xs
xsm
sm
md
lg

ปูดแผนทักษิณล้มรัฐบาลจ่อชายแดนสั่งการเผด็จศึกก่อนตุลาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (8 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความลงบนเวปไซด์ twitter.com ถึงกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านทางเวปไซด์ www.twitter.com เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า โดยมีใจความว่า ผมได้อ่านการสัมภาษณ์ผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อคืนนี้แล้ว ทำไมผมจึงไม่อยากจะคุยกับคุณอภิสิทธิ์ แต่ผมก็เห็นใจคุณอภิสิทธิ์ เพราะปัญหารอบตัวเยอะเหลือเกิน ผมรอได้ครับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พร้อมจะคุยกับนายกรัฐมนตรีว่า ตนปิดทวิตเตอร์ไปเมื่อคืน( 7 ก.ย.) ไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการสั่งตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรอบทำเนียบฯ เนื่องจากมีข่าวว่ามือที่สามเตรียมป่วนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามต่อว่า การตัดสินคดี 7 ตุลาฯ ของป.ป.ช.จะมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 19 ก.ย.หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประเมินการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มเสื้อแดง ว่า ต้องจับตาในช่วงเดือนก.ย.และต.ค.จะเป็นช่วงที่อ่อนไหวที่สุด จากประวัติศาสตร์แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกันในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งจะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ เป็นช่วงที่งบประมาณเริ่มไหลลงพื้นที่จะเกิดแรงกระเพื่อมสูง
รวมทั้งกลุ่มองค์กรภาคประชาชนทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง รวมทั้งกลุ่มคนเดือนตุลาจะมีกิจกรรมเคลื่อนไหวกันมาก ขณะที่รัฐบาลเอง เมื่อผ่านการ บริหารงานหลายเดือนความแตกต่างทางความคิดก็จะเริ่มมีมากขึ้น กลุ่มเสื้อแดงก็จะใช้จังหวะนี้สร้างความรุนแรง อาจจะล้มประชุมผู้นำกลุ่าประเทศอาเซียนเพราะคิดว่าครั้งที่แล้วทำสำเร็จ ครั้งนี้ก็ทำได้

ปูดเสื้อแดงระดมหลายหมื่นม็อบ19ก.ย.
รัฐบาลได้รับข่าวว่าในวันที่ 19 ก.ย.จะมีการระดมผู้มาชุมนุมหลายหมื่นคน จากหลากหลายกลุ่มทั่วประเทศ ส่วนจะเคลื่อนไหวอย่างไรจะรู้ได้ล่วงหน้าก่อน 2 สัปดาห์ แต่รัฐบาลได้วางมาตรการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเพิ่มกำลังทหารในการดูแล ทำเนียบรัฐบาลจาก 1 กองร้อย เป็น 3 กองร้อย และใช้แผนปฎิบัติการที่เคยเตรียมไว้ ในวันที่ 30 ส.ค.มาใช้รับมือกลุ่มผู้ชุมนุม
นายปณิธาน กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจดีว่ารัฐบาลอ่อนไหวมากในช่วงนี้ เขาจึงพยายามสร้างแรงกระเพื่อมระดับสูง เห็นได้จากการใช้สื่อสมัยใหม่อย่าง ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค หรือแทรกตัวเข้ามาในสื่อรัฐ ก็เป็นความตั้งใจที่จะจุดกระแสโจมตีรัฐบาล เพื่อเผด็จศึกในช่วงนี้ เพราะถ้าผ่านเดือนก.ย.และต.ค.ไป บรรยากาศของประเทศจะเปลี่ยนไป เพราะเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นอยู่ในช่วง ตัววี ขาขึ้น ขณะที่ประชาชน ก็เข้าสู่เทศกาลฉลอง ท่องเที่ยวในช่วงปลายปีไม่มีใครสนใจการเมือง ขณะที่กระแสยุบสภาก็ปลุกไม่ขึ้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง ประชาชนก็ไม่ต้องการเลือกตั้งใหม่
ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะเปิดการเจรจานั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการเดินยุทธวิธีที่หลากหลายของ พ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการจะเจรจามี 2 ข้อเท่านั้นก็คือคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท คดีของคนในครอบครัว แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องยากที่จะเจรจา เพราะนายกฯก็ย้ำหลายครั้งว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องกลับมารับโทษ หรือมีแนวโน้มว่าจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมก่อน ประตูการเจรจาจึงจะถูกเปิดออก

