แพทย์ชนบทจี้ “วิทยา-มานิต”ทิ้งเก้าอี้ โชว์โปร่งใส เปิดทางตรวจสอบใช้งบฯ “ไทยเข้มแข็ง” ปูด“หมอแขก”ไอ้โม่งสั่งยัดไส้ยูวี-แฟน ไม่มั่นใจประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงจะกล้าชี้ตัวคนทำผิด เพราะมีส่วนได้เสียในการโยกย้าย ด้านปลัด สธ.สั่งทุก รพ.ทบทวนรายการครุภัณฑ์ รายงานผลในวันที่ 13 ต.ค.52
วานนี้(9 ต.ค.)นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการชมรมแพทย์ชนบท ถึงปัญหาการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 หรือ SP2 มีมติว่า ขอเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณุสข และ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แสดงสปิริตโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส รวมถึงการทบทวนรายการครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างในโครงการให้เข้มแข็ง เพราะขณะนี้กลไกในการตรวจสอบเหมือนกลไกเดิมในการทุจริตยา ซึ่งมีการใช้ผู้ตรวจเป็นผู้ดำเนินการตกลงกับพื้นที่ และสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่เพื่อควบคุม และตรวจสอบ แต่กลับพบว่า มีลักษณะของการเข้าไปขอร้องให้โรงพยาบาลไม่ยกเลิกรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหา และให้ยืนยันตามเดิม เพื่อจะสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น
จี้“วิทยา-มานิต”พ้นเก้าอี้
“การลาออกจะถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรับผิดชอบทางการเมือง อย่างน้อยจะทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใสมากขึ้น หากนายวิทยา และ นายมานิต ไม่ลาออก ก็อยากให้สังคมออกมากดดัน เพราะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องดูแลไม่ใช่แต่เพียงแพทย์ชนบทเท่านั้น”นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า การให้ข้อมูลของนายวิทยาต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ครบถ้วนเพราะมีการระบุว่ายังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อน เมื่อได้รับงบประมาณจึงทำสัญญา ดังนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งจึงดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวง มีผู้รับเหมาและเตรียมที่จะจัดซื้อแล้ว ดังนั้น จึงเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ
ปูด“หมอแขก”สั่งยัดไส้ยูวีแฟน
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผอ.สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) ได้ยอมรับกับคณะกรรมการฯ ว่า มีผู้สั่งให้นำรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหาคือ เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ไว้ในรายการจัดซื้อ คือ “หมอแขก” ซึ่งอาจทำให้ นพ.เสรี หงษ์หยก ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่สามารถชี้ตัวผู้สั่งการดังกล่าวได้ เนื่องจาก นพ.เสรี อยู่ในบัญชีที่มีส่วนได้เสียที่จะได้รับการโยกย้ายข้าราชการระดับซี 10 ที่จะมีการนำเสนอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า หากคณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ ก็เหมือนมวยล้มต้มคนดู
ทั้งนี้ ยังมีคณะกรรมการตรวจสอบบางคนที่มีความอึดอัดใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องการถอนตัวจากคณะกรรมการฯ หากไม่มีการชี้ตัว เพราะจะกลายเป็นยางประทับการตรวจสอบให้กับคนกระทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบ จึงควรมีการหาบุคคลภายนอกเข้ามาดำเนินการตรวจสอบแทน
ด้านแหล่งข่าวจากโรงพยาบาลในจังหวัดหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งในส่วนของครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างมีการเปิดซองผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว หากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้มา ก็สามารถที่จะทำสัญญาได้ทันที โดยเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ ซึ่งเปิดทางให้เกิดการทุจริตได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อกระทรวงสั่งให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่มีใครทราบ ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
“นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่พบว่าในจังหวัดได้ขอให้มีการสร้างบ้านพักแพทย์ระดับ 8 แต่กลับจัดบ้านพักแพทย์ระดับ 9 มาให้ 2 หลัง ทำให้ราคาที่ต้องใช้แตกต่างกันทั้งที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครุภัณฑ์และสิ่งปลูกสร้างที่ขอไป มักจะได้รับอย่างอื่นเพิ่มมาด้วยในภายหลัง”
สั่งทุก รพ.ทบทวนรายการครุภัณฑ์
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการ สธ.ทุกเขต เรียกประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หัวหน้าสถานีอนามัยที่มีคำขอรายการลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อทบทวนความเหมาะสมรายการ ราคา ความจำเป็น จำนวน และสถานที่จะใช้ ให้สรุปผลเสนอปลัด สธ.ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2552 และขอย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายเงินงบประมาณแต่อย่างใด สำหรับการก่อสร้างอาคาร รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา จากการตรวจสอบแล้วไม่ใช่การล็อกสเปก เนื่องจาก รพ.มหาราชมีน้ำท่วมเป็นประจำ ผอ.รพ.จึงได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับจ้างก่อสร้าง ที่มีผลงานเคยรับจ้างแล้วไม่มีการรั่วซึมของน้ำ ขณะนี้ได้ให้จังหวัดเสนอข้อเท็จจริงเรื่องนี้แก่สังคมแล้ว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง หากมีประเด็นใดที่ยังไม่กระจ่าง และไม่สบายใจ สธ.จะขอให้ สตง.มาร่วมตรวจสอบด้วย
กมธ.สธ.วุฒิตั้งอนุฯ สอบงบไทยเข้มแข็ง
วันเดียวกันที่ รร.สีมาธานี จ.นครราชสีมา นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.รพ.ชุมชน สาธารณสุขอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง
ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า จากข้อสงสัยที่อาจมีการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ สธ. โครงการไทยเข้มแข็ง ได้เสนอวาระเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการติดตามงบประมาณไทยเข้มแข็งด้านสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณดังกล่าวของรัฐบาล เพราะจากการติดตามเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะมีปัญหาในการใช้งบดังกล่าว
