“วิทยา” รับมีคนอ้างชื่อคนสนิท หน้าห้องที่ปรึกษา รมว.สธ.เดินสายส่อโกง ยันไม่ปกป้องลูกน้อง เร่งทำความเข้าใจ สสจ.ทั่วประเทศ แจงงบไทยเข้มแข็ง 8 หมื่นล้านต้องโปร่งใส สั่งนำข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างขึ้นเว็บหลังจัดซื้อ 3 วัน ประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้
วันที่ 28 กันยายน ที่โรงแรมที.เค.พาเลซ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายและชี้แจงโครงการพัฒนาระบบริการสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ระหว่างปีงบประมาณ 2552-2555 งบประมาณกว่า 8.6 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โดยเป็นการลงทุนด้านโครงสร้างอาคารสถานที่ เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ สร้างหอพักแพทย์พยาบาล ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสธ. หลังจากที่ขาดการลงทุนมาเป็นเวลา 8 ปี ทำให้เกิดการขาดแคลนทั้งสถานที่ เครื่องแพทย์ที่จำเป็น
นายวิทยากล่าวว่า งบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง แบ่งออกเป็น 2 ก้อน งบก้อนแรกประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท จะใช้พัฒนาสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ประมาณ 2,000 แห่ง แห่งละประมาณ 1.3 ล้านบาท และจัดซื้อรถพยาบาล ให้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน 1,000 คัน เพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยจากสถานีอนามัย ส่วนงบก้อนที่ 2 ประมาณ 60,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ได้หารือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว คาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนจะแล้วเสร็จ
นายวิทยากล่าวต่อว่า ในการบริหารจัดการงบดังกล่าว จะเน้นการกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดซื้อจัดจ้างเอง ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยนโยบายรัฐบาลเน้นการสร้างความเข้มแข็งและความโปร่งใส ไม่ให้มีการล็อกสเปกทุกรายการ และให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และร่วมกันรับผิดชอบ หากพบการทุจริตขอให้แจ้งที่รมว.สาธารณสุข โดยให้มีการแจ้งรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างทางเว็บไซด์ของ สธ.ทั้งหมดภายใน 3 วันหลังจากมีการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างของสถานพยาบาลทั้งหมดในโครงการนี้ว่าซื้ออะไรจากบริษัทใด ราคาเท่าใด
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำลังจะรับตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ คณะที่ 1 ให้ตรวจสอบการตั้งงบซื้อเครื่องมือแพทย์ ที่โรงพยาบาลไม่ต้องการแต่มีการเสนอรายการจัดซื้อตามที่เป็นข่าวร้องเรียน เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวี เครื่องละ 4 หมื่นบาท จำนวน 800 เครื่อง รวม 32 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินไม่มากแต่ก็ส่งผลต่อชื่อเสียงของสธ. ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่า
“ส่วนคณะที่ 2 เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาพรวมทั้งหมด ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนนักการเมือง เพราะนักการเมืองมีความรู้เรื่องเครื่องมือแพทย์ โดยประกอบด้วย ตัวแทนโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการ รวมถึงตัวแทนชมรมแพทย์ชนบท โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวประมาณ 6-7 คน เพื่อความคล่องตัวและให้พิจารณาราคาเครื่องมือแพทย์ การก่อสร้างอาคารต่างๆ ไม่ให้มีราคาเกินจริง ก่อนที่จะได้รับงบประมาณก้อนที่ 2 เพื่อให้สามารถติดตามการใช้งบได้อย่างรอบคอบ โดยจะดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า” นายวิทยา กล่าว
“วิทยา” รับมีคนอ้างชื่อคนสนิท หน้าห้อง ที่ปรึกษา รมว.สธ.เดินสายส่อโกง ยันไม่ปกป้องลูกน้อง