จับตาแม้วเคลื่อนไหวชายแดน
ในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อดีตผู้นำก็ต้องเข้ารับโทษก่อนแล้วหลังจากนั้นจะมีการกระบวนการสื่อสารเพื่อเปลี่ยนแปลงโทษได้ เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ใดๆ เลยก็ยาก คุณทักษิณ อยากจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง อยากจะเอาทุกอย่าง โดยที่ไม่เสียอะไรเลย เหมือนสมัยที่เป็นนายกฯซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะวันนี้คุณทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ หากยังยื้ออยู่แบบนี้ แล้วโค่นล้มรัฐบาลไม่ได้ในช่วงต.ค. โอกาสของเขาจะน้อยลงมาก เพราะสภาพเศรษฐกิจสังคมจะเปลี่ยนแปลงไป ในทางที่ดีขึ้น เขาก็จะกลายเป็นอดีตนายกฯคนหนึ่งที่ร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศและเคลื่อนไหวทางการเมืองลำบากมากขึ้น หลังจากนี้ยุทธวิธีของเขาอาจจะปรับมาเคลื่อนไหวตามชายแดน เพื่อให้ใกล้ประเทศไทยมากขึ้นเพื่อกระตุ้นมวลชนในประเทศ โดยพร้อมที่จะเข้าประเทศไทยได้ทุกเมื่อ
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเจาะเข้ามาที่สื่อของรัฐ ทั้งที่รัฐเป็นเจ้าของ เครือข่ายนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลนี้เปิดกว้างให้กับคน ทุกกลุ่มได้แสดงความคิดเห็น แบบไม่มีการปิดกั้น อย่างไรก็ตามก็มีคำถามตามมาว่า คนที่มีคดีติดตัวนั้นมีสิทธิจะเข้าถึงสื่อของรัฐได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับที่นายจอม เพ็ชรประดับ ประกาศยุติการทำรายการก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ลงไป ไม่ใช่เกิดจากการกดดันหรือแทรกแซงจากรัฐบาลแต่อย่างใด แต่หลังจากนี้ก็เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะมีเทคนิคใหม่ๆในการสื่อสารกับประชาชน เพราะมีคนที่แนะนำให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้สื่อใหม่จำนวนมาก

สาทิตย์ พอใจอสมทจัดการจอม
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายจอม เพชรประดับ ขอรับผิดชอบด้วยการไม่จัดรายการทางวิทยุของ อสมท จากกรณีการสัมภาษณ์พล.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านสื่อของรัฐว่า ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวใน อสมท เป็นผู้จัดการเอง เท่าที่ อสมท ดำเนินการก็ถือว่า น่าพอใจ เพราะอสมท ก็เป็นองค์กรวิชาชีพสื่อที่เป็นมืออาชีพ และมีความเป็นอิสระ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอย่างไร แต่ อสมทในฐานะที่ใช้คลื่นความถี่ ที่เป็นสาธารณะก็ต้องมีสำนึกความรับผิดชอบ ต่อสาธารณะ ดังนั้นการที่ นายจอม ลาออกก็ถือเป็นข้อตกลงภายใน อสมท
อย่างไรก็ตามทาง อสมท ก็ยืนยันว่า จะมีมาตรการป้องกัน ไม่ให้เหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ใครก็ตามที่เป็นการให้ร้ายต่อกระบวนการยุติธรรม ให้ร้ายสถาบัน ให้ร้ายองคมนตรี หรือเป็นการให้ร้ายประเทศไทย ผ่านทางรายการ อสมท ที่เป็นคลื่นความถี่ของรัฐ ตนก็เห็นด้วย
รัฐบาล ยืนยันว่า ให้เสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อ ถ้าจะสัมภาษณ์ การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน หรือแม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอย่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือนายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ได้ แต่กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากมีสถานะที่แตกต่างจากนักการเมืองปกติ ที่อยู่ในประเทศไทย เป็นนักโทษที่หลบหนีอาญาแผ่นดิน และมีหมายติดตามตัวอยู่ และคำที่ใช้ก็ให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม ให้ร้ายประเทศไทยตลอด ดังนั้นจะให้เหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ และถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อื่นอีก แต่ละส่วนที่รับผิดชอบ ก็ต้องไปดำเนินการ

