รมต.สำนักฯ เตือนสติไข่แม้วยื่นศาล รธน.ค้านร่างงบรายจ่าย วอนประเทศเสียหาย สวนกลับการบริหารของ “แม้ว” คือ ต้นเหตุปฏิวัติรัฐประหาร เชื่อส่งสัญญาณยั่วยุป่วนเมือง ไม่เห็นด้วยเปลี่ยนชื่อ “ภูมิซรอล” เผยมีความเป็นไปได้จัดเวลา “กษิต” ดีเบต “วีระ” ผ่านจอทีวี
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้ นายสุรพงษ์ เคยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งแรกยื่นไปใน 3 ประเด็นศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่นายสุรพงษ์ได้ยื่นไปใหม่ซึ่งมีผกระทบต่อการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 คือ รัฐบาลไม่สามารถที่จะประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 ได้ทัน ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาที่ยังเบิกจ่ายไม่ทันก็จำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณปี 2552 ไปก่อน แต่ก็มีข้อจำกัดเยอะมาก เช่น โครงการใหม่ไม่สามารถจ่ายเงินได้ และถ้าเป็นโครงการอื่นก็ต้องดูตามแผนงานที่มีไว้แล้วในปี 2552 ซึ่งถ้าตรงกันจึงจะสามารถเบิกจ่ายได้ แต่ก็ใช้จ่ายได้ในจำนวนจำกัดตามที่กฎหมายระบุไว้ ดังนั้นควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศด้วย เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยช้าออกไป การใช้จ่ายเงินงบประมาณ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ก็จะมีผลกระทบมากด้วย
“รัฐบาลเคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศด้วย เพราะยื่นไป 2 ครั้งแล้ว ซึ่งการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (23 ก.ย.) ก็มีวาระแจ้งเพื่อทราบในเรื่องนี้ ก็อาจจะมี ส.ส.ลุกขึ้นซักถามเรื่องดังกล่าวด้วย” นายสาทิตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะรับมือฝ่ายค้านอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ประเด็นอยู่ที่การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เพราะสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านนั้นเราคำนึงถึงประเทศชาติ ไม่ได้เล่นเกมการเมืองอย่างเดียว ตนดูแล้วว่าเกมการเมืองคงแรงขึ้นและต้องเตรียมรับมือกันอีกมาก ดูได้จากการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงก์เมื่อวานนี้ ตรงนี้ชัดเจนมาก และเป็นการพูดที่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ความจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไม่ลืมว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการทุจริตฉ้อฉล ในยุคนั้นคือต้นเหตุของการปฏิวัติรัฐประหาร นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยได้ประโยชน์ จากการปฏิวัติมาแล้วในยุครสช. เพียงแต่วันนี้ปฏิวัติเอาพ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากตำแหน่งเลยไปต่อต้านเขา ทำไมยุค รสช.จึงไม่เคยต่อต้าน
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า เกมการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางไว้ เมื่อวานนี้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยรวมกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง น่าจะมีความรุนแรงขึ้น แม้ว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับจะวิเคราะห์ว่า ในทางลึกเป็นการส่งสัญญาณ เพื่อต้องการเจรจากับรัฐบาล แต่ตนบอกได้เลยว่ายังไม่มีการส่งสัญญาณ เรื่องการเจรจาใดๆ มาเลยจาก พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพูดอีกว่า ถ้าอยู่ต่อก็จะหยุดเล่นการเมืองนั้น ความจริงถ้าจะหยุดเล่นการเมืองหยุดตอนนี้ได้ก็ดี เรื่องก็จะได้จบ ทั้งนี้รัฐบาลมีหน้าที่ 2 อย่างคือ ทำงานตามโครงการของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีกลับจากอเมริกาครั้งนี้ เราคงจะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศอีกมาก เพราะอเมริกาเป็นศูนย์กลางของนักลงทุน ส่วนปัญหาการเมืองในประเทศเราต้องจำกัดวงไม่ให้ความขัดแย้งของการเมืองภายในประเทศกระทบการทำงาน การฟื้นตัว และความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลคงต้องอดทนกันมากขึ้น และในเรื่องการชี้แจงโดยใช้สื่อสารต่างๆนั้นก็คงต้องทำหนักขึ้น และต้องใช้สื่อให้ตรงเป้าหมายให้มากขึ้น
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม 40 ส.ว.เสนอให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านภูมิซรอล ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหว ชื่อของหมู่บ้านต่างๆ มีที่มาที่ไป การเปลี่ยนต้องได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน เพราะต้องเคารพคนในท้องถิ่น ดังนั้นคงเป็นเพียงแนวคิด จะเปลี่ยนได้หรือไม่นั้น ต้องฟังชาวบ้านด้วย โดยหลักแล้วไม่มีกฎหมายเขียนเอาไว้ เรื่องการเปลี่ยนชื่อสถานที่ต่างๆ ยกเว้นเปลี่นชื่ออำเภอหรือจังหวัด ชื่อหมู่บ้านยังไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ โดยปกติจะเคารพเรื่องของท้องถิ่น ไม่ค่อยมีการเปลี่ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเป้าหมายเรื่องดังกล่าวว่า เป็นการต่อยอดการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะมีความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วงที่มีการไปทวงคืนประสาทพระวิหาร เข้าใจความรู้สึกทุกฝ่าย แต่ไม่อยากให้เรื่องนี้ มาเป็นประเด็นการเมืองที่ส่งผลกระทบ ต่อความสัมพันธ์ระดับประเทศ รัฐบาลยืนยันว่า เราดำเนินการทุกวิถีทางที่จะปกป้องอาณาเขต และที่ดินของประเทศไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สมัยที่เป็นฝ่ายค้านพูดไว้อย่างไร เป็นรัฐบาลก็ทำอย่างนั้น แต่ก็ยินดีชี้แจงกลุ่มพันธมิตรฯ และตนก็คิดไว้แล้วว่า หลังจากที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตนจะพูดคุยกับ นายกษิต ว่า คงต้องมีการชี้แจงเรื่องนี้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และมีคนเสนอด้วยซ้ำว่าอาจจะจัดการพูดคุยชี้แจงระหว่าง นายกษิต กับ นายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรฯ ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเรื่องพระวิหารนั้น ไม่ควรเป็นเรื่องที่คนไทยจะมาขัดแย้งกันเอง เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันปกป้องอาณาเขตของประเทศ เพราะเป็นกรณีที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ต้องคุยกัน 2 ฝ่าย ไม่อย่างนั้นอาจถูกปลุกเป็นประเด็นการเมืองจนบานปลาย กระทบกระเทือนประเทศ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเคารพสิทธิ์ของกลุ่มพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหว เพียงแต่ต้องระวัง อะไรก็ตามที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ทะเลาะฆ่าฟันกันเอง บอกว่า จะปกป้องแผ่นดินไทย แต่ว่าคนไทยมาทะเลาะกันเองก่อนมันไม่คุ้ม ส่วนเรื่องการชี้แจงทำความเข้าใจนั้นเราทำอยู่ตลอด ตอนกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุม เราก็ให้แม่ทัพภาคที่ 2 มาชี้แจง หากคิดว่ายังไม่พอก็ต้องทำอีก