ASTVผู้จัดการรายวัน - ตำรวจคาดผลตรวจฮาร์ดิสก์ 11 พนักงานเอสซี แอสเซทฯ หาต้นต่อคลิปตัดต่อเสียงนายกฯ 1 สัปดาห์รู้ผล สั่งผบ.ภ.4 สอบพีทีวี-วิทยุชมชนคนรักอุดรเผยแพร่คลิป “สาทิตย์”ข้องใจ พท.และเสื้อแดงเห็นตรงกันเรื่องคลิปฉาวไม่ได้ตัดต่อแต่ถูกปล่อยมาจากกองทัพที่ไม่พอใจ “อภิสิทธิ์” สั่งช่อง 11 จัดรายการแจงข้อเท็จจริงในการตัดต่อ “เทพไท” ท้าเป็ดเหลิม เปิดคลิปทหาร เชื่อแค่เรื่องโม้ ด้าน “นช.แม้ว” ร้อนตัวออกแถลงการณ์ปฏิเสธมีเอี่ยวคลิป โยนบาป 4 กลุ่มทำลายบ้านเมือง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวน สอบสวนคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล,กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(สทส.) ,กองบังคับการปราบปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้แบ่งการทำงาน ออกเป็น 2 ส่วน คือ การตรวจสอบอีเมล์ของผู้เกี่ยวข้องกับการฟอร์เวิร์ดเมล์ ซึ่งพบว่า มีการส่งต่อไปกว่า 200 คน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะต้องเรียกบุคคลเหล่านี้ เข้ามาให้ปากคำ ซึ่งในส่วนนี้กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.)เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง ล่าสุดทาง บก.ป.ได้ไปตรวจค้นที่บริษัทแล้ว และจับกุมผู้กระทำผิดเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวมาสองคน มีการขยายผลโดยการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง โดยการโคลนนิ่งฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ 11 เครื่อง เป็นของผู้กระทำผิด 2 เครื่อง และ ผู้ที่เกี่ยวข้องในบริษัท 6 เครื่อง และเครื่องส่วนตัว 3 เครื่อง ซึ่งจะให้ทางศูนย์คอมพิวเตอร์ของ ตร. เข้าไปช่วยในการตรวจสอบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนที่สอง จะตรวจสอบการเผยแพร่คลิปเสียงที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านทางคลื่นวิทยุชุมชนคนรักอุดร ของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งมีการเชื่อมโยงสัญญาณจากพีทีวี มาออกอากาศ ซึ่งตรงนี้จะให้ บช.ภ. 4 เป็นผู้ดำเนินการว่า มีการนำไปเผยแพร่อีกหรือไม่ นอกจากนี้ได้มอบหมาย พฐ.ร่วมกับ บช.ก. ช่วยกันดูรายละเอียดว่าคลิปเสียงมีการตัดต่อมาจากที่ใดบ้าง เบื้องต้นพบว่า มีที่มาจากรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ และตรวจสอบซีดี ที่มีการแจกจ่ายไปตามที่ต่าง ๆ โดยให้เจ้าหน้าที่นำซีดีมาตรวจพิสูจน์ว่า มาจากคอมพิวเตอร์เครื่องใด เพื่อที่จะสาวไปหาต้นตอของการเผยแพร่และตัดต่อ
***เรียก “ขวัญชัย” แกนนำแก๊งแดงสอบ
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนเตรียมเชิญนายขวัญชัย และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี มาสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ คลิปเสียงดังกล่าวหรือไม่ สำหรับนายขวัญชัย มีความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท ถือเป็นความผิดส่วนตัว ขึ้นอยู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่ ส่วนความผิดทางคอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ ได้มอบหมายให้ ทาง บช.ภ. 4 รวบรวมหลักฐานมาใหม่ เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่สมบูรณ์ และให้ทาง สทส.ช่วยทำการตรวจสอบด้วย เนื่องจากมีความชำนาญด้านความผิดทาง คอมพิวเตอร์
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวถึงกรณีที่พนักงานบริษัท เอสซีแอสเซ็ทฯ อ้างว่า ได้รับซีดี มาจากผู้หญิงคนหนึ่งจากวินรถตู้ย่านห้าแยกปากเกร็ดว่า ให้เจ้าหน้าที่ไปดูกล้อง วงจรปิดบริเวณดังกล่าวว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นใครแต่ไม่พบภาพ และพยานที่เป็นวิน รถจักรยานยนต์รับจ้าง ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าไหรนัก แต่เราก็ต้องพิสูจน์ต่อไปว่า เป็นการกล่าวอ้างหรือเป็นเรื่องจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนจงใจที่จะไปตรวจสอบบริษัท เอสซีแอสแซสฯ หรือไม่ พล.ต.ท.สถาพร กล่าวว่า เป็นเรื่องของ บช.ก.ที่ไปดำเนินการก่อนหน้านี้ ก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับหน้าที่เป็น หัวหน้าพนักงานสอบสวนซึ่งก็ทราบมาว่า ทางนายเวรของ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ก. ได้รับอีเมล์ไฟล์เสียงดังกล่าว ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ออกไป ซึ่ง ผบช.ก.ได้สั่งให้ไปตรวจสอบและจากการสืบสวน สอบสวนพบข้อมูลเชื่อมโยงกับการจับกุมพนักงานเอสซีแอสเซ็ทญ ซึ่งทางตำรวจ ไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือจงใจที่จะมุ่งไปบริษัทดังกล่าว
ผมเองก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดำเนินการตามกฎหมาย ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เพื่อจะให้เกิดความสงบสุขอย่างแท้จริง หากประชาชนคนใดมีข้อมูลให้แจ้งมาที่ผม เองได้ และขอเตือนว่าประชาชนที่ได้รับฟอร์เวอร์ดเมล์อย่าส่งต่อเพราะเป็นความผิดทาง คอมพิวเตอร์
