ารถหายไปทั้งหมดกี่คัน และทั้งหมดหายไปอยู่ที่ไหนบ้าง

พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานก.ล.ต.ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมกับนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ อดีตประธานกรรมการ SECC กับพวกเพิ่มเติมอีก 6 ประเด็น โดย ระบุว่า พบพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการทำผิดตามพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพิ่มอีกหลายลักษณะ จึงได้กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารของ SECC และอดีตผู้บริหารบริษัท เอสอีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด (SECC Holding) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้แก่ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์,นายสมชาย ศรีพยัคฆ์,นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน,หม่อมหลวงอภิษฎา ชยางกูร,นางสาวนิภาพร คมกล้า,นายกรวิวัฒน์ วัฒนะธรรมวงศ์ และนางสาวมุทิตา นิลสวัสดิ์

โดย 6 ประเด็นที่กล่าวโทษเพื่อ ได้แก่ 1.ทุจริตยักยอกเงินผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding จำนวน 245 ล้านบาท 2.ยักยอกเงินฝากของ SECC Holding จำนวน 30 ล้านบาท 3.ทุจริตยักยอกเงิน 42 ล้านบาทจากบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 4ทุจริตโดยยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ของบริษัทไปใช้แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว 5.ตกแต่งรายได้ค่าขายรถยนต์ 30 ล้านบาทในปี 2550 และ6.อดีตกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในเช็คหรือใบถอนเงินของบริษัทไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น