ASTVผู้จัดการรายวัน - แพทย์ชนบทแฉอีกงบก่อสร้างหอพักพยาบาลก็สูงเกินจริง "วิทยา"ลั่นยังไม่มีการโกงงบไทยเข้มแข็ง 8 หมื่นล. เหตุเบื้องต้นยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณ “มานิต” สั่งคนใกล้ชิด-ทีมงานห้ามยุ่ง ระบุการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจให้รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลไม่จำเป็น ด้าน “อนุพงษ์” ยิ้มร่า ครม.อนุมัติงบผูกพัน 2 พันกว่าล้านให้ซื้อ-ซ่อมเฮลิคอปเตอร์ “เทพ” ร้อนตัวแจงไม่ได้ซื้อใจกองทัพ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้หารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึงการทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2ในส่วนของสธ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ซึ่งระบุราคาต่อเครื่อง 40,000 หมื่นบาทและได้รับการท้วงติงว่าอาจจะแพงเกินความเป็นจริง ซึ่งนายกฯ เข้าใจว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้รายการงานยังไม่มีการดำเนินการจัดซื้อแต่อย่างใด เพราะยังไม่ได้รับงบประมาณ
“ท่านนายกฯถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสธ.ทราบเรื่องหรือไม่ ผมได้ชี้แจงว่าทราบ แต่ทราบจากสื่อมวลชนและใบปลิว เพราะยังไม่มีใครส่งข้อมูลร้องเรียนมาอย่างเป็นทางการ และเดิมทีท่านนายกฯเข้าใจว่าสธ.มีการประมูลเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์แล้ว แต่ผมได้ชี้แจงเพิ่มเติมไปว่าแท้จริงยังไม่มีการดำเนินการ รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อดังกล่าวด้วย เป็นแต่เพียงการตั้งงบประมาณขอจัดซื้อในโครงการไทยเข้มแข็งเท่านั้น ซึ่งท่านนายกฯก็เข้าใจและไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ”นายวิทยากล่าว
**พบทุจริตเครื่องช่วยหายใจไม่เอาไว้แน่
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวเรื่องการล็อกสเปกการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจนั้น ขอชี้แจงว่า การจัดซื้อดังกล่าวไม่ได้เป็นงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดซื้อในโครงการกรณีฉุกเฉินเพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และใช้งบประมาณกลางปี เป็นวงเงิน 331,625,090 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 188 เครื่อง วงเงิน 133,550,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบพบว่ามีการล็อกสเปก หรือทุกจังหวัดจัดซื้อสินค้าจากบริษัทเดียวจะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำทันที” นายวิทยา กล่าว
**แฉงบก่อสร้างหอพักพยาบาลสูงเกินจริง
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทยชนบท กล่าวว่า ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเดินทางเข้าพบคณะกรรมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไทยเข้มแข็งฯ ซึ่งดูเหมือนว่ามีสิ่งผิดปกติหลายจุดด้วยกัน และเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีต้องกล้าตัดสินใจในการทบทวนและชะลอโครงการฯ ออกไป เนื่องจากพบว่ามีเครื่องมือหลายรายการราคากลางที่สูงเกินจริง เช่น การก่อสร้างอาคารหอพยาบาลที่โรงพยาบาลเลย 24 ห้อง ราคาเดิมตั้งไว้ 6.67 ล้านบาท แต่ในโครงการฯ กลับตั้งราคากลางเพิ่มสูงขึ้น 9.57 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มถึง 3 ล้านบาท หรือประมาณ 50%
นอกจากนี้ ครุภัณฑ์หลายรายการยังสูงเกินจริง 20-30% ซึ่งเป็นการสูญเสียงบประมาณหากคิดราคาตามที่ควรจะเป็นจะสามารถประหยัดงบประมาณ ได้ถึง 2-3 พันล้านบาท หรือ กรณีของรถพยาบาลฉุกเฉินเคยซื้อ 1.7 ล้านบาท แต่ครั้งนี้มีการตั้งราคาสูงถึง 1.8 ล้านบาท ดังนั้น เสนอให้มีการตรวจสอบราคาครุภัณฑ์ทั้งหมด และให้มีการปรับลดรายการที่ไม่จำเป็น เพื่อนำมาเพิ่มให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนจริงๆ
**“มานิต” สั่งห้ามคนใกล้ชิดยุ่ง
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ยินดีที่จะให้แพทย์ชนบทดำเนินการตรวจสอบการใช้งบประมาณ และขอย้ำว่างบประมาณในการจัดซื้อและจัดจ้าง โรงพยาบาลทุกแห่งเป็นผู้ขอขึ้นมา ส่วนกลางไม่ได้จัดลงไป เพราะความจำเป็นใช้งานครุภัณฑ์ของโรงพยาบาลแต่ละแห่งแตกต่างกัน
ทั้งนี้ ตนได้กำชับคณะทำงานไม่ให้เข้าไปยุ่งเรื่องการการจัดซื้อครุภัณฑ์และจัดจ้างสิ่งก่อสร้าง จะยุ่งได้เรื่องเดียวเท่านั้น คือ ตรวจสอบว่าคำของบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละจังหวัดมีความเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ และในส่วนการจัดซื้อครุภัณฑ์ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)บางพื้นที่ที่มีการขอจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ ตนได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะตามรายการครุภัณฑ์ 46 รายการที่ควรจะซื้อไม่มีการกำหนดให้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องช่วยหายใจจะต้องอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งรพ.สต.เป็นการรักษาผ่านอินเทอร์เน็ต จึงไม่มีความจำเป็นที่จะจัดซื้อเครื่องมือชนิดนี้
**ครม.ให้ทบ. 2 พันล.ซื้อ-ซ่อมเฮลิคอปเตอร์
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาอากาศยานฝึก โดยการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาจำนวน 16 ลำ ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2555 วงเงิน 1,197,993,366 บาท ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ นอกจากนี้ครม.ยังได้อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไประยะที่ 2 (ทบ.1395) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2554 วงเงิน 980,336,050 บาท
** “เทพ” ร้อนตัวแจงไม่ได้ซื้อใจกองทัพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า อย่าไปกล่าวหาว่ากระทรวงกลาโหมทิ้งทวนของบประมาณฯในการซื้ออาวุธ และยืนยันว่าเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการไม่ใช่การทิ้งทวนใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลก่อนๆ ก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ที่สำคัญคือดิ้ผ่านการกลั่นกรองกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว และงบประมาณฯตรงนี้ก็ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มมาทำในรัฐบาลชุดนี้ แต่ทำต่อเนื่องกันมา 3-4 รัฐบาล
“การตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการเอาใจ มันเป็นสมมุติฐานที่ผิดในการตั้งคำถาม และได้ชี้แจงแล้วว่า รัฐบาลก่อนได้อนุมัติหลักการลงมือซื้อในงวดที่ 1 งวดที่ 2 แล้ว มันยังไม่จบก็ต้องอนุมัติงวดที่ 3 งวดที่ 4 จนจบตามที่ได้ทำโครงการเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาแลกเปลี่ยนหรือมาซื้อใจ” นายสุเทพ กล่าว
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้หารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีที่มีการกล่าวอ้างถึงการทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2ในส่วนของสธ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต(uv fan) ซึ่งระบุราคาต่อเครื่อง 40,000 หมื่นบาทและได้รับการท้วงติงว่าอาจจะแพงเกินความเป็นจริง ซึ่งนายกฯ เข้าใจว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้รายการงานยังไม่มีการดำเนินการจัดซื้อแต่อย่างใด เพราะยังไม่ได้รับงบประมาณ
“ท่านนายกฯถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสธ.ทราบเรื่องหรือไม่ ผมได้ชี้แจงว่าทราบ แต่ทราบจากสื่อมวลชนและใบปลิว เพราะยังไม่มีใครส่งข้อมูลร้องเรียนมาอย่างเป็นทางการ และเดิมทีท่านนายกฯเข้าใจว่าสธ.มีการประมูลเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์แล้ว แต่ผมได้ชี้แจงเพิ่มเติมไปว่าแท้จริงยังไม่มีการดำเนินการ รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อดังกล่าวด้วย เป็นแต่เพียงการตั้งงบประมาณขอจัดซื้อในโครงการไทยเข้มแข็งเท่านั้น ซึ่งท่านนายกฯก็เข้าใจและไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ”นายวิทยากล่าว
**พบทุจริตเครื่องช่วยหายใจไม่เอาไว้แน่
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนกระแสข่าวเรื่องการล็อกสเปกการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจนั้น ขอชี้แจงว่า การจัดซื้อดังกล่าวไม่ได้เป็นงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดซื้อในโครงการกรณีฉุกเฉินเพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และใช้งบประมาณกลางปี เป็นวงเงิน 331,625,090 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 188 เครื่อง วงเงิน 133,550,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบพบว่ามีการล็อกสเปก หรือทุกจังหวัดจัดซื้อสินค้าจากบริษัทเดียวจะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำทันที” นายวิทยา กล่าว
**แฉงบก่อสร้างหอพักพยาบาลสูงเกินจริง
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทยชนบท กล่าวว่า ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเดินทางเข้าพบคณะกรรมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไทยเข้มแข็งฯ ซึ่งดูเหมือนว่ามีสิ่งผิดปกติหลายจุดด้วยกัน และเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีต้องกล้าตัดสินใจในการทบทวนและชะลอโครงการฯ ออกไป เนื่องจากพบว่ามีเครื่องมือหลายรายการราคากลางที่สูงเกินจริง เช่น การก่อสร้างอาคารหอพยาบาลที่โรงพยาบาลเลย 24 ห้อง ราคาเดิมตั้งไว้ 6.67 ล้านบาท แต่ในโครงการฯ กลับตั้งราคากลางเพิ่มสูงขึ้น 9.57 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มถึง 3 ล้านบาท หรือประมาณ 50%
นอกจากนี้ ครุภัณฑ์หลายรายการยังสูงเกินจริง 20-30% ซึ่งเป็นการสูญเสียงบประมาณหากคิดราคาตามที่ควรจะเป็นจะสามารถประหยัดงบประมาณ ได้ถึง 2-3 พันล้านบาท หรือ กรณีของรถพยาบาลฉุกเฉินเคยซื้อ 1.7 ล้านบาท แต่ครั้งนี้มีการตั้งราคาสูงถึง 1.8 ล้านบาท ดังนั้น เสนอให้มีการตรวจสอบราคาครุภัณฑ์ทั้งหมด และให้มีการปรับลดรายการที่ไม่จำเป็น เพื่อนำมาเพิ่มให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนจริงๆ
**“มานิต” สั่งห้ามคนใกล้ชิดยุ่ง
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ยินดีที่จะให้แพทย์ชนบทดำเนินการตรวจสอบการใช้งบประมาณ และขอย้ำว่างบประมาณในการจัดซื้อและจัดจ้าง โรงพยาบาลทุกแห่งเป็นผู้ขอขึ้นมา ส่วนกลางไม่ได้จัดลงไป เพราะความจำเป็นใช้งานครุภัณฑ์ของโรงพยาบาลแต่ละแห่งแตกต่างกัน
ทั้งนี้ ตนได้กำชับคณะทำงานไม่ให้เข้าไปยุ่งเรื่องการการจัดซื้อครุภัณฑ์และจัดจ้างสิ่งก่อสร้าง จะยุ่งได้เรื่องเดียวเท่านั้น คือ ตรวจสอบว่าคำของบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละจังหวัดมีความเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ และในส่วนการจัดซื้อครุภัณฑ์ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)บางพื้นที่ที่มีการขอจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ ตนได้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะตามรายการครุภัณฑ์ 46 รายการที่ควรจะซื้อไม่มีการกำหนดให้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องช่วยหายใจจะต้องอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งรพ.สต.เป็นการรักษาผ่านอินเทอร์เน็ต จึงไม่มีความจำเป็นที่จะจัดซื้อเครื่องมือชนิดนี้
**ครม.ให้ทบ. 2 พันล.ซื้อ-ซ่อมเฮลิคอปเตอร์
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาอากาศยานฝึก โดยการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาจำนวน 16 ลำ ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2555 วงเงิน 1,197,993,366 บาท ตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ นอกจากนี้ครม.ยังได้อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไประยะที่ 2 (ทบ.1395) ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2554 วงเงิน 980,336,050 บาท
** “เทพ” ร้อนตัวแจงไม่ได้ซื้อใจกองทัพ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า อย่าไปกล่าวหาว่ากระทรวงกลาโหมทิ้งทวนของบประมาณฯในการซื้ออาวุธ และยืนยันว่าเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการไม่ใช่การทิ้งทวนใดๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลก่อนๆ ก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ที่สำคัญคือดิ้ผ่านการกลั่นกรองกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว และงบประมาณฯตรงนี้ก็ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มมาทำในรัฐบาลชุดนี้ แต่ทำต่อเนื่องกันมา 3-4 รัฐบาล
“การตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการเอาใจ มันเป็นสมมุติฐานที่ผิดในการตั้งคำถาม และได้ชี้แจงแล้วว่า รัฐบาลก่อนได้อนุมัติหลักการลงมือซื้อในงวดที่ 1 งวดที่ 2 แล้ว มันยังไม่จบก็ต้องอนุมัติงวดที่ 3 งวดที่ 4 จนจบตามที่ได้ทำโครงการเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาแลกเปลี่ยนหรือมาซื้อใจ” นายสุเทพ กล่าว