ASTVผู้จัดการรายวัน - อาจารย์จุฬาฯ 300 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึกต้านฎีกา ซัดฝ่าฝืนประเพณีที่มีมาช้านาน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนยังเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้อง ขณะที่ปชป.มีมติค้านฎีกาทุกรูปแบบ "เนวิน" แถลงปฏิเสธ อยู่เบื้องหลังค้านถวายฎีกาช่วยแม้วเพื่อหวังต่อรองคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (4ส.ค.) คณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 300 คน ได้ร่วมลงนาม ในจดหมายเปิดผนึก คัดค้านการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณโดยเห็นว่า เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประเพณีที่มีมาช้านาน ทั้งยังมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนยังเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้องในการถวายฎีกา ขณะเดียวกัน ขอให้สภามหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย นักวิชาการที่เป็นผู้นำความคิด และปัญญาในสังคม เจ้าหน้าที่ของรัฐ สื่อมวลชน นักธุรกิจ ประชาชนพิจารณาดำเนินการ ให้จดหมายเปิดผนึกนี้ไปสู่การพิจารณาของรัฐบาล ราชเลขาธิการ และประชาชนทั้งประเทศ เพื่อให้การเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ประเพณี ระเบียบ และความเหมาะสมดีงามตามที่ถูกที่ควรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (5ส.ค.) ซึ่งจะมีการประชุมคณบดี ก็จะนำจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ให้คณบดีที่เห็นด้วยกับการคัดค้านการถวายฎีกา ร่วมลงนามด้วย
**มติปชป.ค้านถวายฎีกาทุกรูปแบบ
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงผลการประชุมส.ส.พรรคเมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติ คัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกรูปแบบ พร้อมกำชับให้ ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการตั้งโต๊ะคัดค้าน และยกเลิกการลงชื่อถวายฎีกาของกระทรวงมหาดไทย แม้จะมีส.ส.แสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่เนื่องจากได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า มวลชนเสื้อแดงกระทำการโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ดังนั้นพรรคจึงไม่มีทางเลือกและขอสนับสนุนทุกแนวทางในการคัดค้านการถวายฎีกา
**นักศึกษา ม.นครพนม อัดช่วยนักโทษหนีคดี
วานนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายนพวัชร สิงห์ศักดิ์ดา และนายประจักษ์จิต อภิวาท ซึ่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมทั้ง 2 คน ได้นำข้าราชการมาร่วมลงนามคัดค้านการลงชื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ที่รู้ข่าวรีบมาลงชื่ออีกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อเหลือง ข้าราชการ ตลอดจนพ่อค้าแม่ค้า
นายปัญญาวุฒิ พงศกร นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาลัยนครพนม กล่าวหลังลงรายชื่อคัดค้านการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อยากถามว่านายทักษิณเป็นใครเป็นเทวดาหรือเหนือกว่าประชาชนคนอื่นๆตรงไหน ที่ศาลตัดสินแล้วก็หนีออกต่างประเทศไม่กลับมาสู้คดี คุกก็ยังไม่ได้ติดสักวันแล้วยังมาเห่าหอนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ
.