วานนี้(9 ต.ค.)นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการชมรมแพทย์ชนบท ถึงปัญหาการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 หรือ SP2 มีมติว่า ขอเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณุสข และ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แสดงสปิริตโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส รวมถึงการทบทวนรายการครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างในโครงการให้เข้มแข็ง เพราะขณะนี้กลไกในการตรวจสอบเหมือนกลไกเดิมในการทุจริตยา ซึ่งมีการใช้ผู้ตรวจเป็นผู้ดำเนินการตกลงกับพื้นที่ และสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่เพื่อควบคุม และตรวจสอบ แต่กลับพบว่า มีลักษณะของการเข้าไปขอร้องให้โรงพยาบาลไม่ยกเลิกรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหา และให้ยืนยันตามเดิม เพื่อจะสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น
จี้“วิทยา-มานิต”พ้นเก้าอี้
“การลาออกจะถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรับผิดชอบทางการเมือง อย่างน้อยจะทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใสมากขึ้น หากนายวิทยา และ นายมานิต ไม่ลาออก ก็อยากให้สังคมออกมากดดัน เพราะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องดูแลไม่ใช่แต่เพียงแพทย์ชนบทเท่านั้น”นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า การให้ข้อมูลของนายวิทยาต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ครบถ้วนเพราะมีการระบุว่ายังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อน เมื่อได้รับงบประมาณจึงทำสัญญา ดังนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งจึงดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวง มีผู้รับเหมาและเตรียมที่จะจัดซื้อแล้ว ดังนั้น จึงเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ
ปูด“หมอแขก”สั่งยัดไส้ยูวีแฟน
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผอ.สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) ได้ยอมรับกับคณะกรรมการฯ ว่า มีผู้สั่งให้นำรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหาคือ เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ไว้ในรายการจัดซื้อ คือ “หมอแขก” ซึ่งอาจทำให้ นพ.เสรี หงษ์หยก ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่สามารถชี้ตัวผู้สั่งการดังกล่าวได้ เนื่องจาก นพ.เสรี อยู่ในบัญชีที่มีส่วนได้เสียที่จะได้รับการโยกย้ายข้าราชการระดับซี 10 ที่จะมีการนำเสนอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า หากคณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ ก็เหมือนมวยล้มต้มคนดู
ทั้งนี้ ยังมีคณะกรรมการตรวจสอบบางคนที่มีความอึดอัดใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องการถอนตัวจากคณะกรรมการฯ หากไม่มีการชี้ตัว เพราะจะกลายเป็นยางประทับการตรวจสอบให้กับคนกระทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบ จึงควรมีการหาบุคคลภายนอกเข้ามาดำเนินการตรวจสอบแทน
ด้านแหล่งข่าวจากโรงพยาบาลในจังหวัดหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งในส่วนของครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างมีการเปิดซองผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว หากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้มา ก็สามารถที่จะทำสัญญาได้ทันที โดยเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ ซึ่งเปิดทางให้เกิดการทุจริตได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อกระทรวงสั่งให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่มีใครทราบ ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
“นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่พบว่าในจังหวัดได้ขอให้มีการสร้างบ้านพักแพทย์ระดับ 8 แต่กลับจัดบ้านพักแพทย์ระดับ 9 มาให้ 2 หลัง ทำให้ราคาที่ต้องใช้แตกต่างกันทั้งที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครุภัณฑ์และสิ่งปลูกสร้างที่ขอไป มักจะได้รับอย่างอื่นเพิ่มมาด้วยในภายหลัง”
สั่งทุก รพ.ทบทวนรายการครุภัณฑ์
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการ สธ.ทุกเขต เรียกประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หัวหน้าสถานีอนามัยที่มีคำขอรายการลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อทบทวนความเหมาะสมรายการ ราคา ความจำเป็น จำนวน และสถานที่จะใช้ ให้สรุปผลเสนอปลัด สธ.ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2552 และขอย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายเงินงบประมาณแต่อย่างใด สำหรับการก่อสร้างอาคาร รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา จากการตรวจสอบแล้วไม่ใช่การล็อกสเปก เนื่องจาก รพ.มหาราชมีน้ำท่วมเป็นประจำ ผอ.รพ.จึงได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับจ้างก่อสร้าง ที่มีผลงานเคยรับจ้างแล้วไม่มีการรั่วซึมของน้ำ ขณะนี้ได้ให้จังหวัดเสนอข้อเท็จจริงเรื่องนี้แก่สังคมแล้ว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง หากมีประเด็นใดที่ยังไม่กระจ่าง และไม่สบายใจ สธ.จะขอให้ สตง.มาร่วมตรวจสอบด้วย
กมธ.สธ.วุฒิตั้งอนุฯ สอบงบไทยเข้มแข็ง
วันเดียวกันที่ รร.สีมาธานี จ.นครราชสีมา นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.รพ.ชุมชน สาธารณสุขอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง
ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า จากข้อสงสัยที่อาจมีการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ สธ. โครงการไทยเข้มแข็ง ได้เสนอวาระเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการติดตามงบประมาณไทยเข้มแข็งด้านสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณดังกล่าวของรัฐบาล เพราะจากการติดตามเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะมีปัญหาในการใช้งบดังกล่าว