"วิทยา" เพิ่มทางเลือกให้ รพ.สต.เลือกซื้อครุภัณฑ์-เครื่องมือแพทย์เหมาะสม แก้ปัญหาล็อกสเปกโครงการไทยเข้มแข็ง จาก 20 รายการเป็น 48 รายการ ดึง อภ.ร่วมประมูลแข่งกับเอกชน สร้างราคากลางให้พื้นที่ประกอบการพิจารณา ส่วนเครื่องช่วยหายใจหากพบล็อกสเปกพร้อมแก้ แย้ม “หมอแขก”เปรยไม่สบายใจใบปลิวโจมตีกล่าวหาทุจริต อยากลาออกที่ปรึกษา รมว.สธ. แพทยชนบทภาคใต้ป้องสสจ.สงขลา การันตรีคนดี หวั่นสังคมเข้าใจผิดคิดว่าเกิดทุจริต ถูกโยกย้าย ตกเป็นแพะรับบาป
จากกรณีที่มีการร้องเรียนความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ทั่วประเทศภายใต้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง โดยระบุว่าอาจมีการล็อกสเปกครุภัณฑ์ที่จะจัดซื้อเนื่องจากมีการกำหนดครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่จะสามารถซื้อได้เพียงแค่ 20 รายการเท่านั้น ทำให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งจัดซื้อไม่ตรงตามความจำเป็นและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยที่จะได้รับการยกระดับเป็นรพ.สต.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือร่วมกันกำหนดรายการครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่รพ.สต.ควรจะจัดซื้อเพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดเพียง 20 รายการ โดยเพิ่มเป็น 48 รายการ เพื่อให้รพ.สต.มีทางเลือกในการจัดซื้อคุรภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่มีความเหมาะสมตามความต้องการ ภายใต้งบประมาณที่จะได้รับการจัดสรรแห่งละ 8.5 แสนบาท
ดึง อภ.ร่วมแข่งเอกชนกันโกง
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในการจัดซื้อครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.)ที่เป็นหน่วยงานของภาครัฐและไม่มุ่งหวังกำไร เข้าร่วมในการเสนอราคาการจัดซื้อครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ทั้ง 48 รายการ แข่งขันกับบริษัทเอกชนด้วย เบื้องต้นได้หารือกับ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ. ซึ่งระบุว่าตามกฎหมาย อภ.มีอำนาจที่จะดำเนินการได้ จึงได้ให้เริ่มจัดทำใบเสนอราคาแล้ว โดยหวังว่าราคาที่ อภ.จะเสนอให้กับ รพ.สต.จะเป็นเหมือนราคากลางที่จะนำไปเปรียบเทียบกับราคาครุภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ที่บริษัทต่างๆ จะมีการเสนอ อย่างไรก็ตาม รพ.สต. แต่ละแห่งจะซื้อจาก อภ.หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง หากเห็นว่าบริษัทอื่นเสนอราคาถูกและคุณภาพดีกว่าที่ อภ.เสนอก็สามารถจัดซื้อผ่านบริษัทเอกชนได้
“ก่อนหน้านี้ที่ สธ.ต้องกำหนดรายการครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่ รพ.สต.จะดำเนินการจัดซื้อไปเพียง 20 รายการ เพราะในการเสนอของบประมาณสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กำหนดให้ต้องระบุรายละเอียดสิ่งที่จะจัดซื้อ แต่ให้ระยะเวลาสำรวจสั้น สธ.จึงไม่สามารถสำรวจความต้องการของรพ.สต.ได้ทันทั้งหมด จึงเสนอของบฯไปแบบรวมๆ แต่หลังจากวันที่ 1 ต.ค.นี้จะเรียกนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศมาประชุมทำความเข้าใจการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไทยเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจที่รัฐบาลอนุมัติงบฯกลางให้โรงพยาบาลจัดซื้อได้กระจายเงินไปยังจังหวัดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว หากตรวจสอบพบว่าเป็นการล็อกสเปกเอื้อให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ก็จะต้องมีการแก้ไข”นายวิทยากล่าว
**เผย “หมอแขก”เปรยอยากลาออก
นายวิทยา กล่าวถึงกรณีที่มีใบปลิวกล่าวหาว่าทีมที่ปรึกษาและคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยระบุชื่อว่า “หมอแขก” อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วยการล็อกสเปกครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ตามงบฯโครงการไทยเข้มแข็งว่า ตนยังไม่มีโอกาสพบเจอกับหมอแขก แต่ได้ข่าวว่าเจ้าตัวไม่สบายใจกับกรณีที่เกิดขึ้นและจะขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา แต่ตนมองว่า ควรจะทำความจริงให้ปรากฏดีกว่า เพราะเพียงแค่บัตรสนเท่ห์โจมตี โดยไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มีผู้รับผิดชอบแล้วถึงกับต้องลาออก ตนคงไม่เหลือคนช่วยทำงาน