***ผิดส่วนตัวไม่เกี่ยว บ.เอสซีแอสเสท
พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. เปิดเผยหลังประชุมคณะพนักงานสืบสวน สอบสวนที่กองปราบปราม ว่าในส่วนกรณีของนายสมศักดิ์ แซ่อึง และน.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัท เอสซีแอสเสทฯ ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และยังไม่มีการพิจารณาออกหมายเรียกใครเพิ่มเติม นอกจากนี้ แนวการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นพบว่าคดีนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับบริษัท เอสซี แอสเสทฯ แต่เป็นเรื่องความผิดส่วนตัวของพนักงาน
อย่างไรก็ดี ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ใน อ.ปากเกร็ด เพิ่มเสาะหาพยานยืนยันเพิ่มเติมว่ามีการแจกจ่ายแผ่นซีดีคลิปเสียงในวันดังกล่าวจริงหรือไม่
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้บริหารบริษัท เอสซี แอสเสทฯ ขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่พาดพิงและนำชื่อบริษัทฯ ไปเกี่ยวข้องกับกรณีการตัดต่อคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีว่า ทางตำรวจดำเนินการทุกขั้นตอน อย่างรอบคอบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงไม่รู้สึกวิตกกังวลแต่อย่างใด
***ดีเอสไอได้รับข้อมูลร่วมสอบ
ทางด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีคลิปตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า นางระนองลักษณ์ สุวรรณฉวี รมว.ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลผลการสอบสวนของคลิปดังกล่าวมาให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 24 แผ่น ลงวันที่ 1 ส.ค.52 เพื่อสอบสวนต่อ เนื่องจากทางดีเอสไอมีสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเบื้องต้นดีเอสไอจะประสานกับอีกหลายหน่วยงาน เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
***ข้องใจพท.-แก๊งเสื้อเห็นตรงกัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว วานนี้ (2 กซย.) ถึง คลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พรรคเพื่อไทย เสนอขอให้มีการ นำมาเปิดในสภาผู้แทนราษฎร ว่าเรื่องคลิปตัดต่อมีอยู่หลายประเด็น คือ 1.เรื่องการดำเนินดคี ขณะนี้มีการดำเนินการกับบางบริษัทไปแล้ว ซึ่งทางกระทรวง ไอซีที เป็นผู้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ก็มีการขยายผลต่อไป
2.กรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เปิดต้นฉบับ ความจริงแล้วการตัดต่อจาก รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ นั้นก็สามารถไปเปิดดูได้จาก เว็บไซด์ของกรมประชาสัมพันธ์ได้ ทั้งนี้ตนเองก็ได้ขอให้ ช่อง 11 ได้จัดรายการขึ้นมา เพื่อนำเอาเสียงในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยฯ มาเปิดให้ดูว่าในส่วนที่มีการตัดต่อเป็นอย่างไร และวันนี้จะทำเอกสารสรุปข้อความเต็มที่กล่าวถึงเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการดำเนินการอย่างที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหาหรือไม่ และตนสามารถยืนยันได้ว่า การสั่งการที่ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ตลอดเวลา ไม่มีการสั่งการอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหา
“ผมรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมคนเสื้อแดงกับส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงออกมายืนยันว่า คลิปเสียงนี้มีการตัดต่อจริง แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือ ทำไมคุณเฉลิม จึงยืนยันว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีอยู่จริง และพยายามตั้งข้อสังเกตว่าเสียงแบล็กกราวด์มันเงียบ ทั้งๆ ที่รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยฯ จัดขึ้นในห้องส่ง ในสถานที่ที่เงียบ และเป็นเรื่อง ที่ใช้โปรแกรมปกติธรรมดาอยู่แล้ว ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้น่าจะมีประเด็นทางการเมืองอะไรภายในพรรคเพื่อไทยกันเอง ที่คุณเฉลิมออกมาเปิดเรื่องคลิปนี้ ทั้งๆที่รู้ว่า ถ้าเป็นการใส่ร้ายพรรคการเมือง โอกาสถูกฟ้องจะมีสูง แต่คุณเฉลิม ซึ่งเป็นประธาน ส.ส. ออกมาขับเคลื่อนเรื่องนี้จนผิดปกติ ทั้งที่เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
ส่วนจะมีการดำเนินการให้ยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลานี้ คงต้องให้เจ้าหน้าที่ไอซีทีได้ตรวจสอบในขั้นตอนแรกก่อน แต่สำหรับรัฐบาล เรื่องคลิปเสียงนี้จบไปแล้วเพราะได้ผ่ายนการพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง จึงไม่อยากตอบโต้ เพราะรัฐบาลมีงานใหญ่ ต้องทำ เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโครงการไทยเข้มแข็งที่เมืองทองธานี ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ซึ่งโครงการนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคี เพราะประเทศจะเข้มแข็งได้คนไทย ต้องสามัคคี รัฐบาลต้องการทำให้เดือนกันยายน และตุลาคม เกิดความสามัคคีขึ้น ในบ้านเมือง เพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในช่วงนี้จะมีความร้อนแรงเกิดขึ้น
