ผมเป็นคนหนึ่งที่เขียนบนพื้นที่นี้ ไม่เห็นด้วยหากว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะก้าวออกจากฐานะสื่อมวลชน ไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
มีคนเห็นด้วยกับผมอยู่บ้าง หลายคนชื่นชมผมว่า มีความกล้าหาญที่กล้าท้วงติงนายตัวเอง แต่แท้จริงแล้วผมสารภาพเลยว่า ผมไม่ได้กล้าหาญอะไร แต่นี่เป็นวัฒนธรรมของคุณสนธิ ของคนที่นี่ ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้แสดงความเห็นต่างๆ ออกมา
นี่คือ วิญญาณของนักประชาธิปไตย
เพียงแต่ครั้งนั้นต่างกับครั้งอื่นๆ ตรงที่ผมแสดงความเห็นเรื่องคุณสนธิบนพื้นที่สาธารณะ เพราะนั่นเป็นประเด็นสาธารณะ และอยากแลกเปลี่ยนความเห็นนี้ต่อพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก้าวข้ามบทบาทของพี่กับน้อง เจ้านายกับผู้ใต้บังคับบัญชา
แม้ว่า หลายคนจะแสดงความเห็นโต้แย้งกันออกมาทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ผมต้องยอมรับในเวลาต่อมาว่า ความคิดของผมนั้น ไม่อาจต้านทานมติของมหาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้
ใช่ครับ คนส่วนใหญ่เห็นว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เหมาะที่จะก้าวขึ้นมานำทัพพรรคการเมืองใหม่เป็นคนแรก และสมาชิกของพรรคก็ได้ลงมือเลือกคุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรคตามขั้นตอนและตัวบทกฎหมายที่คุมเข้มพรรคการเมืองแล้วในการประชุมใหญ่ของพรรคที่เปิดให้สมาชิกทุกคนใช้สิทธิอย่างทัดเทียมกัน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา
คุณสนธิแม้ว่า จะไม่ต้องการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ตั้งแต่ต้น ก็ไม่อาจต้านกระแสเรียกร้องของมวลมหาชนพันธมิตรฯ ได้
วันนี้คุณสนธิ จึงต้องทิ้งบทบาทของสื่อมวลชนที่ยืนหยัดมากว่า 30 ปี ไปยืนอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
พรรคการเมืองใหม่ ที่ชื่อ พรรคการเมืองใหม่
สืบสานภารกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภากว่า 4 ปีของการก่อเกิด 193 วันของการต่อสู้ รวมทั้งสืบสานเจตนารมณ์ของวีรชน 7 ตุลา ของผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในการสร้างการเมืองใหม่ที่สะอาดดังที่พวกเขาคาดหวังและสละด้วยอวัยวะ ชีวิตและเลือดเนื้อที่ทาทับแผ่นดิน
คำทักทายแรกที่พวกเราทักทายคุณสนธิในเช้าวันรุ่งขึ้นคือ ตอนนี้ชีวิตพี่เปลี่ยนไปแล้ว
คำตอบของคุณสนธิคือ ไม่เปลี่ยน พี่เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ตำแหน่งเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน เป้าหมายย่อมไม่เปลี่ยน
แน่นอนครับคนที่อายุอานามพ้นวัยเกษียณอายุแล้ว ผ่านความเป็นความตายมาแล้ว จะไปเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างไร
แต่สิ่งที่คุณสนธิยอมรับก็คือ นับจากนี้ต้องระมัดระวังคำพูดคำจาและสุขุมมากขึ้น เพราะนั่นเท่ากับคุณสนธิเองก็ตระหนักว่า นับจากนี้ต้องพร้อมที่จะต่อสู้ในกติกาของพรรคการเมืองที่มีกฎกติกาการตรวจสอบที่เข้มข้น