“ผมไม่มีความรู้ด้านเครื่องมือแพทย์ จึงจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่อาจเกิดขึ้นในโครงการไทยเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่เบื้องหลังใบปลิวโจมตีโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นการไม่ให้เกียรติตน เพราะควรจะมีการดำเนินการร้องเรียนมาที่ผมโดยตรง ซึ่งสาเหตุที่มีการออกมาให้ข้อมูลนั้น อาจมาจากไม่พอใจเพราะขัดผลประโยชน์หรือเพราะรักความเป็นธรรมจริงๆ ก็เป็นได้ “นายวิทยากล่าว
แพทย์ชนบทป้อง สสจ.สงขลา
ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ กล่าวว่า กรณีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตนั้น ชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ได้ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดแล้วมีความเห็นว่า 1.การจัดการในเรื่องการซื้อครุภัณฑ์ของจังหวัดสงขลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะมีแนวปฏิบัติในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ถือปฏิบัติกันมาตามแนวนโยบายที่ นพ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้ให้นโยบายและแนวทางไว้คือ การร่วมกันจัดซื้อและต่อรองราคาอย่างโปร่งใส ในทุกโรงพยาบาลที่ได้รับจัดสรรครุภัณฑ์นั้นๆ เพื่อให้ได้ราคาดีเหมาะสม ตัดปัญหาต่างคนต่างซื้อ
นพ.สุภัทร กล่าวว่า 2.สำหรับงบประมาณในส่วนของโครงการงบไทยเข้มแข็ง นพ.สุเทพ มีการประสานหาบริษัทจัดซื้อร่วมกันตามแนวทาง ซึ่งรายการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตนั้น เป็นรายการที่ทุกโรงพยาบาลได้รับจัดสรร ซึ่งรายการและใบเสนอราคาของบริษัทก่อเกียรติ ซัพพลาย จำกัด ตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นเพียงหนึ่งในหลายบริษัทที่ทางโรงพยาบาลต่างๆได้หาข้อมูลไว้รอการจัดซื้อรวม 3.ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า แนวทางที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาดำเนินการนั้น เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่โปร่งใส ทุกโรงพยาบาลมีส่วนร่วมในการคัดเลือก ไม่มีการปกปิดข้อมูล และเป็นการกระจายอำนาจออกจากตัวสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกครุภัณฑ์ด้วยตนเอง ทำให้ยากที่จะมีการล็อคสเป็คกันได้ ซึ่งจะป้องปรามการทุจริตได้เป็นอย่างดี
นพ.สุภัทร กล่าว 4.ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า ข่าวสารที่ปรากฏต่อสาธารณะผ่านสื่อนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลามีการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งความจริงสามารถป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี ควรที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดให้แนวทางดังกล่าวได้มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในทุกจังหวัด ทั้งนี้ ชมรมเห็นว่า งบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง ยังมีช่องว่างที่เสี่ยงต่อการนำไปสู่การใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพได้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
“สสจ.สงขลา ไม่ได้ตำหนิที่มีข้อมูลออกมาในลักษณะนี้ แต่อาจรู้สึกน้อยใจที่ทำดี โปร่งใสเปิดข้อมูลให้กับทุกโรงพยาบาลในจังหวัดพิจารณาแต่กับถูกสื่อตำหนิ และดูเหมือนว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นเพราะข้อมูลที่หลุดออกไปมีความคลุมเครือ แพทยชนบทภาคใต้จึงเกรงว่า นพ.สุเทพจะกลายเป็นแพะ และกระทรวงมีคำสั่งโยกย้าย ทั้งที่เป็นคนดี โดยขอยืนยันว่า หนังสือดังกล่าวแม้ว่าจะมีการแนบรายชื่อบริษัทก่อเกียรติ ซับพลายจริง แต่เป็นการนำมาเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้หาข้อมูลรายละเอียดอีก 3-4 บริษัทมาเปรียบเทียบแล้ว”นพ.สุภัทร
