xs
xsm
sm
md
lg

ใบปลิวว่อนสธ. ปูดนักการเมืองขี้ฉ้อจัดจ้าง "ไทยเข้มแข็ง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.
ใบปลิวว่อนสธ. ตีนักการเมือง มีเอี่ยวทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง "ไทยเข้มแข็ง" มีทีมที่ปรึกษาเป็นตัวการติดต่อ ผอ.รพ.ต่างจังหวัดให้จัดซื้อเครื่องมือแพทย์จากไทยเมดิแคร์"วิทยา" ปัดไม่รู้จัก ไม่มีญาติเปิดบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ รับเห็นใบปลิวแล้ว วอนให้ทำเอกสารร้องเรียนพร้อมตรวจสอบหามูลความผิด ด้าน "มานิ บอกเฉยๆ กระทรวงฯ ยันไม่มีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาเตือนถึงกระแสการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณกว่า 86,000 ล้านบาท อาทิ การก่อสร้างปรับปรุงโรงพยาบาล การจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตระบบปิด รวมถึงเครื่องช่วยหายใจ นั้น

ล่าสุดมีจดหมายเปิดผนึก ถึง 2 ฉบับ แจกจ่ายให้กับข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ระบุถึงกลุ่มบุคลใกล้ตัวของนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างในโครงการนี้

โดยจมหมายฉบับแรก เรื่องกฐินของสธ. ต่อจากโครงการชุมชนพอเพียง ระบุว่ามีกลุ่มบุคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีทั้ง 2 คน คือ 1.กลุ่มที่ปรึกษาและคณะทำงานของนายมานิต ติดต่อหน่วยงานต่างๆ ให้จัดซื้อครุภัณฑ์จากบริษัทที่อ้างว่าใกล้ชิดกับนายมานิต และให้นักการเมืองทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นมาขอส่วนแบ่งการประมูลงานก่อสร้าง โดยอ้างว่างานก่อสร้างที่ได้รับจัดสรรงบประมาณมา เป็นเพราะนายมานิตวิ่งเต้นให้
นายมานิต นพอมรบดี
2.กลุ่มที่ปรึกษาของนายวิทยา โดยหมอแขก ที่เคยมีชื่อเสียงในการจัดซื้อยา 1,400 ล้านบาท โดยหมอแขกได้ติดต่อโรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศให้จัดซื้อครุภัณฑ์ของบริษัท ไทยเมดิแคร์โดยอ้างว่าเป็นบริษัทของญาตินายวิทยา ทำให้หน่วยงานต้องซื้อครุภัณฑ์ในราคาแพงกว่าท้องตลาดแต่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน

พร้อมระบุว่า ทั้ง 2 กลุ่ม อาศัยตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งอ้างว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ช่วยเหลือบริษัทที่ใกล้ชิดและเตรียมกระสุนเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้า หากไม่ดำเนินการตามจะมีผลโยกย้าย ทำให้ผู้บริหารในส่วนภูมิภาครู้สึกอึดอัดอย่างมาก ต้องเสี่ยงที่จะทำผิดต่อระเบียบบริหารพัสดุ ทั้งนี้ ในช่วงท้ายจดหมาย ได้ทิ้งท้ายว่า มีผู้บริหารบางคนได้รวบรวมข้อมูลและเทปอัดเสียงโทรศัพท์สั่งการส่งไปให้สส. ฝ่ายค้านแล้ว