ส่วนที่บริเวณห้องโถงศาลากลางจังหวัดตรัง นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีลงนามถวายพระพรปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน ในการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ โดยการส่งเสริมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเพื่อประชาชน และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกความจงรักภักดีเพื่อประชาชนชาวไทยได้ตระหนักถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
***เนวินปัดค้านหวังหลุดคดีกล้ายาง
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4ส.ค.) นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.เพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดง ออกมาให้ข่าวว่า ตนจะหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาทุจริตกล้ายางในวันที่ 17 ส.ค.นี้ว่า ตนยืนยันที่จะไปฟังคำพิพากษา และพร้อมที่จะน้อมรับคำพิพากษาของศาลทุกประการ ไม่เคยคิดหนี ไม่ว่าคำพิพากษาของศาล จะออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ ไม่เหมือนคนบางคนที่ปากบอกว่า รักประเทศไทย แต่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีการต่อรองให้พ้นคดี จากการที่พรรคภูมิใจไทย ออกมาคัดค้านการถวายฎีกา นายเนวิน กล่าวว่า ไม่มี คนที่เอาเรื่องนี้มาพูดถือว่าจิตใจแย่มาก เพราะหน้าที่ของคนไทย ต้องถวายความจงรักภักดี จะต้องปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องใดมาเป็นเงื่อนไข ต่อรองใดๆ ตนว่าคนไทยที่ไม่คิดปกป้องสถาบันของชาติ ก็ไม่ควรเป็นคนไทย
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่า ได้รวบรวมรายชื่อเพื่อถวายฎีกาได้ถึง 5 ล้านชื่อนั้น นายเนวิน กล่าวว่า ตนได้ทดลองโทรศัพท์ไปหาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องที่รู้จัก 100 คน ถามว่าได้ลงชื่อถวายฎีกาไปได้หรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ได้ลงชื่อไปดังนั้น ตนจึงมีความประหลาดใจ ที่มีการระบุว่ารวบรวมชื่อได้ 5 ล้านรายชื่อ
นายเนวิน ยืนยันว่า การถวายฎีกาเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ซึ่งทุกคนก็รับทราบในกระบวนการอยู่แล้วว่า ผู้ที่ยื่นถวายฎีกา จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ดังนั้น ฎีกานี้ไม่ใช่ฎีการ้องทุกข์ แต่เป็นการขอภัยโทษ ซึ่งผู้ขอจะต้องมีคุณสมบัติที่เป็นญาติ และคนใกล้ชิด ขณะที่คนซึ่งเป็นญาติ และผู้ใกล้ชิดอย่าง พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ออกมาบอกว่าไม่ได้เป็นทุกข์กับเรื่องนี้ และไม่ได้ร่วมลงชื่อใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่ทำได้
"คนอย่างนายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษ สมัยที่ติดคุกใน จ.บุรีรัมย์ ก็รู้ดีว่า คุณสมบัติควรเป็นอย่างไร ผมเข้าใจว่า การล่าชื่อ เพียงแค่ต้องการแบ่งแยกประชาชน เพื่อสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูง" นายเนวินกล่าว
**แฉเล่ห์เสื้อแดงล่าชื่อฎีกา
นายประมวล เอมเปีย ส.ส. ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และแม่บ้านผู้สูงอายุ ในจ.ชลบุรี ว่า ได้มีขบวนการกลุ่มเสื้อแดงแอบอ้างเอารายชื่อไปใส่ในบัญชีรายชื่อการถวายฎีกา โดยใช้วิธีการจัดงบให้ทาง อบจ. กว่า 30 ล้านบาท พากลุ่ม อสม. และแม่บ้านผู้สูงอายุ กว่า 10 คันรถ ลงชื่อในการร่วมเดินทางไปเที่ยว จึงเป็นที่น่าสงสัยว่ามีการแอบเอาชื่อของกลุ่ม อสม. และแม่บ้านผู้สูงอายุที่ลงชื่อไปเที่ยวตามที่ อบจ.จัด นำไปลงบัญชีรายชื่อในการถวายฏีกา ซึ่งตนพบว่าพฤติกรรมแบบนี้ เป็นกันทั่วประเทศ เหมือนสมัยที่พรรคไทยรักไทยหาสมาชิกพรรค ดังนั้น การที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่า สามารถหารายชื่อได้กว่า 5 ล้านรายชื่อ นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีถึงขนาดนั้น