***วิปรัฐบาลเตือน “เฉลิม” อย่าริเปิดคลิปฉาว
นายชินวรณ์ บุณเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวเรียกร้องให้ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง อย่านำเรื่องคลิปเสียงตัดต่อมาอภิปรายในสภาอีก เนื่องจากเรื่องดังกล่าว อยู่ในกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ประกอบกับเป็นที่ทราบกันดีว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายมีการตัดต่อจึงมีโอกาสที่จะหมิ่นเหม่ต่อการผิด กฏหมายความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ โดยหากฝ่ายค้าน นำเรื่องนี้มาอภิปรายอีกฝ่ายรัฐบาลคงไม่ยอม
ส่วนหาก ร.ต.อ.เฉลิม จะตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับคลิปตัดต่อเสียงนายกรัฐมนตรีนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะมาชี้แจง อย่างไรก็ดีตนอยากให้การยื่นกระทู้สดเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ การมาตอกย้ำในเรื่องที่ประชาชนเข้าใจสับสนเป็นสิ่งที่ไม่ควร ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทยจึงควรทบทวนเรื่องนี้ แต่หากร.ต.อ.เฉลิมจะพยายามนำคลิปเสียง มาเปิดประธานรัฐสภาสามารถใช้อำนาจตามข้อบังคับที่จะสั่งไม่ให้นำข้อมูล ที่ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นจริงได้มาใช้ โดยหากฝ่ายค้านพยายามเล่นการเมือง ให้สอดรับกับการเคลื่อนไหวนอกสภาถือเป็นเรื่องที่สมาชิกไม่ยอมรับอยู่แล้ว
***เทพไทท้าเหลิมเปิดเทปทหาร
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าขณะนี้ยังมีการพูดคุยถึงคลิปเสียงตัดต่อของนายกฯอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสังคมเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว แต่มีเพียงคนบางกลุ่มไม่เข้าใจ โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม จะเปิดคลิปเสียงตัดต่อนายกฯในสภาฯ โดยใช้เอกสิทธิ์ คิดว่าเป็นการฉวยโอกาสและเป็นลูกไม้เก่าๆ ทั้งนี้การเปิดคลิปเสียงตัดต่อนายกฯเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังพิจารณากันว่าการเปิดคลิปอันเป็นเท็จในสภา เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่
“คุณเฉลิม จะต้องเปิดคลิปเสียงที่อ้างว่าเอามาจากทหาร แล้วใส่ร้ายว่าทหาร ไม่พอใจที่ถูกนายอภิสิทธิ์ หักหลัง ขอยืนยันว่านายกฯไม่เคยหักหลังใคร อยากให้ไปดู ว่าที่ผ่านมานายกฯเคยหักหลังใครหรือไม่ อยากถามกลับว่าแล้วร.ต.อ.เฉลิม เคยลืมบุญคุณใครหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนอยู่ตรงนี้ได้ แล้วอย่างนี้เรียกว่าลืมบุญคุณหรือไม่”
นายเทพไท กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเทปของจริงอยู่แล้ว แกะเทปเรียบร้อย แต่อยากให้ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยคลิปที่อ้างว่าเอามาจากทหารนำมาเปิดเผย และบอกด้วยว่าตัดต่อตรงไหนบ้าง ดีกว่าจะมาพูดสร้างโวหารอย่างเดียวซึ่งเป็นลักษณะของคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญความจริง
เปิดเหลิมยันตั้งกระทู้สดถามนายกฯแน่
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ในการประชุมสภาฯ วันนี้ (3 ส.ค.) นี้ จะยื่นกระทู้สดถามนายอภิสิทธิ์์เกี่ยวกับการเผยแพร่ คลิปเสียงอย่างแน่นอน และแม้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะไม่อนุญาตให้เปิดคลิปเสียงก็ตามตนก็พร้อมที่จะอภิปรายโดยที่ไม่มีการเปิดคลิปก็ได้ เพื่อจะชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในคลิปเสียงดังกล่าว และแม้จะมีการระบุว่า หากมีการเปิดคลิปเสียงดังกล่าวอาจจะผิดกฎหมายนั้น ตนก็พร้อมรับผิดชอบ ในสิ่งที่ได้อภิปรายไปทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะดำเนินการกับพรรคเพื่อไทยถึงขั้นยุบพรรคจากกรณีของคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีเพราะอาจเข้าข่ายเป็นการใส่ร้าย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะมายุบพรรคได้อย่างไร พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการตัดต่อ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าบริษัท เอสซี แอสเสทฯ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นก็ไม่จริง เป็นเรื่องของพนักงานบริษัทเท่านั้น บุคลิกอย่างนายอภิสิทธิ์มันป้อแป้เกินไปที่จะมาฟ้องคนอย่างตน อย่างนายอภิสิทธิ์เหมาะกับการไปนั่งปาฐกถา ตัดริบบิ้น ถ่ายแบบ และเล่นละคร ดูเวลาดารามาติดดอกไม้ นายกรัฐมนตรีมักจะยิ้มแย้มตลอด ถ้าจะถ่ายละครก็เหมาะเล่นเป็นพระเอก
***ทวงบุญคุณปชป.เป็นคนขอที่ทำพรรค
ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคประช าธิปัตย์เคยให้ชีวิตทางการเมืองอย่าลืมบุญคุณนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อยากจะแนะนำพวกบรรดาโฆษกของประชาธิปัตย์ว่า จะเล่นการเมืองต้องเล่นแบบ ค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น คนพวกนี้ยังห่างไกลกับตนอีกมาก ตนไม่ได้โอ้อวดว่าเก่งกว่า แต่อยากจะบอกว่าตนเหนือกว่าพวกนั้นเยอะ