และผมกลับเห็นว่า นี่เป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพราะผมคิดว่า คุณสนธิจะกลายเป็นคุณสนธิในแบบที่คนส่วนใหญ่ต้องการ คือ เป็นคนเดิมที่ไม่เปลี่ยน แต่หนักแน่น สุขุมมากขึ้น
เพราะสิ่งที่ผมกลัวก็คือ ความล้าหลังของกฎหมายบ้านเรา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การแสดงความคิดเห็นหากพาดพิงก้าวล่วงใครแล้ว หากมีการฟ้องร้อง เขาจะถือเป็นความผิดทางแพ่งไม่ใช่ความผิดทางอาญา (แม้แต่ประเทศเขมร) ผู้เสียหายก็เรียกร้องความเสียหายไปไม่เกี่ยวกับรัฐ
คนด่ากันวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ใช่ฆ่าฟันกัน ทำไมต้องติดคุก ยกเว้นว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ เช่น คดีหมิ่นประมาทองค์พระมหากษัตริย์และราชวงศ์
มีคนถามเหมือนกันว่า เอเอสทีวีจะอยู่อย่างไร ถ้าคุณสนธิต้องแยกไปเล่นบทบาทของหัวหน้าพรรคการเมือง คำตอบของผมคือ อยู่ได้ด้วยพี่น้องประชาชน ถ้าเรายังยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชน ผมก็เชื่อว่า พี่น้องจะไม่ยอมปล่อยให้เอเอสทีวีจอดำอย่างแน่นอน
แล้วอย่าลืมซื้อปุ๋ยขวัญดิน น้ำปลา ผงซักฟอก กระดาษทิชชู่ ยาสีฟัน ข้าวสาร ฯลฯ ตราเอเอสทีวีนะครับ
และต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของเอเอสทีวีก็คือ การเป็นสื่อของประชาชนเพื่อร่วมสร้างการเมืองใหม่เช่นเดียวกัน
มีคนถามผมว่า พรรคการเมืองใหม่จะกลายเป็นพรรคที่เป็นสถาบันได้หรือไม่ คำตอบของผมคือ พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีประวัติจากการลุกขึ้นสู้ของประชาชนกับนักการเมืองฉ้อฉล ถ้าพรรคการเมืองใหม่ไม่ลืมรากและอุดมคติของตัวเอง พรรคการเมืองใหม่ก็จะหยั่งรากลึกในสังคมไทย
พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคเดียวที่มีประวัติของการก่อเกิด มีประวัติการต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีประวัติศาสตร์ที่ประชาชนร่วมกันเขียนขึ้นมา
ไม่ใช่พรรคที่นายทุนหิ้วกระเป๋าเงินมาแล้วเซ้งพรรคการเมือง หรือหิ้วเงินมาตั้งพรรคแล้วกวาดต้อน ส.ส.เหมือนกวาดต้อนวัวควายเข้าคอก
มีคนถามว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะทำอย่างไร คำตอบก็คือ พรรคการเมืองใหม่เป็นลูกของพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ย่อมต้องดูแลลูกของตัวเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นคนดีของสังคม และถ้าลูกออกนอกลู่นอกทางพ่อแม่ก็ต้องติเตือนให้ลูกของตัวเองอยู่ในร่องในรอย ถ้าอบรมไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป
ถ้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปล่อยไปพรรคการเมืองใหม่ก็อยู่ไม่ได้ เอเอสทีวีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต่อสู้มากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องถามว่า เอเอสทีวีจะทำอย่างไรกับพรรคการเมืองใหม่