นายประมวล กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าขบวนการถวายฎีกาไม่ถูกต้องอยู่แล้ว จึงคิดว่ารายชื่อที่ถวายฎีกา ไม่น่าจะผ่านสำนักราชเลขาฯได้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้กระทรวงมหาดไทย ไปตั้งโต๊ะให้ประชาชนที่ลงชื่อไปแล้วได้ถอนรายชื่อ เพราะเป็นประเด็นที่เปราะบาง อาจจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันได้ และอาจส่งผลทำให้สังคมขัดแย้งเข้าไปอีก ทั้งนี้ ที่ จ.ชลบุรี เกิดมีขบวนการข่มขู่ จ่ายเงินให้คนเสื้อแดง ที่ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกา หัวละ 200-300 บาท เอาพวกนักเลงหัวไม้มาบังคับให้เซ็นชื่อ ถ้าไม่เซ็นก็ข่มขู่ว่าลูกหลานจะไม่ปลอดภัย ทำให้บางคนจำยอมต้องเซ็นชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (4ส.ค.) คณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 300 คน ได้ร่วมลงนาม ในจดหมายเปิดผนึก คัดค้านการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณโดยเห็นว่า เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประเพณีที่มีมาช้านาน ทั้งยังมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนยังเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้องในการถวายฎีกา ขณะเดียวกัน ขอให้สภามหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัย นักวิชาการที่เป็นผู้นำความคิด และปัญญาในสังคม เจ้าหน้าที่ของรัฐ สื่อมวลชน นักธุรกิจ ประชาชนพิจารณาดำเนินการ ให้จดหมายเปิดผนึกนี้ไปสู่การพิจารณาของรัฐบาล ราชเลขาธิการ และประชาชนทั้งประเทศ เพื่อให้การเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ประเพณี ระเบียบ และความเหมาะสมดีงามตามที่ถูกที่ควรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (5ส.ค.) ซึ่งจะมีการประชุมคณบดี ก็จะนำจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ให้คณบดีที่เห็นด้วยกับการคัดค้านการถวายฎีกา ร่วมลงนามด้วย
**มติปชป.ค้านถวายฎีกาทุกรูปแบบ
น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงผลการประชุมส.ส.พรรคเมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติ คัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกรูปแบบ พร้อมกำชับให้ ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการตั้งโต๊ะคัดค้าน และยกเลิกการลงชื่อถวายฎีกาของกระทรวงมหาดไทย แม้จะมีส.ส.แสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง แต่เนื่องจากได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า มวลชนเสื้อแดงกระทำการโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ดังนั้นพรรคจึงไม่มีทางเลือกและขอสนับสนุนทุกแนวทางในการคัดค้านการถวายฎีกา
**นักศึกษา ม.นครพนม อัดช่วยนักโทษหนีคดี
วานนี้ (4 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายนพวัชร สิงห์ศักดิ์ดา และนายประจักษ์จิต อภิวาท ซึ่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมทั้ง 2 คน ได้นำข้าราชการมาร่วมลงนามคัดค้านการลงชื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ที่รู้ข่าวรีบมาลงชื่ออีกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อเหลือง ข้าราชการ ตลอดจนพ่อค้าแม่ค้า
นายปัญญาวุฒิ พงศกร นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาลัยนครพนม กล่าวหลังลงรายชื่อคัดค้านการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อยากถามว่านายทักษิณเป็นใครเป็นเทวดาหรือเหนือกว่าประชาชนคนอื่นๆตรงไหน ที่ศาลตัดสินแล้วก็หนีออกต่างประเทศไม่กลับมาสู้คดี คุกก็ยังไม่ได้ติดสักวันแล้วยังมาเห่าหอนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ
.
ส่วนที่บริเวณห้องโถงศาลากลางจังหวัดตรัง นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีลงนามถวายพระพรปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน ในการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ โดยการส่งเสริมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเพื่อประชาชน และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกความจงรักภักดีเพื่อประชาชนชาวไทยได้ตระหนักถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