อยากให้คนพวกนั้นไปย้อนดูว่า ที่ทำการพรรคที่ทำให้พวกนั้นมีที่นั่งอยู่นี้มาได้อย่างไร จะบอกให้ว่าตอนที่ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ผมกับท่านพิชัย รัตตกุล ได้ปรึกษากับท่านเล็ก นานา เพื่อขอที่บริเวณนั้นมาทำที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน และตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เหลือส.ส.กทม.เพียงคนเดียว เวลาปราศรัยผมก็เป็นคนนำ แม้วันนี้ผมจะออกมาแล้วแต่เวลาผมเจอหน้าท่านชวน หลีกภัย และท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ผมก็ยังยกมือไหว้ด้วยความเคารพตลอดเวลา
***นช.แม้วร้อนตัวปัดเอี่ยวคลิปมาร์ค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ผ่านทางนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายว่า ในขณะนี้ทางนายกรัฐมนตรี และฝ่ายรัฐบาลได้แถลงต่อประชาชนไปในทำนองที่ว่าผมมีส่วนในการทำคลิปเสียง นายกฯ ตามที่มีการแพร่ในสื่อต่างๆในขณะนี้ ผมขอเรียนว่า ผมอยู่ต่างประเทศ ได้ใช้เวลากับการเดินทางไปเยี่ยมประมุขของรัฐและผู้นำของรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาความยากจนโดยน้อมนำและเผยแพร่โครงการพระราชดำริและแนวคิดเกษตรทฤษฏีใหม่ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อประเทศต่างๆ
ในขณะเดียวกันผมได้หาโอกาสทางการค้าและการลงทุน ขณะนี้ผมและเพื่อนๆ ได้ลงทุนในหลายกิจการ เช่น เหมืองทอง เหมืองเพชร เป็นต้น ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยสิ้นเชิงเพราะผมไม่มีเวลาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ผมจัดลำดับความเร่งด่วนในชีวิตผมได้ และผมรู้สึกแปลกใจที่นายกฯและรัฐบาลพยายามจัดการ จับกุมบุคคลที่รัฐบาลสงสัยและประโคมข่าวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นและปิดบังความไร้ความสามารถและความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปิดบังการทุจริตคอรัปชั่นอย่างขนานใหญ่ของรัฐบาล เช่น ในโครงการชุมชนพอเพียง การโยกย้ายข้าราชการตำรวจโดยไม่ยึดถือระบบคุณธรรม เป็นต้น
***โยนบาป4 กลุ่มผู้ทำลายบ้านเมือง
ส่วนการที่สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวหาว่าผมเป็นผู้ทำลาย บ้านเมืองและกล่าวต่อว่าเคยพยายามติดต่อผมแต่ผมไม่คุยด้วยนั้น ผมขอเรียนว่า ผมไม่เคยคิดร้ายต่อบ้านเมืองเพราะผมเทิดทูนสถาบันและรักชาติเช่นคนไทยทุกคน เมื่อผมเป็นนายกฯก็ได้ทุ่มเทเพื่อประชาชนและสร้างผลงานไว้มากมายจนแม้แต่ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่กล้ายกเลิกนโยบายที่ผมทำสำเร็จไว้ ผมขอเรียนว่า ผู้ที่และสิ่งที่ทำลายบ้านเมืองคือ1.คณะบุคคลที่ทำลายประชาธิปไตยโดยการกระทำรัฐประหาร 2.นักการเมืองที่อิงแอบ รู้เห็นเป็นใจ และได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจของประชาชน เพราะไม่สามารถชนะใจประชาชนและชนะการเลือกตั้งได้ 3.รัฐธรรมนูญฉบับ คมช. และ4.กระบวนการยุติธรรมที่ใช้ 2 มาตรฐานและเลือกปฏิบัติ
ผมขอเรียนเพิ่มเติมว่า นายสุเทพไม่เคยติดต่อและโทรหาผมแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่นายสุเทพพูดไปเป็นเพียงการพยายามสร้างภาพว่าผมเป็นคนทำให้ชาติเสียหายซึ่งเป็นความเท็จและเป็นการเล่นการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์เชี่ยวชาญ จัดเจน และกลายเป็นวัฒนธรรมของพรรคไปเสียแล้ว เพื่อทำลายคนอื่นและอำพรางความล้มเหลว ในการทำงานและปัญหาทุจริตคอรัปชั่นขนานใหญ่ในรัฐบาล
***แกนนำก๊กแดงอ้างอีกทหารปล่อยคลิป
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวในลักษณะเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิมว่า คลิปที่ถูกนำออกมานั้นมาจากทหารแน่นอน ตนอยากจะชี้เป้าให้เห็นว่า ข่าวความขัดแย้งที่จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นมันแรงมาก ดูได้จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและน้องชาย ที่ไปแจ้งความดำเนินคดีเอเอสทีวี แต่นายกรัฐมนตรีกลับไปเป็นประธานเปิดสถานี เครือข่ายของเอเอสทีวี ฉะนั้นความขัดแย้งมันเต็มไปหมด คลิปตรงนี้ถ้าไม่ออกจากมือ ของทหารแล้วจะเป็นใครไปได้
***พท.หัวชนฝาคลิปเสียงจริงนายกฯ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงกรณีคลิปตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ ว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ การชุมนุมทางการเมืองจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมาให้ข้อมูลว่าคลิปเสียงดังกล่าว เป็นการตัดต่ออย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นพบว่า คลิปดังกล่าวแม้จะตัดต่อแต่ก็เป็นการตัดต่อแค่บางคำเพื่อให้ประโยคมันชิดกันเหมือนที่สถานีโทรทัศน์ทำกัน แต่เนื้อสาระสำคัญยังอยู่ครบ ยิ่งประกอบกับสิ่งที่รัฐบาลทำกับกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ด้วยนั้นยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจน และเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้างว่ามีการตัดต่อจากการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์หลายครั้ง เพราะตามปกติแล้ว การพูดแต่ละครั้งคลื่นเสียงจะไม่เท่ากัน นำมาตัดต่อรวมกันไม่ได้
แม้แต่นักร้องอาชีพการร้องเพลงแต่ละครั้งก็ยังไม่เหมือนกันดังนั้นจะนำมาตัดรวมกันไม่ได้ ซึ่งเทคโนโลยีในโลกนี้ไม่มีใครทำได้ นอกจากนี้คลิปดังกล่าวยังมีบางคำที่นายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดต่อสาธารณะด้วย เช่น คำว่าหมิ่นสถาบัน ดังนั้นหากไม่ใช่คนวงในอัดออกมาจากค่ายทหารแล้วจะให้ไปเอาเสียงมาจากไหน