มีคนถามคุณสนธิว่า การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองจะยิ่งกลายเป็นเป้ามากขึ้น คุณสนธิตอบว่า กระสุน 200 นัดที่พุ่งเป้าเข้าหมายปลิดชีวิตเขานั้น และการผ่านทั้งก้อนอิฐเศษหินในวันแรกที่เขาเอาแผ่นหลังป้องไม่ให้เทียนดับนั้น นับแต่นี้เรื่องอะไรก็เป็นเรื่องเล็กน้อยไปหมดสิ้นแล้ว
ผมคิดว่า วันนี้แม้ว่าคุณสนธิจะต้องทิ้งบทบาทของสื่อไป แต่เป้าหมายของคุณสนธิก็ยังไม่เปลี่ยน คุณสนธิเพียงแต่เปลี่ยนรถคันใหม่ ที่ยังวิ่งไปสู่เป้าหมายปลายทางเดิม แต่มีผู้ร่วมเดินทางมากขึ้น รถคันใหญ่ขึ้น จากที่ต้องแบกภาระลูกน้องเพื่อนร่วมงานในแต่ละเดือน ไปแบกภาระต่อคนไทยทั้งประเทศ
การเป็นนักหนังสือพิมพ์ และการเป็นผู้นำภาคประชาชนนั้นคุณสนธิยังเดินทางไปบนรถคันเดียวกันได้ แม้นักหนังสือพิมพ์จะไม่สามารถร่วมโดยสารรถคันเดียวกับนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองกับผู้นำภาคประชาชนก็ยังสามารถเดินทางร่วมกันได้
วันก่อน สนธิ = นักหนังสือพิมพ์+ผู้นำภาคประชาชน
วันนี้ สนธิ = ผู้นำภาคประชาชน+หัวหน้าพรรคการเมือง
ถ้าจะว่าไปแล้วในอดีตนักหนังสือพิมพ์ของเราหลายคนก็กลายเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยและกระโดดเข้าสู่การเมืองในที่สุด หลายคนผ่านการติดคุกติดตาราง หลายคนเอาชีวิตเข้าแลก มีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ
ผมไม่อาจเปรียบบทบาทของคุณสนธิกับปูชนียบุคคลผู้ทรงคุณค่าในอดีตเหล่านั้น อย่างที่ทักษิณชอบเปรียบตัวเองกับอาจารย์ปรีดี เพราะคุณสนธิยังต้องผ่านการพิสูจน์ทางการเมืองอีกยาวนาน คำตอบนั้นจึงเป็นเรื่องของอนาคตและคนรุ่นต่อไป
เพราะคุณสนธิกำลังเปลี่ยนตัวเองจากบทบาทของผู้ตรวจสอบในวันก่อน ไปเป็นผู้ที่กำลังถูกคนอื่นตรวจสอบในวันนี้
surawhisky@hotmail.com
มีคนเห็นด้วยกับผมอยู่บ้าง หลายคนชื่นชมผมว่า มีความกล้าหาญที่กล้าท้วงติงนายตัวเอง แต่แท้จริงแล้วผมสารภาพเลยว่า ผมไม่ได้กล้าหาญอะไร แต่นี่เป็นวัฒนธรรมของคุณสนธิ ของคนที่นี่ ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้แสดงความเห็นต่างๆ ออกมา
นี่คือ วิญญาณของนักประชาธิปไตย
เพียงแต่ครั้งนั้นต่างกับครั้งอื่นๆ ตรงที่ผมแสดงความเห็นเรื่องคุณสนธิบนพื้นที่สาธารณะ เพราะนั่นเป็นประเด็นสาธารณะ และอยากแลกเปลี่ยนความเห็นนี้ต่อพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก้าวข้ามบทบาทของพี่กับน้อง เจ้านายกับผู้ใต้บังคับบัญชา
แม้ว่า หลายคนจะแสดงความเห็นโต้แย้งกันออกมาทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ผมต้องยอมรับในเวลาต่อมาว่า ความคิดของผมนั้น ไม่อาจต้านทานมติของมหาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้
ใช่ครับ คนส่วนใหญ่เห็นว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เหมาะที่จะก้าวขึ้นมานำทัพพรรคการเมืองใหม่เป็นคนแรก และสมาชิกของพรรคก็ได้ลงมือเลือกคุณสนธิเป็นหัวหน้าพรรคตามขั้นตอนและตัวบทกฎหมายที่คุมเข้มพรรคการเมืองแล้วในการประชุมใหญ่ของพรรคที่เปิดให้สมาชิกทุกคนใช้สิทธิอย่างทัดเทียมกัน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา
คุณสนธิแม้ว่า จะไม่ต้องการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ตั้งแต่ต้น ก็ไม่อาจต้านกระแสเรียกร้องของมวลมหาชนพันธมิตรฯ ได้
วันนี้คุณสนธิ จึงต้องทิ้งบทบาทของสื่อมวลชนที่ยืนหยัดมากว่า 30 ปี ไปยืนอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
พรรคการเมืองใหม่ ที่ชื่อ พรรคการเมืองใหม่
สืบสานภารกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภากว่า 4 ปีของการก่อเกิด 193 วันของการต่อสู้ รวมทั้งสืบสานเจตนารมณ์ของวีรชน 7 ตุลา ของผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในการสร้างการเมืองใหม่ที่สะอาดดังที่พวกเขาคาดหวังและสละด้วยอวัยวะ ชีวิตและเลือดเนื้อที่ทาทับแผ่นดิน
คำทักทายแรกที่พวกเราทักทายคุณสนธิในเช้าวันรุ่งขึ้นคือ ตอนนี้ชีวิตพี่เปลี่ยนไปแล้ว
คำตอบของคุณสนธิคือ ไม่เปลี่ยน พี่เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ตำแหน่งเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน เป้าหมายย่อมไม่เปลี่ยน
แน่นอนครับคนที่อายุอานามพ้นวัยเกษียณอายุแล้ว ผ่านความเป็นความตายมาแล้ว จะไปเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างไร
แต่สิ่งที่คุณสนธิยอมรับก็คือ นับจากนี้ต้องระมัดระวังคำพูดคำจาและสุขุมมากขึ้น เพราะนั่นเท่ากับคุณสนธิเองก็ตระหนักว่า นับจากนี้ต้องพร้อมที่จะต่อสู้ในกติกาของพรรคการเมืองที่มีกฎกติกาการตรวจสอบที่เข้มข้น
และผมกลับเห็นว่า นี่เป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพราะผมคิดว่า คุณสนธิจะกลายเป็นคุณสนธิในแบบที่คนส่วนใหญ่ต้องการ คือ เป็นคนเดิมที่ไม่เปลี่ยน แต่หนักแน่น สุขุมมากขึ้น
เพราะสิ่งที่ผมกลัวก็คือ ความล้าหลังของกฎหมายบ้านเรา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การแสดงความคิดเห็นหากพาดพิงก้าวล่วงใครแล้ว หากมีการฟ้องร้อง เขาจะถือเป็นความผิดทางแพ่งไม่ใช่ความผิดทางอาญา (แม้แต่ประเทศเขมร) ผู้เสียหายก็เรียกร้องความเสียหายไปไม่เกี่ยวกับรัฐ
คนด่ากันวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ใช่ฆ่าฟันกัน ทำไมต้องติดคุก ยกเว้นว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ เช่น คดีหมิ่นประมาทองค์พระมหากษัตริย์และราชวงศ์
มีคนถามเหมือนกันว่า เอเอสทีวีจะอยู่อย่างไร ถ้าคุณสนธิต้องแยกไปเล่นบทบาทของหัวหน้าพรรคการเมือง คำตอบของผมคือ อยู่ได้ด้วยพี่น้องประชาชน ถ้าเรายังยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชน ผมก็เชื่อว่า พี่น้องจะไม่ยอมปล่อยให้เอเอสทีวีจอดำอย่างแน่นอน
แล้วอย่าลืมซื้อปุ๋ยขวัญดิน น้ำปลา ผงซักฟอก กระดาษทิชชู่ ยาสีฟัน ข้าวสาร ฯลฯ ตราเอเอสทีวีนะครับ
และต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของเอเอสทีวีก็คือ การเป็นสื่อของประชาชนเพื่อร่วมสร้างการเมืองใหม่เช่นเดียวกัน
มีคนถามผมว่า พรรคการเมืองใหม่จะกลายเป็นพรรคที่เป็นสถาบันได้หรือไม่ คำตอบของผมคือ พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีประวัติจากการลุกขึ้นสู้ของประชาชนกับนักการเมืองฉ้อฉล ถ้าพรรคการเมืองใหม่ไม่ลืมรากและอุดมคติของตัวเอง พรรคการเมืองใหม่ก็จะหยั่งรากลึกในสังคมไทย