นายวิทยากล่าวต่อว่า เนื่องจากงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งฯ ของสธ. มีงบประมาณมาก จึงมีกลิ่นหอมหวนเรื่องของผลประโยชน์ โดยได้รับรายงานมาเป็นจำนวนมากว่า มีชื่อคนสนิทรมว.สาธารณสุข ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข คนใกล้ชิด ฯลฯ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการล็อกสเปก โดยเดินสายทั่วทั้งประเทศและพบว่าลบางพื้นที่เป็นเช่นนั้นจริง แต่ขณะนี้ยังจับตัวไม่ได้เท่านั้น ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันจับตาดู โดยเฉพาะนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หากพบไม่ถูกต้องให้รายงานมายังปลัดสธ.และรมว.สาธารณสุขได้โดยตรง
“ที่ผ่านมา สธ.มีบทเรียนหลายเรื่องหลายครั้ง สธ.เป็นหน่วยงานเดียวที่ทำให้รมว.สาธารณสุขเข้าอยู่ในคุกได้ หากไม่ระวังผมอาจเข้าเป็นคนที่สองได้ เพราะผมจะต้องรับผิดชอบ แต่ปลัดก็ไม่ต้องรับผิดชอบคนเดียวเพราะทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ต้องเกรงใจว่าเป็นการล็อกสเปกเพื่อผู้ใหญ่คนไหน ขอยืนยันว่าผมไม่มีการล็อคสเปก โดยภูมิปัญญาก็ไม่มีโอกาสในการเลือกเครื่องมือแพทย์ใดๆ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้หารือกับนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุขแต่อย่างใด และหากทำผิดก็จะไม่ปกป้อง ไม่เตือน และคงไม่สามารถการันตีใครได้ ทุกคนต้องซื้อสัตย์ สุจริต โดยจะส่งเรื่องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี” นายวิทยา กล่าว
เมื่อถามว่า นพ.กฤษดา มนูญวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกใบปลิวโจมตีว่าอาจเกี่ยวพันกับการทุจรตินั้น นายวิทยา กล่าวว่า มีข้อความจากนพ.กฤษดา ส่งมาว่า ไม่สบายใจและจะขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาฯ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีผลแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องตั้งที่ปรึกษาฯ เพิ่มเพราะยังเหลือที่คนที่สามารถทำงานอีก 7 คน แต่ในอนาคตหากมีใบปลิวหรือบัตรสนเท่ห์ ก็ขอให้มีการตรวจสอบก่อน ไม่เช่นนั้นอาจไม่มีคนทำงานเลย
5 ต.ค.เตรียมเรียก ผอ.รพ.ทำความเข้าใจ
นายวิทยากล่าวว่า ในวันที่ 5 ตค. สธ.จะเชิญ สสจ. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกระดับ ประชุมเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานงบโครงการไทยเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อความเข้าใจและโปร่งใส พร้อมทั้งแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณการปรับปรุงครุภัณฑ์ในการยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แห่งละ 8.5 แสนบาทให้จัดซื้อครุภัณฑ์ได้ 20 รายการเป็น 48 รายการ ซึ่งทราบว่ามีบางพื้นที่ไม่ต้องการเครื่องมือที่ส่วนกลางระบุให้ ทั้งนี้ ราคาจองครุภัณฑ์ต่างๆ นั้น เป็นการประมาณการราคาเบื้องต้น ไม่ใช่ราคากลาง แต่เป็นราคาที่จังหวัดเคยมีการจัดซื้อ โดยสำนักงบประมาณต้องเป็นพิจารณาราคากลางต่อหน่วยอีกครั้ง เพราะบางรายการมีราคาสูงเกินไป
“ต้องรบกวนให้ สสจ.กล้าที่จะบอกตนเอง เพราะเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะเปิดเผยออกมาและเรื่องก็จะมาถึงตนเอง หากรักกันก็ให้บอก แต่ถ้าไม่รักก็ไม่เป็นไร เพราะผมมาแล้วก็ไปแต่คนของสธ.จะต้องอยู่อย่างเชิดหน้าชูตา ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ ให้ความเชื่อมั่นการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขมากที่สุด” นายวิทยากล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการพัฒนาระบบริการสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของสธ.ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 ก.ย.นายวิทยา กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อสอบถามประเด็นข้อสงสัยจากนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 ก.ย.หากมีการสอบถามก็จะชี้แจงตามความจริงเท่าที่ตนมีข้อมูลอยู่ แต่หากเป็นประเด็นนอกเหนือข้อมูลที่ตนเองทราบ ก็จะนำกลับมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและจะรายงานไปยังนายกฯทราบอีกครั้ง