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ขอท้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ให้มาดีเบทกับตน แล้วนำตารางคลื่นความถี่ของเสียงมาโชว์ต่อหน้าเลย ตนเตรียม ข้อมูลไว้หมดแล้ว จะออกโทรทัศน์ก็ได้ชาวบ้านจะได้รู้ว่าใครเป็นของจริง ส่วนการที่รัฐบาลประเมินว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลในช่วงเดือนตุลาคมนั้นตนไม่รู้ ตนรู้แต่เพียงว่า หากคนเชื่อว่าคลิปเสียงนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดจริงรัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่นอน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวน สอบสวนคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล,กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(สทส.) ,กองบังคับการปราบปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้แบ่งการทำงาน ออกเป็น 2 ส่วน คือ การตรวจสอบอีเมล์ของผู้เกี่ยวข้องกับการฟอร์เวิร์ดเมล์ ซึ่งพบว่า มีการส่งต่อไปกว่า 200 คน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะต้องเรียกบุคคลเหล่านี้ เข้ามาให้ปากคำ ซึ่งในส่วนนี้กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.)เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง ล่าสุดทาง บก.ป.ได้ไปตรวจค้นที่บริษัทแล้ว และจับกุมผู้กระทำผิดเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวมาสองคน มีการขยายผลโดยการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง โดยการโคลนนิ่งฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ 11 เครื่อง เป็นของผู้กระทำผิด 2 เครื่อง และ ผู้ที่เกี่ยวข้องในบริษัท 6 เครื่อง และเครื่องส่วนตัว 3 เครื่อง ซึ่งจะให้ทางศูนย์คอมพิวเตอร์ของ ตร. เข้าไปช่วยในการตรวจสอบ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนที่สอง จะตรวจสอบการเผยแพร่คลิปเสียงที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านทางคลื่นวิทยุชุมชนคนรักอุดร ของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร ซึ่งมีการเชื่อมโยงสัญญาณจากพีทีวี มาออกอากาศ ซึ่งตรงนี้จะให้ บช.ภ. 4 เป็นผู้ดำเนินการว่า มีการนำไปเผยแพร่อีกหรือไม่ นอกจากนี้ได้มอบหมาย พฐ.ร่วมกับ บช.ก. ช่วยกันดูรายละเอียดว่าคลิปเสียงมีการตัดต่อมาจากที่ใดบ้าง เบื้องต้นพบว่า มีที่มาจากรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ และตรวจสอบซีดี ที่มีการแจกจ่ายไปตามที่ต่าง ๆ โดยให้เจ้าหน้าที่นำซีดีมาตรวจพิสูจน์ว่า มาจากคอมพิวเตอร์เครื่องใด เพื่อที่จะสาวไปหาต้นตอของการเผยแพร่และตัดต่อ
***เรียก “ขวัญชัย” แกนนำแก๊งแดงสอบ
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนเตรียมเชิญนายขวัญชัย และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี มาสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ คลิปเสียงดังกล่าวหรือไม่ สำหรับนายขวัญชัย มีความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาท ถือเป็นความผิดส่วนตัว ขึ้นอยู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่ ส่วนความผิดทางคอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ ได้มอบหมายให้ ทาง บช.ภ. 4 รวบรวมหลักฐานมาใหม่ เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่สมบูรณ์ และให้ทาง สทส.ช่วยทำการตรวจสอบด้วย เนื่องจากมีความชำนาญด้านความผิดทาง คอมพิวเตอร์
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวถึงกรณีที่พนักงานบริษัท เอสซีแอสเซ็ทฯ อ้างว่า ได้รับซีดี มาจากผู้หญิงคนหนึ่งจากวินรถตู้ย่านห้าแยกปากเกร็ดว่า ให้เจ้าหน้าที่ไปดูกล้อง วงจรปิดบริเวณดังกล่าวว่า หญิงคนดังกล่าวเป็นใครแต่ไม่พบภาพ และพยานที่เป็นวิน รถจักรยานยนต์รับจ้าง ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าไหรนัก แต่เราก็ต้องพิสูจน์ต่อไปว่า เป็นการกล่าวอ้างหรือเป็นเรื่องจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนจงใจที่จะไปตรวจสอบบริษัท เอสซีแอสแซสฯ หรือไม่ พล.ต.ท.สถาพร กล่าวว่า เป็นเรื่องของ บช.ก.ที่ไปดำเนินการก่อนหน้านี้ ก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับหน้าที่เป็น หัวหน้าพนักงานสอบสวนซึ่งก็ทราบมาว่า ทางนายเวรของ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ก. ได้รับอีเมล์ไฟล์เสียงดังกล่าว ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ออกไป ซึ่ง ผบช.ก.ได้สั่งให้ไปตรวจสอบและจากการสืบสวน สอบสวนพบข้อมูลเชื่อมโยงกับการจับกุมพนักงานเอสซีแอสเซ็ทญ ซึ่งทางตำรวจ ไม่ได้กลั่นแกล้ง หรือจงใจที่จะมุ่งไปบริษัทดังกล่าว
