ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไพจิตร์” สั่งชะลอจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อยูวี-เครื่องช่วยหายใจในโครงการไทยเข็มแข็ง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเดินหน้าต่อ พร้อมลงนามตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ปลอดฝ่ายการเมืองแทรก ด้าน “แม่เลี้ยงติ๊ก”ปฏิเสธเกี่ยวข้อง ประกาศเอาศักดิ์ศรีเป็นประกัน
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) ร่างหนังสือส่งถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องช่วยหายใจ ราคา 1.2-1.3 ล้านบาทต่อเครื่อง และเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ราคาต่อเครื่อง 4 หมื่นบาทในโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2
หรือเอสพี 2ในส่วนของสธ. โดยชะลอไปจนกว่าได้ข้อมูลที่เหมาะสมจากการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็นประธานก่อน
“ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดในการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการเอสพี 2 โดยชุดแรกเป็นชุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรีเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบความจำเป็นสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ ชุด 2 เป็นคณะกรรมการชุดที่พิจารณาประเมินผลภาพรวมของโครงการที่มีรองปลัดสธ.เป็นประธาน ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการทั้ง 2ชุด
ปลอดจากฝ่ายการเมือง”
นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามงบประมาณในโครงการเอสพี 2 ยังไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา เรื่องจึงกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน โดยในส่วนของสธ. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงครุภัณฑ์จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลว่าครุภัณฑ์ 2 รายการดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อให้ทันงบประมาณที่จัดสรรมา
“ทั้งนี้คงไม่สามารถดำเนินการพิจารณาทบทวนหรือชะลอการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั้งหมดของโครงการเอสพี 2 ได้ เนื่องจากได้ระบุรายละเอียดที่จัดซื้อในการทำเรื่องของบประมาณกับสำนักงบประมาณไปแล้ว ส่วนเรื่องที่มีกระแสความเห็นว่าโรงพยาบาลศูนย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบความจำเป็นได้ เพราะก็มีความจำเป็นทั้งนั้น
อีกทั้งไม่รู้ว่าจะทะเลาะกันไปทำไม ทั้งนี้ที่แพทย์ชนบทวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ก็ได้เป็นกรรมการในการประเมินผลภาพรวมโครงการ ก็เสนอความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ในวงประชุมได้”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
**”วิทยา”เผยยังไม่รู้เรื่อง
รพ.ใช้งบสำรองซื้อเครื่องยูวี
พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง สธ. ว่า สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ. ได้ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการฯ อีกรวม 4 ชุด เพื่อมาตรวจสอบและกำกับการดำเนินการจัดซื้อภายใต้โครงการดังกล่าวอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด
ซึ่งได้ทำหนังสือบันทึกข้อความส่งให้นายวิทยารับทราบตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่มีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งแต่อย่างใด
สำหรับคณะกรรมการที่เสนอให้แต่งตั้งนั้น ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน รองประธาน และกรรมการ เป็นผู้บริการระดับสูงของสธ. ทั้งสิ้น อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัด รองปลัด อธิบดีกรมต่างๆ ผู้ตรวจราชการ เป็นต้น รวมทั้งสิ้น 21 คน
ส่วนคณะอนุกรรมการมีอีก 3 ชุด คือ 1.คณะอนุกรรมการกำกับติดตามผลการดำเนินงาน มีหน้าที่ติดตามปัญหาอุปสรรค์และแก้ปัญหา พร้อมติดตามความก้าวหน้าการเบิกจ่ายเงินลงทุน 2.คณะอนุกรรมการเร่งรัดจัดทำแบบแปลนก่อสร้าง มีหน้าที่จัดทำแบบแปลนงานก่อสร้างโรงพยาบาลต่างๆ และ3.คณะอนุกรรมการเร่งรัดการจัดทำคุณลักษณะของครุภัณฑ์การแพทย์ มีหน้าที่ให้คำปรึกษา
และแก้ปัญหาในการจัดทำสเปกของครุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยคณะอนุกรรมการฯ ทุกชุด มีรองปลัด สธ. ด้านต่างๆ เป็นประธาน และมีกรรมการเป็นผู้อำนวยการต่างๆ ในส่วนสำนักปลัด สธ. และมีนพ.สุชาติ เลาหบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) เป็นอนุกรรมการและเลขานุการของคณะอนุกรรมการทุกชุด
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) หรือเอสพี 2 ที่พญ.ศิริพรเสนอแล้ว แต่ส่วนตัวเห็นว่าจะต้องเชิญผู้แทนจากโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและแพทย์ชนบทเข้าร่วมด้วย
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่เชิงรุกเหมือนหน่วยทะลวงฟันที่เข้าสืบเสาะข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามที่มีการร้องเรียนได้อย่างรวดเร็วไม่อืดอาดชักช้า ส่วนคณะกรรมการตามตำแหน่งก็จะตั้งแล้วให้ทำหน้าที่ตามบทบาทไป
เมื่อถามว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลบางแห่งใช้งบฯบำรุงของโรงพยาบาลสำรองจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลตหรือยูวี แฟนไปก่อนที่จะได้รับการจัดสรรงบฯไทยเข้มแข็ง จะดำเนินการอย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดดำเนินการเช่นนี้
และอยากถามว่าดำเนินการจัดซื้อหรือทำสัญญาซื้อไปก่อนแล้วหากสธ.ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้จะทำเช่นไร