พรรคการเมืองใหม่เป็นพรรคเดียวที่มีประวัติของการก่อเกิด มีประวัติการต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีประวัติศาสตร์ที่ประชาชนร่วมกันเขียนขึ้นมา
ไม่ใช่พรรคที่นายทุนหิ้วกระเป๋าเงินมาแล้วเซ้งพรรคการเมือง หรือหิ้วเงินมาตั้งพรรคแล้วกวาดต้อน ส.ส.เหมือนกวาดต้อนวัวควายเข้าคอก
มีคนถามว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะทำอย่างไร คำตอบก็คือ พรรคการเมืองใหม่เป็นลูกของพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ย่อมต้องดูแลลูกของตัวเองให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นคนดีของสังคม และถ้าลูกออกนอกลู่นอกทางพ่อแม่ก็ต้องติเตือนให้ลูกของตัวเองอยู่ในร่องในรอย ถ้าอบรมไม่ได้ก็ต้องปล่อยไป
ถ้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปล่อยไปพรรคการเมืองใหม่ก็อยู่ไม่ได้ เอเอสทีวีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต่อสู้มากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องถามว่า เอเอสทีวีจะทำอย่างไรกับพรรคการเมืองใหม่
มีคนถามคุณสนธิว่า การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองจะยิ่งกลายเป็นเป้ามากขึ้น คุณสนธิตอบว่า กระสุน 200 นัดที่พุ่งเป้าเข้าหมายปลิดชีวิตเขานั้น และการผ่านทั้งก้อนอิฐเศษหินในวันแรกที่เขาเอาแผ่นหลังป้องไม่ให้เทียนดับนั้น นับแต่นี้เรื่องอะไรก็เป็นเรื่องเล็กน้อยไปหมดสิ้นแล้ว
ผมคิดว่า วันนี้แม้ว่าคุณสนธิจะต้องทิ้งบทบาทของสื่อไป แต่เป้าหมายของคุณสนธิก็ยังไม่เปลี่ยน คุณสนธิเพียงแต่เปลี่ยนรถคันใหม่ ที่ยังวิ่งไปสู่เป้าหมายปลายทางเดิม แต่มีผู้ร่วมเดินทางมากขึ้น รถคันใหญ่ขึ้น จากที่ต้องแบกภาระลูกน้องเพื่อนร่วมงานในแต่ละเดือน ไปแบกภาระต่อคนไทยทั้งประเทศ
การเป็นนักหนังสือพิมพ์ และการเป็นผู้นำภาคประชาชนนั้นคุณสนธิยังเดินทางไปบนรถคันเดียวกันได้ แม้นักหนังสือพิมพ์จะไม่สามารถร่วมโดยสารรถคันเดียวกับนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองกับผู้นำภาคประชาชนก็ยังสามารถเดินทางร่วมกันได้
วันก่อน สนธิ = นักหนังสือพิมพ์+ผู้นำภาคประชาชน
วันนี้ สนธิ = ผู้นำภาคประชาชน+หัวหน้าพรรคการเมือง
ถ้าจะว่าไปแล้วในอดีตนักหนังสือพิมพ์ของเราหลายคนก็กลายเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยและกระโดดเข้าสู่การเมืองในที่สุด หลายคนผ่านการติดคุกติดตาราง หลายคนเอาชีวิตเข้าแลก มีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ
ผมไม่อาจเปรียบบทบาทของคุณสนธิกับปูชนียบุคคลผู้ทรงคุณค่าในอดีตเหล่านั้น อย่างที่ทักษิณชอบเปรียบตัวเองกับอาจารย์ปรีดี เพราะคุณสนธิยังต้องผ่านการพิสูจน์ทางการเมืองอีกยาวนาน คำตอบนั้นจึงเป็นเรื่องของอนาคตและคนรุ่นต่อไป
เพราะคุณสนธิกำลังเปลี่ยนตัวเองจากบทบาทของผู้ตรวจสอบในวันก่อน ไปเป็นผู้ที่กำลังถูกคนอื่นตรวจสอบในวันนี้
surawhisky@hotmail.com