ผมเองก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดำเนินการตามกฎหมาย ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เพื่อจะให้เกิดความสงบสุขอย่างแท้จริง หากประชาชนคนใดมีข้อมูลให้แจ้งมาที่ผม เองได้ และขอเตือนว่าประชาชนที่ได้รับฟอร์เวอร์ดเมล์อย่าส่งต่อเพราะเป็นความผิดทาง คอมพิวเตอร์
***ผิดส่วนตัวไม่เกี่ยว บ.เอสซีแอสเสท
พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. เปิดเผยหลังประชุมคณะพนักงานสืบสวน สอบสวนที่กองปราบปราม ว่าในส่วนกรณีของนายสมศักดิ์ แซ่อึง และน.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัท เอสซีแอสเสทฯ ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และยังไม่มีการพิจารณาออกหมายเรียกใครเพิ่มเติม นอกจากนี้ แนวการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นพบว่าคดีนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับบริษัท เอสซี แอสเสทฯ แต่เป็นเรื่องความผิดส่วนตัวของพนักงาน
อย่างไรก็ดี ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ใน อ.ปากเกร็ด เพิ่มเสาะหาพยานยืนยันเพิ่มเติมว่ามีการแจกจ่ายแผ่นซีดีคลิปเสียงในวันดังกล่าวจริงหรือไม่
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้บริหารบริษัท เอสซี แอสเสทฯ ขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่พาดพิงและนำชื่อบริษัทฯ ไปเกี่ยวข้องกับกรณีการตัดต่อคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีว่า ทางตำรวจดำเนินการทุกขั้นตอน อย่างรอบคอบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงไม่รู้สึกวิตกกังวลแต่อย่างใด
***ดีเอสไอได้รับข้อมูลร่วมสอบ
ทางด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีคลิปตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า นางระนองลักษณ์ สุวรรณฉวี รมว.ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ส่งหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลผลการสอบสวนของคลิปดังกล่าวมาให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 24 แผ่น ลงวันที่ 1 ส.ค.52 เพื่อสอบสวนต่อ เนื่องจากทางดีเอสไอมีสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเบื้องต้นดีเอสไอจะประสานกับอีกหลายหน่วยงาน เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
***ข้องใจพท.-แก๊งเสื้อเห็นตรงกัน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว วานนี้ (2 กซย.) ถึง คลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พรรคเพื่อไทย เสนอขอให้มีการ นำมาเปิดในสภาผู้แทนราษฎร ว่าเรื่องคลิปตัดต่อมีอยู่หลายประเด็น คือ 1.เรื่องการดำเนินดคี ขณะนี้มีการดำเนินการกับบางบริษัทไปแล้ว ซึ่งทางกระทรวง ไอซีที เป็นผู้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ก็มีการขยายผลต่อไป
2.กรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เปิดต้นฉบับ ความจริงแล้วการตัดต่อจาก รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ นั้นก็สามารถไปเปิดดูได้จาก เว็บไซด์ของกรมประชาสัมพันธ์ได้ ทั้งนี้ตนเองก็ได้ขอให้ ช่อง 11 ได้จัดรายการขึ้นมา เพื่อนำเอาเสียงในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยฯ มาเปิดให้ดูว่าในส่วนที่มีการตัดต่อเป็นอย่างไร และวันนี้จะทำเอกสารสรุปข้อความเต็มที่กล่าวถึงเป็นอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่าจะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการดำเนินการอย่างที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหาหรือไม่ และตนสามารถยืนยันได้ว่า การสั่งการที่ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ตลอดเวลา ไม่มีการสั่งการอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวหา
“ผมรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมคนเสื้อแดงกับส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงออกมายืนยันว่า คลิปเสียงนี้มีการตัดต่อจริง แต่ที่แปลกใจมากกว่านั้นคือ ทำไมคุณเฉลิม จึงยืนยันว่า คลิปเสียงดังกล่าวมีอยู่จริง และพยายามตั้งข้อสังเกตว่าเสียงแบล็กกราวด์มันเงียบ ทั้งๆ ที่รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยฯ จัดขึ้นในห้องส่ง ในสถานที่ที่เงียบ และเป็นเรื่อง ที่ใช้โปรแกรมปกติธรรมดาอยู่แล้ว ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้น่าจะมีประเด็นทางการเมืองอะไรภายในพรรคเพื่อไทยกันเอง ที่คุณเฉลิมออกมาเปิดเรื่องคลิปนี้ ทั้งๆที่รู้ว่า ถ้าเป็นการใส่ร้ายพรรคการเมือง โอกาสถูกฟ้องจะมีสูง แต่คุณเฉลิม ซึ่งเป็นประธาน ส.ส. ออกมาขับเคลื่อนเรื่องนี้จนผิดปกติ ทั้งที่เป็นนักกฎหมายน่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
