xs
xsm
sm
md
lg

“วิทยา” ลั่นแค่ “วิ่งเต้น” ยังไม่ถึงขั้นโกงเงินไทยเข้มแข็ง เหตุยังไม่ได้อนุมัติงบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “วิทยา” ลั่นยังไม่มีการโกงงบไทยเข้มแข็ง 8 หมื่นล. เหตุเบื้องต้นยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณ ยอมรับมีการร้องเรียนกรณีวิ่งเต้นจัดซื้อ ยูวี-แฟน ระบุสั่งสอบแล้ว หากพบไม่ชอบมาพากลยกเลิกโครงการทันที ด้าน อดีต รมช.สธ.เพื่อไทยซัดจัดซื้อครุภัณฑ์การแพทย์ไม่ชอบมาพากล ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย หวังสร้างผลงาน

วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขในการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยแสงอัลตราไวโอเลตระบบปิด หรือยูวี-แฟน (UV-FAN) ว่า ที่พบในขณะนี้คือมีการร้องเรียนมาว่ามีการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างที่ราคาน่าจะเกินจริง จากการสอบถามพบว่าเครื่อง UV-FAN มีราคาตั้งแต่หมื่นถึงแสน จึงมีการตั้งกรรมการที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ว่าที่ปลัด สธ.ทำหน้าที่ในการตรวจสอบว่าใครเป็นคนสั่งซื้อในจำนวน 800 เครื่อง ราคา 32 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาลประจำอำเภอ และเมื่อสอบเสร็จแล้วให้รายงานกลับมาที่ตนด้วย เพราะที่ผ่านมามีแพทย์หลายคนออกมากล่าวว่าไม่มีความจำเป็น จึงได้ให้ไปตรวจสอบว่า มีโรงพยาบาลไหนบ้างที่ขอมาและมีความจำเป็นหรือไม่ หรือ มีการสอดไส้โดยคนทำงบประมาณ

แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีการตรวจพบว่ามีการสอดไส้ เพราะเท่าที่ทราบรายการที่จะซื้อเครื่องมือแพทย์มีเป็นจำนวนมาก ตอนนี้มีความผิดปกติว่า มีคนร้องมาว่าเครื่องดังกล่าวมีราคาสูง จึงได้ให้ไปสอบว่ามีราคาสูงจริงและพบว่า มีการร้องเรียนว่า มีการวิ่งเต้นเพื่อจะขาย ทั้งๆ ที่งบประมาณยังไม่ไปเลย

เมื่อถามว่า ที่กล่าวว่ามีการสอดไส้นั้นสอดไส้ในเรื่องการจัดทำงบประมาณ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ไม่ใช่การสอดไส้ แต่เป็นการขอตั้งงบขึ้นมาเลย แต่ก็ให้ไปสอบดูแล้วว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องตั้งงบขึ้นมา เพราะการใช้งบประมาณต้องใช้ตามความจำเป็นไม่ใช่ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย

ส่วนที่กล่าวว่าอาจจะมีคนสนิทมาล็อกสเปกนั้น ตนยืนยันว่าไม่ว่าใครถ้าทำผิดต้องรับผิดจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยว ตนก็จะสอบหาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรถ้าเป็นเรื่องปกติก็ปกติ โรงพยาบาลจำเป็นต้องซื้อก็ต้องซื้อไม่ใช่พอมีข่าวขึ้นมาแล้วไม่สอบอะไรแล้วสั่งยกเลิก สำหรับตนแล้วไม่ได้ต้องสอบ เว้นแต่หากไม่ชอบมาพากลถึงจะสั่งยกเลิก และกับการที่ นพ.กฤษดา มนูญวงศ์ ที่ปรึกษาฯ ได้ชิงลาออกก่อนนั้น เท่าที่ตนทราบไม่ได้ชิงลาออก แต่เข้าใจว่าท่านคงไม่สบายใจ เพราะบอกตนว่า กลัวว่าเมื่อมีข่าวแล้วจะเดือดร้อนมาถึงตน

เมื่อถามว่าต่อไปจะต้องระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ในการจัดซื้อจัดจ้าง รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ต่อไปทุกอย่างต้องระมัดระวัง เพราะยึดหลักการกระจายงบประมาณไปให้ส่วนภูมิภาคใช้จ่ายกันเอง ทุกโรงพยาบาลจะได้จัดซื้อของตามความถนัดที่ต้องใช้ เพราะมีการแจ้งมาให้ตนทราบว่า แพทย์ที่จบจากแต่ละสถาบันความชำนาญในการใช้เครื่องมือแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน หากส่วนกลางซื้อไปเท่ากับบังคับให้เขาใช้ ดังนั้น ตรงนี้จะไม่ใช้ให้ส่วนกลางทำหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างและเมื่อเขาซื้อเองแล้วทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของโครงการไทยเข้มแข็ง ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขถูกจับตามองอย่างมากกับการใช้งบในโครงการไทยเข้มแข็งนั้น ตนก็อยากให้ทุกคนจับตามอง เพราะเป็นครั้งแรกที่กระทรวงได้งบประมาณมาจำนวนมาก และต้องไม่หละหลวม