ย้ำรัฐบาลไม่เคยแทรกแซงสื่อ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณโพสข้อความในทวิสเตอร์ว่า การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาล เป็นการแทรกแซงสื่อนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ความจริงในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ มีการ แทรกแซงสิทธิเสรีภาพของสื่อสูงสุด นับแต่เคยมีมา นับแต่เคยมีมาในยุคเผด็จการ ของไทย
ในทำเนียบฯเองเท่าที่ผมจำได้ก็เคยมีการสวมเสื้อต่อต้านการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อ แต่ในยุคนี้รัฐบาลทำงานมา 8 เดือนไม่มีการย้ายผู้สื่อข่าวปากกล้า ที่ถามนายกฯคนใดออกจากทำเนียบฯแม้แต่คนเดียว รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพ อย่างเต็มที่ ซึ่งการถามนายกฯ หลายครั้งก็มีคำถามแรงๆ แต่เราก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถสอบถามได้ รัฐบาลไม่มีความพยายามแม้แต่จะเข้าไปซื้อสื่อเหมือนกับยุคคุณทักษิณ หรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ซึ่งในส่วนของสื่อก็พบว่า มีการโยงใยกับพ.ต.ท.ทักษิณจริง แต่ตราบใดยังไม่ผิดกฎหมายก็ไม่เป็นไร ที่สุดแล้ว เรื่องของสื่อรัฐธรรมนูญรับรองอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดอยู่ที่สำนึกความรับผิดชอบ
ต่อข้อถามว่ากังวลหรือไม่เรื่องนี้จะกลายเป็นชนวนเหตุให้กลุ่มเสื้อแดง นำไปกล่าวอ้างได้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าความพยายามที่นำ พ.ต.ท.ทักษิณ มาออกรายการ อสมท ได้ ก็เป็นความพยายามที่จะรองรับการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. อยู่แล้ว เพราะกลุ่มเสื้อแดงได้ประกาศอยู่แล้วว่า วันที่ 19 ก.ย.จะต้องพิชิตให้ได้ ฉะนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าเงื่อนไขตรงนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เพราะสังคมไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายเหมือนช่วง วันสงกรานต์ที่ผ่านมา ดังนั้นการดำเนินการของ อสมท ครั้งนี้จึงเหมือนกับเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม

พท.เตรียมยื่นถอดถอนสาทิตย์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า การทำหน้าที่ควบคุมดูแลสื่อ ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย มองว่าไม่ใช่การแทรกแซงแต่เป็นการรุมโทรมสื่ออย่างน่าเกลียดที่สุด หากพบว่า สื่อของรัฐจะนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะไม่ให้ออกอากาศ ในขณะที่สีอื่นๆไม่ว่าเหลือง น้ำเงิน ถึงจะปากจัด ไม่เป็นกลาง ก็สามารถออกอากาศในสื่อของรัฐได้ใช่หรือไม่
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นถอดถอนนายสาทิตย์ ออกจากตำแหน่งต่อ กกต. และป.ป.ช.ฐานละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 45 และ 46 ที่ให้สิทธิเสรีภาพสื่อในการนำเสนอข่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น