***เนวินปัดค้านหวังหลุดคดีกล้ายาง
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4ส.ค.) นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.เพื่อไทย และกลุ่มเสื้อแดง ออกมาให้ข่าวว่า ตนจะหนี ไม่ไปฟังคำพิพากษาทุจริตกล้ายางในวันที่ 17 ส.ค.นี้ว่า ตนยืนยันที่จะไปฟังคำพิพากษา และพร้อมที่จะน้อมรับคำพิพากษาของศาลทุกประการ ไม่เคยคิดหนี ไม่ว่าคำพิพากษาของศาล จะออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ ไม่เหมือนคนบางคนที่ปากบอกว่า รักประเทศไทย แต่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีการต่อรองให้พ้นคดี จากการที่พรรคภูมิใจไทย ออกมาคัดค้านการถวายฎีกา นายเนวิน กล่าวว่า ไม่มี คนที่เอาเรื่องนี้มาพูดถือว่าจิตใจแย่มาก เพราะหน้าที่ของคนไทย ต้องถวายความจงรักภักดี จะต้องปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องใดมาเป็นเงื่อนไข ต่อรองใดๆ ตนว่าคนไทยที่ไม่คิดปกป้องสถาบันของชาติ ก็ไม่ควรเป็นคนไทย
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่า ได้รวบรวมรายชื่อเพื่อถวายฎีกาได้ถึง 5 ล้านชื่อนั้น นายเนวิน กล่าวว่า ตนได้ทดลองโทรศัพท์ไปหาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องที่รู้จัก 100 คน ถามว่าได้ลงชื่อถวายฎีกาไปได้หรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ได้ลงชื่อไปดังนั้น ตนจึงมีความประหลาดใจ ที่มีการระบุว่ารวบรวมชื่อได้ 5 ล้านรายชื่อ
นายเนวิน ยืนยันว่า การถวายฎีกาเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ซึ่งทุกคนก็รับทราบในกระบวนการอยู่แล้วว่า ผู้ที่ยื่นถวายฎีกา จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ดังนั้น ฎีกานี้ไม่ใช่ฎีการ้องทุกข์ แต่เป็นการขอภัยโทษ ซึ่งผู้ขอจะต้องมีคุณสมบัติที่เป็นญาติ และคนใกล้ชิด ขณะที่คนซึ่งเป็นญาติ และผู้ใกล้ชิดอย่าง พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ออกมาบอกว่าไม่ได้เป็นทุกข์กับเรื่องนี้ และไม่ได้ร่วมลงชื่อใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่ทำได้
"คนอย่างนายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษ สมัยที่ติดคุกใน จ.บุรีรัมย์ ก็รู้ดีว่า คุณสมบัติควรเป็นอย่างไร ผมเข้าใจว่า การล่าชื่อ เพียงแค่ต้องการแบ่งแยกประชาชน เพื่อสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูง" นายเนวินกล่าว
**แฉเล่ห์เสื้อแดงล่าชื่อฎีกา
นายประมวล เอมเปีย ส.ส. ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และแม่บ้านผู้สูงอายุ ในจ.ชลบุรี ว่า ได้มีขบวนการกลุ่มเสื้อแดงแอบอ้างเอารายชื่อไปใส่ในบัญชีรายชื่อการถวายฎีกา โดยใช้วิธีการจัดงบให้ทาง อบจ. กว่า 30 ล้านบาท พากลุ่ม อสม. และแม่บ้านผู้สูงอายุ กว่า 10 คันรถ ลงชื่อในการร่วมเดินทางไปเที่ยว จึงเป็นที่น่าสงสัยว่ามีการแอบเอาชื่อของกลุ่ม อสม. และแม่บ้านผู้สูงอายุที่ลงชื่อไปเที่ยวตามที่ อบจ.จัด นำไปลงบัญชีรายชื่อในการถวายฏีกา ซึ่งตนพบว่าพฤติกรรมแบบนี้ เป็นกันทั่วประเทศ เหมือนสมัยที่พรรคไทยรักไทยหาสมาชิกพรรค ดังนั้น การที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่า สามารถหารายชื่อได้กว่า 5 ล้านรายชื่อ นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีถึงขนาดนั้น
นายประมวล กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าขบวนการถวายฎีกาไม่ถูกต้องอยู่แล้ว จึงคิดว่ารายชื่อที่ถวายฎีกา ไม่น่าจะผ่านสำนักราชเลขาฯได้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้กระทรวงมหาดไทย ไปตั้งโต๊ะให้ประชาชนที่ลงชื่อไปแล้วได้ถอนรายชื่อ เพราะเป็นประเด็นที่เปราะบาง อาจจะเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันได้ และอาจส่งผลทำให้สังคมขัดแย้งเข้าไปอีก ทั้งนี้ ที่ จ.ชลบุรี เกิดมีขบวนการข่มขู่ จ่ายเงินให้คนเสื้อแดง ที่ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกา หัวละ 200-300 บาท เอาพวกนักเลงหัวไม้มาบังคับให้เซ็นชื่อ ถ้าไม่เซ็นก็ข่มขู่ว่าลูกหลานจะไม่ปลอดภัย ทำให้บางคนจำยอมต้องเซ็นชื่อ