จากกรณีที่มีการร้องเรียนความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ทั่วประเทศภายใต้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง โดยระบุว่าอาจมีการล็อกสเปกครุภัณฑ์ที่จะจัดซื้อเนื่องจากมีการกำหนดครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่จะสามารถซื้อได้เพียงแค่ 20 รายการเท่านั้น ทำให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งจัดซื้อไม่ตรงตามความจำเป็นและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สนย.) สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เชิญตัวแทนเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยที่จะได้รับการยกระดับเป็นรพ.สต.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือร่วมกันกำหนดรายการครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่รพ.สต.ควรจะจัดซื้อเพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดเพียง 20 รายการ โดยเพิ่มเป็น 48 รายการ เพื่อให้รพ.สต.มีทางเลือกในการจัดซื้อคุรภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่มีความเหมาะสมตามความต้องการ ภายใต้งบประมาณที่จะได้รับการจัดสรรแห่งละ 8.5 แสนบาท
ดึง อภ.ร่วมแข่งเอกชนกันโกง
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในการจัดซื้อครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.)ที่เป็นหน่วยงานของภาครัฐและไม่มุ่งหวังกำไร เข้าร่วมในการเสนอราคาการจัดซื้อครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ทั้ง 48 รายการ แข่งขันกับบริษัทเอกชนด้วย เบื้องต้นได้หารือกับ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ. ซึ่งระบุว่าตามกฎหมาย อภ.มีอำนาจที่จะดำเนินการได้ จึงได้ให้เริ่มจัดทำใบเสนอราคาแล้ว โดยหวังว่าราคาที่ อภ.จะเสนอให้กับ รพ.สต.จะเป็นเหมือนราคากลางที่จะนำไปเปรียบเทียบกับราคาครุภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ที่บริษัทต่างๆ จะมีการเสนอ อย่างไรก็ตาม รพ.สต. แต่ละแห่งจะซื้อจาก อภ.หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง หากเห็นว่าบริษัทอื่นเสนอราคาถูกและคุณภาพดีกว่าที่ อภ.เสนอก็สามารถจัดซื้อผ่านบริษัทเอกชนได้
“ก่อนหน้านี้ที่ สธ.ต้องกำหนดรายการครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ที่ รพ.สต.จะดำเนินการจัดซื้อไปเพียง 20 รายการ เพราะในการเสนอของบประมาณสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กำหนดให้ต้องระบุรายละเอียดสิ่งที่จะจัดซื้อ แต่ให้ระยะเวลาสำรวจสั้น สธ.จึงไม่สามารถสำรวจความต้องการของรพ.สต.ได้ทันทั้งหมด จึงเสนอของบฯไปแบบรวมๆ แต่หลังจากวันที่ 1 ต.ค.นี้จะเรียกนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศมาประชุมทำความเข้าใจการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไทยเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจที่รัฐบาลอนุมัติงบฯกลางให้โรงพยาบาลจัดซื้อได้กระจายเงินไปยังจังหวัดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว หากตรวจสอบพบว่าเป็นการล็อกสเปกเอื้อให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ก็จะต้องมีการแก้ไข”นายวิทยากล่าว
**เผย “หมอแขก”เปรยอยากลาออก
นายวิทยา กล่าวถึงกรณีที่มีใบปลิวกล่าวหาว่าทีมที่ปรึกษาและคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยระบุชื่อว่า “หมอแขก” อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้วยการล็อกสเปกครุภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ตามงบฯโครงการไทยเข้มแข็งว่า ตนยังไม่มีโอกาสพบเจอกับหมอแขก แต่ได้ข่าวว่าเจ้าตัวไม่สบายใจกับกรณีที่เกิดขึ้นและจะขอลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา แต่ตนมองว่า ควรจะทำความจริงให้ปรากฏดีกว่า เพราะเพียงแค่บัตรสนเท่ห์โจมตี โดยไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มีผู้รับผิดชอบแล้วถึงกับต้องลาออก ตนคงไม่เหลือคนช่วยทำงาน