“ไทยเข้มแข็ง ไม่ใช่เงินไปให้ใครที่ไหนก็ได้เข้ามาโกง ไม่ใช่ได้เงินมาเยอะแล้ว ตั้งหลักจะโกง ทำไม่ได้ มันต้องซื่อสัตย์ โครงการนี้เป็นเพียงการเขียนเสนอโครงการ เงินยังไม่มาเลย งบประมาณเองก็ยังไม่ผ่าน ตรงนี้ยังไม่มีการโกง แต่เราคาดว่า กลัวว่าจะมีขึ้นมาเท่านั้น การตั้งกรรมการสอบก็จะสอบไล่ไปจนถึงทุกตำบล เพราะเงินที่กระจายไปนั้นลงไปถึงทุกสถานีอนามัย และถ้าจะโกงก็โกงได้ตั้งแต่สถานีอนามัยขึ้นมา” นายวิทยา กล่าว

เมื่อถามว่า กลุ่มบุคคลที่คิดว่าจะไปตั้งราคาสมยอมกับราคากลางพอจะทราบหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า พ่อค้า เมื่อรู้ว่ามีงบประมาณจากโครงการนี้โครงการนั้นก็วิ่งกันทั่ว ใครที่อยากได้งบประมาณก็วิ่งกัน แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่คนจัดซื้อ ซึ่งทุกโรงพยาบาล ผอ.โรงพยาบาลก็ได้ขอร้องไปแล้ว สาธารณสุขจังหวัดเองก็ต้องลงไปตรวจสอบให้การจัดซื้อนั้นเหมาะสมกับราคา

เพื่อไทยได้ทีโดดขย้ำซ้ำ

เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (29 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.สาธารณสุข แถลงว่า กรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลที่มีแพทย์ออกมาระบุถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อ เรื่องนี้ตนเคยเตือนในสภาในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 วาระสองและสาม ให้ระวังการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เพราะกระทรวงได้งบ 8.6 หมื่นล้าน ถือว่า เป็นก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งร้อยละ 30 เป็นในส่วนการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์

ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา มีการอ้างว่า นำไปให้โรงพยาบาลในโครงการส่งเสริมสุขภาพตำบล 1.2 หมื่นล้าน ซึ่งแพทย์และศูนย์สุขภาพตำบล อยากได้งบ แต่ปรากฏว่า มีการไปยัดเยียดอุปกรณ์ให้โดยไม่ตรงกับความต้องการ ซึ่ง รมว.สาธารณสุข ก็ออกมายอมรับว่า 10 รายการที่จะจัดซื้อให้นั้นต้องมาตรวจสอบ เช่น เครื่องอัลตราซาวนด์ หรือเครื่องตรวจหัวใจ ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะอ่าน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ประโยชน์ในการจัดซื้อ เหมือนทิ้งเครื่องไว้เฉยๆ

“ตอนนี้พบว่าการจัดซื้อครุภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขสุรุ่ยสุร่าย ไม่ตรงวัตถุประสงค์ มีความไม่ชอบมาพากล กระทรวงจัดเครื่องมือนั้นๆ ให้ในแบบที่ไม่ตรงตามความต้องการ เป็นการบังคับ ทำให้ไม่เกิดผลงาน กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องทบทวนแก้ไขโดยด่วน แพทย์ออกมาเตือนแล้วเนื่องจากกลัวจะบานปลายเหมือนกรณีซื้อยาที่มีอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยโดนศาลตัดสินให้จำคุกไปแล้ว และยิ่งงบที่ใช้ทำโครงการมาจากเงินกู้ ฉะนั้น อย่านำเงินมาสนองตัณหาตัวเอง แต่ต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายวิชาญกล่าว และว่ากรณีนี้ ยังไม่รวมถึงอีกร้อยละ 60 ของงบก้อนนี้ ที่เป็นค่าก่อสร้าง ซึ่งการประกวดราคาบางกรณี ไม่ประกาศลงเว็บไซต์ พวกโครงการตามต่างจังหวัด ซึ่งพบว่ามีการตั้งราคาสูงกว่าราคาจริง เช่น ราคาจริง 6 ล้าน ก็ตั้งไปถึงกว่า 9 ล้าน สื่อว่ามีการฮั้วกับผู้รับเหมาหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น