“ไพจิตร์” เตรียมสั่งชะลอ จัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อยูวี-เครื่องช่วยหายใจในโครงการไทยเข็มแข็ง ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเดินหน้าต่อ พร้อมลงนามตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ปลอดฝ่ายการเมืองแทรก
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) ร่างหนังสือส่งถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องช่วยหายใจ ราคา 1.2-1.3 ล้านบาทต่อเครื่อง และเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (uv fan) ราคาต่อเครื่อง 4 หมื่นบาทในโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2ในส่วนของ สธ.โดยชะลอไปจนกว่าได้ข้อมูลที่เหมาะสมจากการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็นประธานก่อน
“ในวันนี้ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ในการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการเอสพี 2 โดยชุดแรกเป็นชุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.เสรี เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบความจำเป็นสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และ 2 ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการชุดที่พิจารณาประเมินผลภาพรวมของโครงการที่มีรองปลัด สธ.เป็นประธาน แต่ทั้งนี้ คงต้องรอการแต่งตั้งปลัดคนใหม่ก่อน ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการทั้ง 2ชุด ปลอดจากฝ่ายการเมือง เพราะที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองก็ไม่ได้มากดดันอะไร” นพ.ไพจิตร์ กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม งบประมาณในโครงการเอสพี 2 ยังไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา เรื่องจึงกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ในส่วนของ สธ.คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงครุภัณฑ์จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลว่าครุภัณฑ์ 2 รายการดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันงบประมาณที่จัดสรรมา
“ทั้งนี้ คงไม่สามารถดำเนินการพิจารณาทบทวน หรือชะลอการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั้งหมดของโครงการเอสพี 2 ได้ เนื่องจากได้ระบุรายละเอียดที่จัดซื้อในการทำเรื่องของบประมาณกับสำนักงบประมาณไปแล้ว ส่วนเรื่องที่มีกระแสความเห็นว่า โรงพยาบาลศูนย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบความจำเป็นได้ เพราะก็มีความจำเป็นทั้งนั้น อีกทั้งไม่รู้ว่าจะทะเลาะกันไปทำไม ทั้งนี้ ที่แพทย์ชนบทวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ก็ได้เป็นกรรมการในการประเมินผลภาพรวมโครงการ ก็เสนอความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ในวงประชุมได้” นพ.ไพจิตร์ กล่าว