“ผมไม่มีความรู้ด้านเครื่องมือแพทย์ จึงจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่อาจเกิดขึ้นในโครงการไทยเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่เบื้องหลังใบปลิวโจมตีโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นการไม่ให้เกียรติตน เพราะควรจะมีการดำเนินการร้องเรียนมาที่ผมโดยตรง ซึ่งสาเหตุที่มีการออกมาให้ข้อมูลนั้น อาจมาจากไม่พอใจเพราะขัดผลประโยชน์หรือเพราะรักความเป็นธรรมจริงๆ ก็เป็นได้ “นายวิทยากล่าว
แพทย์ชนบทป้อง สสจ.สงขลา
ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ กล่าวว่า กรณีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตนั้น ชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ได้ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดแล้วมีความเห็นว่า 1.การจัดการในเรื่องการซื้อครุภัณฑ์ของจังหวัดสงขลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะมีแนวปฏิบัติในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ถือปฏิบัติกันมาตามแนวนโยบายที่ นพ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้ให้นโยบายและแนวทางไว้คือ การร่วมกันจัดซื้อและต่อรองราคาอย่างโปร่งใส ในทุกโรงพยาบาลที่ได้รับจัดสรรครุภัณฑ์นั้นๆ เพื่อให้ได้ราคาดีเหมาะสม ตัดปัญหาต่างคนต่างซื้อ
นพ.สุภัทร กล่าวว่า 2.สำหรับงบประมาณในส่วนของโครงการงบไทยเข้มแข็ง นพ.สุเทพ มีการประสานหาบริษัทจัดซื้อร่วมกันตามแนวทาง ซึ่งรายการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตนั้น เป็นรายการที่ทุกโรงพยาบาลได้รับจัดสรร ซึ่งรายการและใบเสนอราคาของบริษัทก่อเกียรติ ซัพพลาย จำกัด ตามที่เป็นข่าวนั้น เป็นเพียงหนึ่งในหลายบริษัทที่ทางโรงพยาบาลต่างๆได้หาข้อมูลไว้รอการจัดซื้อรวม 3.ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า แนวทางที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลาดำเนินการนั้น เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่โปร่งใส ทุกโรงพยาบาลมีส่วนร่วมในการคัดเลือก ไม่มีการปกปิดข้อมูล และเป็นการกระจายอำนาจออกจากตัวสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้ผู้ใช้เป็นผู้เลือกครุภัณฑ์ด้วยตนเอง ทำให้ยากที่จะมีการล็อคสเป็คกันได้ ซึ่งจะป้องปรามการทุจริตได้เป็นอย่างดี
นพ.สุภัทร กล่าว 4.ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า ข่าวสารที่ปรากฏต่อสาธารณะผ่านสื่อนั้น มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลามีการทุจริตในการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งความจริงสามารถป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี ควรที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดให้แนวทางดังกล่าวได้มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในทุกจังหวัด ทั้งนี้ ชมรมเห็นว่า งบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง ยังมีช่องว่างที่เสี่ยงต่อการนำไปสู่การใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพได้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
“สสจ.สงขลา ไม่ได้ตำหนิที่มีข้อมูลออกมาในลักษณะนี้ แต่อาจรู้สึกน้อยใจที่ทำดี โปร่งใสเปิดข้อมูลให้กับทุกโรงพยาบาลในจังหวัดพิจารณาแต่กับถูกสื่อตำหนิ และดูเหมือนว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นเพราะข้อมูลที่หลุดออกไปมีความคลุมเครือ แพทยชนบทภาคใต้จึงเกรงว่า นพ.สุเทพจะกลายเป็นแพะ และกระทรวงมีคำสั่งโยกย้าย ทั้งที่เป็นคนดี โดยขอยืนยันว่า หนังสือดังกล่าวแม้ว่าจะมีการแนบรายชื่อบริษัทก่อเกียรติ ซับพลายจริง แต่เป็นการนำมาเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้หาข้อมูลรายละเอียดอีก 3-4 บริษัทมาเปรียบเทียบแล้ว”นพ.สุภัทร