ขณะที่จดหมายเปิดผนึกอีกฉบับ ได้ระบุถึง "หมอแขก" เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสเปกเครื่องมือแพทย์ ที่สธ. จะต้องจัดซื้อ ไปให้โรงพยาบาลต่างๆ พร้อมแนะนำให้บริษัทเอกชนให้โดยอ้างว่าเป็นญาติกับผู้ใหญ่ใน สธ. ซึ่งสเป็คเครื่องมือแพทย์ ไม่มีหน่วยงานใดในสธ. ลงนามรับรอง รวมถึงไม่มีลายเซ็นของ "หมอแขก" ด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีเอกสารสเป็คเครื่องมือแพทย์ที่ถูกระบุว่าล็อกสเป็คแนบท้ายจมหมายเปิดผนึกมาด้วย
นายวิทยา เปิดเผยว่า ไม่รู้จักบริษัทดังกล่าวมาก่อน รวมถึงไม่เคยมีญาติทำบริษัทเครื่องมือแพทย์แต่อย่างใด ได้ยินข่าวเรื่องใบปลิวดังกล่าวที่มีการอ้างว่าตนเองเกี่ยวข้องด้วยนั้น จึงอยากให้มีการร้องเรียนมาให้มีรายละเอียดต่างๆจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปเช็คว่าเป็นเรื่องเท็จจริงประการใด อีกทั้งจะขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

“ภายในสัปดาห์นี้จะมีการนัดหารือกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อมากำชับเกี่ยวกับการใช้งบประมาณตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ระยะที่ 2 งบประมาณกว่า 8.6 หมื่นล้านบาท เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตและดำเนินการอย่างถูกต้องโปร่งใส”นายวิทยา กล่าว

ด้านนายมานิต กล่าวว่า ทราบว่ามีใบปลิวโจมตีเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็ง แต่ไม่ทราบรายละเอียด และรู้สึกเฉยๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแล 4 กรม ได้แก่ กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งแต่ละกรมได้รับงบประมาณจากโครงการดังกล่าวจำนวนไม่มากและยังไม่มีการดำเนินการใดๆ

รมช.สธ. กล่าวอีกว่า เมื่อวันศุกร์ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(บอร์ดสพฉ.)มีการหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างรถพยาบาลฉุกเฉินของโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 800 คัน ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเภท โดยที่ประชุมเห็นว่าสพฉ.ควรเข้าไปมีส่วนในการกำหนดสเปกรถพยาบาลร่วมกับคณะกรรมการกลางที่จะมีการแต่งตั้งจากหลายภาคส่วน เนื่องจากสพฉ.จะต้องเป็นผู้อบรมบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉินในการช่วยเหลือผู้ป่วยและบาดเจ็บที่จะต้องใช้รถพยาบาล โดยในเร็วๆนี้ตนจะหารือเรื่องนี้ร่วมกับนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

“การกำหนดสเป็คของรถพยาบาลฉุกเฉินที่จะดำเนินการโดยคณะกรรมการที่จะมีการแต่งตั้งขึ้น เป็นเพียงไกด์ไลน์ให้โรงพยาบาลชุมชนเท่านั้น ส่วนการจัดซื้อจัดจ้าง โรงพยาบาลจะต้องดำเนินการพิจารณาด้วยตนเอง แต่เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่ประกอบในรถพยาบาลฉุกเฉินต้องได้มาตรฐาน และเป็นลักษณะรูปแบบเดียวกัน เช่น ลิ้นชักใส่เครื่องมืออยู่ตรงจุดใดต้องเหมือนกันเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะมีการล็อคสเปกหรือไม่ คณะกรรมการระดับจังหวัดต้องมีการตรวจสอบและรับผิดชอบ เพราะส่วนกลางทำหน้าที่เพียงให้คำแนะนำให้ได้เครื่องมือตามมาตรฐาน และขณะนี้ยังไม่มีบริษัทผู้ผลิตติดต่อเข้ามา เพราะยังไม่มีการเริ่มดำเนินการอะไรเลย”นายมานิตกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะเดียวกันสำนักสารนิเทศ ได้ทำข่าวเผยแพร่ เรื่อง การจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการไทยเข้มแข็งไม่มีการล็อคสเปค โดย พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) ทั้งหมด 23 โครงการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 เป็นจำนวน 86,685.61 ล้านบาท ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานระดับภูมิภาคกับหน่วยงานส่วนกลาง รวมทั้งกำกับ ติดตาม รายงานความก้าวหน้าและ ประเมินผลการดำเนินงาน การเบิกจ่ายงบประมาณ ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบราชการ

กำลังโหลดความคิดเห็น