ส่วนจะมีการดำเนินการให้ยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลานี้ คงต้องให้เจ้าหน้าที่ไอซีทีได้ตรวจสอบในขั้นตอนแรกก่อน แต่สำหรับรัฐบาล เรื่องคลิปเสียงนี้จบไปแล้วเพราะได้ผ่ายนการพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง จึงไม่อยากตอบโต้ เพราะรัฐบาลมีงานใหญ่ ต้องทำ เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโครงการไทยเข้มแข็งที่เมืองทองธานี ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ซึ่งโครงการนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคี เพราะประเทศจะเข้มแข็งได้คนไทย ต้องสามัคคี รัฐบาลต้องการทำให้เดือนกันยายน และตุลาคม เกิดความสามัคคีขึ้น ในบ้านเมือง เพราะหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในช่วงนี้จะมีความร้อนแรงเกิดขึ้น
***วิปรัฐบาลเตือน “เฉลิม” อย่าริเปิดคลิปฉาว
นายชินวรณ์ บุณเกียรติ ประธาน วิปรัฐบาล กล่าวเรียกร้องให้ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง อย่านำเรื่องคลิปเสียงตัดต่อมาอภิปรายในสภาอีก เนื่องจากเรื่องดังกล่าว อยู่ในกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ประกอบกับเป็นที่ทราบกันดีว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายมีการตัดต่อจึงมีโอกาสที่จะหมิ่นเหม่ต่อการผิด กฏหมายความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ โดยหากฝ่ายค้าน นำเรื่องนี้มาอภิปรายอีกฝ่ายรัฐบาลคงไม่ยอม
ส่วนหาก ร.ต.อ.เฉลิม จะตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับคลิปตัดต่อเสียงนายกรัฐมนตรีนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะมาชี้แจง อย่างไรก็ดีตนอยากให้การยื่นกระทู้สดเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ การมาตอกย้ำในเรื่องที่ประชาชนเข้าใจสับสนเป็นสิ่งที่ไม่ควร ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทยจึงควรทบทวนเรื่องนี้ แต่หากร.ต.อ.เฉลิมจะพยายามนำคลิปเสียง มาเปิดประธานรัฐสภาสามารถใช้อำนาจตามข้อบังคับที่จะสั่งไม่ให้นำข้อมูล ที่ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นจริงได้มาใช้ โดยหากฝ่ายค้านพยายามเล่นการเมือง ให้สอดรับกับการเคลื่อนไหวนอกสภาถือเป็นเรื่องที่สมาชิกไม่ยอมรับอยู่แล้ว
***เทพไทท้าเหลิมเปิดเทปทหาร
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าขณะนี้ยังมีการพูดคุยถึงคลิปเสียงตัดต่อของนายกฯอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสังคมเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว แต่มีเพียงคนบางกลุ่มไม่เข้าใจ โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม จะเปิดคลิปเสียงตัดต่อนายกฯในสภาฯ โดยใช้เอกสิทธิ์ คิดว่าเป็นการฉวยโอกาสและเป็นลูกไม้เก่าๆ ทั้งนี้การเปิดคลิปเสียงตัดต่อนายกฯเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังพิจารณากันว่าการเปิดคลิปอันเป็นเท็จในสภา เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่
“คุณเฉลิม จะต้องเปิดคลิปเสียงที่อ้างว่าเอามาจากทหาร แล้วใส่ร้ายว่าทหาร ไม่พอใจที่ถูกนายอภิสิทธิ์ หักหลัง ขอยืนยันว่านายกฯไม่เคยหักหลังใคร อยากให้ไปดู ว่าที่ผ่านมานายกฯเคยหักหลังใครหรือไม่ อยากถามกลับว่าแล้วร.ต.อ.เฉลิม เคยลืมบุญคุณใครหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนอยู่ตรงนี้ได้ แล้วอย่างนี้เรียกว่าลืมบุญคุณหรือไม่”
นายเทพไท กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเทปของจริงอยู่แล้ว แกะเทปเรียบร้อย แต่อยากให้ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยคลิปที่อ้างว่าเอามาจากทหารนำมาเปิดเผย และบอกด้วยว่าตัดต่อตรงไหนบ้าง ดีกว่าจะมาพูดสร้างโวหารอย่างเดียวซึ่งเป็นลักษณะของคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญความจริง
เปิดเหลิมยันตั้งกระทู้สดถามนายกฯแน่
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ในการประชุมสภาฯ วันนี้ (3 ส.ค.) นี้ จะยื่นกระทู้สดถามนายอภิสิทธิ์์เกี่ยวกับการเผยแพร่ คลิปเสียงอย่างแน่นอน และแม้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะไม่อนุญาตให้เปิดคลิปเสียงก็ตามตนก็พร้อมที่จะอภิปรายโดยที่ไม่มีการเปิดคลิปก็ได้ เพื่อจะชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในคลิปเสียงดังกล่าว และแม้จะมีการระบุว่า หากมีการเปิดคลิปเสียงดังกล่าวอาจจะผิดกฎหมายนั้น ตนก็พร้อมรับผิดชอบ ในสิ่งที่ได้อภิปรายไปทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะดำเนินการกับพรรคเพื่อไทยถึงขั้นยุบพรรคจากกรณีของคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีเพราะอาจเข้าข่ายเป็นการใส่ร้าย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะมายุบพรรคได้อย่างไร พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการตัดต่อ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่าบริษัท เอสซี แอสเสทฯ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นก็ไม่จริง เป็นเรื่องของพนักงานบริษัทเท่านั้น บุคลิกอย่างนายอภิสิทธิ์มันป้อแป้เกินไปที่จะมาฟ้องคนอย่างตน อย่างนายอภิสิทธิ์เหมาะกับการไปนั่งปาฐกถา ตัดริบบิ้น ถ่ายแบบ และเล่นละคร ดูเวลาดารามาติดดอกไม้ นายกรัฐมนตรีมักจะยิ้มแย้มตลอด ถ้าจะถ่ายละครก็เหมาะเล่นเป็นพระเอก