**”แม่เลี้ยงติ๊ก”ยันไม่รู้เรื่อง
นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าวแพร่สะพัดว่าหญิงชื่อ ต. ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแบ่งผลประโยชน์ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของโครงการไทยเข้มแข็งของซึ่งเป็นการเชื่อมโยงมายังคนใกล้ชิด รมว.สธ.ว่า ตนยังไม่ได้เห็นข่าว แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ด้วยศักดิ์ศรีไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) ร่างหนังสือส่งถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องช่วยหายใจ ราคา 1.2-1.3 ล้านบาทต่อเครื่อง และเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ราคาต่อเครื่อง 4 หมื่นบาทในโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2
หรือเอสพี 2ในส่วนของสธ. โดยชะลอไปจนกว่าได้ข้อมูลที่เหมาะสมจากการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็นประธานก่อน
“ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดในการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการเอสพี 2 โดยชุดแรกเป็นชุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรีเป็นประธาน เพื่อตรวจสอบความจำเป็นสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ ชุด 2 เป็นคณะกรรมการชุดที่พิจารณาประเมินผลภาพรวมของโครงการที่มีรองปลัดสธ.เป็นประธาน ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการทั้ง 2ชุด
ปลอดจากฝ่ายการเมือง”
นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามงบประมาณในโครงการเอสพี 2 ยังไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา เรื่องจึงกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน โดยในส่วนของสธ. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงครุภัณฑ์จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลว่าครุภัณฑ์ 2 รายการดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อให้ทันงบประมาณที่จัดสรรมา
“ทั้งนี้คงไม่สามารถดำเนินการพิจารณาทบทวนหรือชะลอการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั้งหมดของโครงการเอสพี 2 ได้ เนื่องจากได้ระบุรายละเอียดที่จัดซื้อในการทำเรื่องของบประมาณกับสำนักงบประมาณไปแล้ว ส่วนเรื่องที่มีกระแสความเห็นว่าโรงพยาบาลศูนย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบความจำเป็นได้ เพราะก็มีความจำเป็นทั้งนั้น
อีกทั้งไม่รู้ว่าจะทะเลาะกันไปทำไม ทั้งนี้ที่แพทย์ชนบทวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ก็ได้เป็นกรรมการในการประเมินผลภาพรวมโครงการ ก็เสนอความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ในวงประชุมได้”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
**”วิทยา”เผยยังไม่รู้เรื่อง
รพ.ใช้งบสำรองซื้อเครื่องยูวี
พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง สธ. ว่า สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ. ได้ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการฯ อีกรวม 4 ชุด เพื่อมาตรวจสอบและกำกับการดำเนินการจัดซื้อภายใต้โครงการดังกล่าวอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด
ซึ่งได้ทำหนังสือบันทึกข้อความส่งให้นายวิทยารับทราบตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่มีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งแต่อย่างใด
สำหรับคณะกรรมการที่เสนอให้แต่งตั้งนั้น ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน รองประธาน และกรรมการ เป็นผู้บริการระดับสูงของสธ. ทั้งสิ้น อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัด รองปลัด อธิบดีกรมต่างๆ ผู้ตรวจราชการ เป็นต้น รวมทั้งสิ้น 21 คน
ส่วนคณะอนุกรรมการมีอีก 3 ชุด คือ 1.คณะอนุกรรมการกำกับติดตามผลการดำเนินงาน มีหน้าที่ติดตามปัญหาอุปสรรค์และแก้ปัญหา พร้อมติดตามความก้าวหน้าการเบิกจ่ายเงินลงทุน 2.คณะอนุกรรมการเร่งรัดจัดทำแบบแปลนก่อสร้าง มีหน้าที่จัดทำแบบแปลนงานก่อสร้างโรงพยาบาลต่างๆ และ3.คณะอนุกรรมการเร่งรัดการจัดทำคุณลักษณะของครุภัณฑ์การแพทย์ มีหน้าที่ให้คำปรึกษา
และแก้ปัญหาในการจัดทำสเปกของครุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยคณะอนุกรรมการฯ ทุกชุด มีรองปลัด สธ. ด้านต่างๆ เป็นประธาน และมีกรรมการเป็นผู้อำนวยการต่างๆ ในส่วนสำนักปลัด สธ. และมีนพ.สุชาติ เลาหบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) เป็นอนุกรรมการและเลขานุการของคณะอนุกรรมการทุกชุด
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) หรือเอสพี 2 ที่พญ.ศิริพรเสนอแล้ว แต่ส่วนตัวเห็นว่าจะต้องเชิญผู้แทนจากโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและแพทย์ชนบทเข้าร่วมด้วย
โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่เชิงรุกเหมือนหน่วยทะลวงฟันที่เข้าสืบเสาะข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามที่มีการร้องเรียนได้อย่างรวดเร็วไม่อืดอาดชักช้า ส่วนคณะกรรมการตามตำแหน่งก็จะตั้งแล้วให้ทำหน้าที่ตามบทบาทไป
เมื่อถามว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลบางแห่งใช้งบฯบำรุงของโรงพยาบาลสำรองจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลตหรือยูวี แฟนไปก่อนที่จะได้รับการจัดสรรงบฯไทยเข้มแข็ง จะดำเนินการอย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดดำเนินการเช่นนี้
และอยากถามว่าดำเนินการจัดซื้อหรือทำสัญญาซื้อไปก่อนแล้วหากสธ.ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้จะทำเช่นไร
**”แม่เลี้ยงติ๊ก”ยันไม่รู้เรื่อง
นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าวแพร่สะพัดว่าหญิงชื่อ ต. ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแบ่งผลประโยชน์ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของโครงการไทยเข้มแข็งของซึ่งเป็นการเชื่อมโยงมายังคนใกล้ชิด รมว.สธ.ว่า ตนยังไม่ได้เห็นข่าว แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ด้วยศักดิ์ศรีไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว