“วิทยา” สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจัดซื้อ-จัดจ้าง “งบไทยเข้มแข็ง” 4 ชุด เชิญผู้แทนโรงพยาบาลศูนย์-แพทย์ชนบท ร่วมสืบข้อมูล เชื่อคณะกรรมการทำงานเชิงรุกเหมือนหน่วยทะลวงฟัน รู้ผลเร็วไม่อืดอาด
พญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัด สธ. กล่าวภายหลังการประชุมได้ประชุมร่วมกับนพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง สธ. ว่า ได้หารือถึงแนวทางการดำเนินการตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) หรือเอสพี 2 โดยทราบว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงสเปกครุภัณฑ์เพื่อให้เกิดความโปร่งใสนั้น ข้อเท็จจริงแล้ว สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ.ได้ร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ อีกรวม 4 ชุด เพื่อมาตรวจสอบและกำกับการดำเนินการจัดซื้อภายใต้โครงการดังกล่าวอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด ซึ่งได้ทำหนังสือบันทึกข้อความส่งให้นายวิทยา รับทราบตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่มีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งแต่อย่างใด
พญ.ศิริพร กล่าวต่อว่า สำหรับคณะกรรมการที่เสนอให้แต่งตั้งนั้น ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน รองประธาน และกรรมการ เป็นผู้บริการระดับสูงของสธ. ทั้งสิ้น อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัด รองปลัด อธิบดีกรมต่างๆ ผู้ตรวจราชการ เป็นต้น รวมทั้งสิ้น 21 คน
พญ.ศิริพร กล่าวว่า ส่วนคณะอนุกรรมการมีอีก 3 ชุด คือ 1.คณะอนุกรรมการกำกับติดตามผลการดำเนินงาน มีหน้าที่ติดตามปัญหาอุปสรรคและแก้ปัญหา พร้อมติดตามความก้าวหน้าการเบิกจ่ายเงินลงทุน 2.คณะอนุกรรมการเร่งรัดจัดทำแบบแปลนก่อสร้าง มีหน้าที่จัดทำแบบแปลนงานก่อสร้างโรงพยาบาลต่างๆ และ 3.คณะอนุกรรมการเร่งรัดการจัดทำคุณลักษณะของครุภัณฑ์การแพทย์ มีหน้าที่ให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาในการจัดทำสเปกของครุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยคณะอนุกรรมการทุกชุด มีรองปลัด สธ.ด้านต่างๆ เป็นประธาน และมีกรรมการเป็นผู้อำนวยการต่างๆ ในส่วนสำนักปลัด สธ.และมี นพ.สุชาติ เลาหบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) เป็นอนุกรรมการและเลขานุการของคณะอนุกรรมการทุกชุด
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) หรือเอสพี 2 ที่ พญ.ศิริพร เสนอแล้ว โดยเป็นการแต่งตั้งคณะกรรมการตามตำแหน่ง ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงานอย่างมาก เนื่องจากการมีคณะกรรมการจำนวนมากและเป็นผู้บริหารระดับสูงเป็นส่วนใหญ่ การประชุมปรึกษาหารือการทำงานจะเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก เมื่อรวมแล้วจะคณะกรมการตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งสิ้น 6 ชุด ด้วยกัน
“คณะกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์และการใช้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งโดยภาพรวม จะต้องเป็นคณะกรรมการที่มีเพียง 6-7 คน และจะต้องเชิญผู้แทนจากโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและแพทย์ชนบทเข้าร่วมด้วย โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่เชิงรุกเหมือนหน่วยทะลวงฟันที่เข้าสืบเสาะข้อมูล ข้อเท็จจริง ตามที่มีการร้องเรียนได้อย่างรวดเร็วไม่อืดอาดชักช้า ส่วนคณะกรรมการตามตำแหน่งก็จะตั้งแล้วให้ทำหน้าที่ตามบทบาทไป” นายวิทยา กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลบางแห่งใช้งบฯบำรุงของโรงพยาบาลสำรองจัดซื้อเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต หรือ ยูวี แฟนไปก่อนที่จะได้รับการจัดสรรงบไทยเข้มแข็ง จะดำเนินการอย่างไร นายวิทยา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดดำเนินการเช่นนี้ และอยากถามว่าดำเนินการจัดซื้อหรือทำสัญญาซื้อไปก่อนแล้ว หาก สธ.ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้จะทำเช่นไร
“การให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งดำเนินการกำหนดสเปกและจัดซื้อเอง เพราะโดยปกติโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง มีการจัดซื้อทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่กลัวว่าจะมีการโกงกันจนทำให้ไม่ต้องซื้ออะไรเลยหรือ ดังนั้น คงต้องไว้ใจโรงพยาบาล ให้บริหารจัดซื้อครุภัณฑ์ได้ด้วยตนเอง เพราะหากโรงพยาบาลดำเนินการเองไม่ได้ การจัดซื้อของโรงพยาบาลที่ผ่านมาคงล้มเหลวแล้ว” นายวิทยา กล่าว