***ทวงบุญคุณปชป.เป็นคนขอที่ทำพรรค
ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคประช าธิปัตย์เคยให้ชีวิตทางการเมืองอย่าลืมบุญคุณนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อยากจะแนะนำพวกบรรดาโฆษกของประชาธิปัตย์ว่า จะเล่นการเมืองต้องเล่นแบบ ค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น คนพวกนี้ยังห่างไกลกับตนอีกมาก ตนไม่ได้โอ้อวดว่าเก่งกว่า แต่อยากจะบอกว่าตนเหนือกว่าพวกนั้นเยอะ
อยากให้คนพวกนั้นไปย้อนดูว่า ที่ทำการพรรคที่ทำให้พวกนั้นมีที่นั่งอยู่นี้มาได้อย่างไร จะบอกให้ว่าตอนที่ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ผมกับท่านพิชัย รัตตกุล ได้ปรึกษากับท่านเล็ก นานา เพื่อขอที่บริเวณนั้นมาทำที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน และตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เหลือส.ส.กทม.เพียงคนเดียว เวลาปราศรัยผมก็เป็นคนนำ แม้วันนี้ผมจะออกมาแล้วแต่เวลาผมเจอหน้าท่านชวน หลีกภัย และท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ผมก็ยังยกมือไหว้ด้วยความเคารพตลอดเวลา
***นช.แม้วร้อนตัวปัดเอี่ยวคลิปมาร์ค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ผ่านทางนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายว่า ในขณะนี้ทางนายกรัฐมนตรี และฝ่ายรัฐบาลได้แถลงต่อประชาชนไปในทำนองที่ว่าผมมีส่วนในการทำคลิปเสียง นายกฯ ตามที่มีการแพร่ในสื่อต่างๆในขณะนี้ ผมขอเรียนว่า ผมอยู่ต่างประเทศ ได้ใช้เวลากับการเดินทางไปเยี่ยมประมุขของรัฐและผู้นำของรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาความยากจนโดยน้อมนำและเผยแพร่โครงการพระราชดำริและแนวคิดเกษตรทฤษฏีใหม่ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อประเทศต่างๆ
ในขณะเดียวกันผมได้หาโอกาสทางการค้าและการลงทุน ขณะนี้ผมและเพื่อนๆ ได้ลงทุนในหลายกิจการ เช่น เหมืองทอง เหมืองเพชร เป็นต้น ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยสิ้นเชิงเพราะผมไม่มีเวลาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ผมจัดลำดับความเร่งด่วนในชีวิตผมได้ และผมรู้สึกแปลกใจที่นายกฯและรัฐบาลพยายามจัดการ จับกุมบุคคลที่รัฐบาลสงสัยและประโคมข่าวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นและปิดบังความไร้ความสามารถและความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปิดบังการทุจริตคอรัปชั่นอย่างขนานใหญ่ของรัฐบาล เช่น ในโครงการชุมชนพอเพียง การโยกย้ายข้าราชการตำรวจโดยไม่ยึดถือระบบคุณธรรม เป็นต้น
***โยนบาป4 กลุ่มผู้ทำลายบ้านเมือง
ส่วนการที่สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวหาว่าผมเป็นผู้ทำลาย บ้านเมืองและกล่าวต่อว่าเคยพยายามติดต่อผมแต่ผมไม่คุยด้วยนั้น ผมขอเรียนว่า ผมไม่เคยคิดร้ายต่อบ้านเมืองเพราะผมเทิดทูนสถาบันและรักชาติเช่นคนไทยทุกคน เมื่อผมเป็นนายกฯก็ได้ทุ่มเทเพื่อประชาชนและสร้างผลงานไว้มากมายจนแม้แต่ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่กล้ายกเลิกนโยบายที่ผมทำสำเร็จไว้ ผมขอเรียนว่า ผู้ที่และสิ่งที่ทำลายบ้านเมืองคือ1.คณะบุคคลที่ทำลายประชาธิปไตยโดยการกระทำรัฐประหาร 2.นักการเมืองที่อิงแอบ รู้เห็นเป็นใจ และได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจของประชาชน เพราะไม่สามารถชนะใจประชาชนและชนะการเลือกตั้งได้ 3.รัฐธรรมนูญฉบับ คมช. และ4.กระบวนการยุติธรรมที่ใช้ 2 มาตรฐานและเลือกปฏิบัติ
ผมขอเรียนเพิ่มเติมว่า นายสุเทพไม่เคยติดต่อและโทรหาผมแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่นายสุเทพพูดไปเป็นเพียงการพยายามสร้างภาพว่าผมเป็นคนทำให้ชาติเสียหายซึ่งเป็นความเท็จและเป็นการเล่นการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์เชี่ยวชาญ จัดเจน และกลายเป็นวัฒนธรรมของพรรคไปเสียแล้ว เพื่อทำลายคนอื่นและอำพรางความล้มเหลว ในการทำงานและปัญหาทุจริตคอรัปชั่นขนานใหญ่ในรัฐบาล
***แกนนำก๊กแดงอ้างอีกทหารปล่อยคลิป
นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวในลักษณะเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิมว่า คลิปที่ถูกนำออกมานั้นมาจากทหารแน่นอน ตนอยากจะชี้เป้าให้เห็นว่า ข่าวความขัดแย้งที่จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นมันแรงมาก ดูได้จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและน้องชาย ที่ไปแจ้งความดำเนินคดีเอเอสทีวี แต่นายกรัฐมนตรีกลับไปเป็นประธานเปิดสถานี เครือข่ายของเอเอสทีวี ฉะนั้นความขัดแย้งมันเต็มไปหมด คลิปตรงนี้ถ้าไม่ออกจากมือ ของทหารแล้วจะเป็นใครไปได้
***พท.หัวชนฝาคลิปเสียงจริงนายกฯ
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงกรณีคลิปตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ ว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ การชุมนุมทางการเมืองจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมาให้ข้อมูลว่าคลิปเสียงดังกล่าว เป็นการตัดต่ออย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นพบว่า คลิปดังกล่าวแม้จะตัดต่อแต่ก็เป็นการตัดต่อแค่บางคำเพื่อให้ประโยคมันชิดกันเหมือนที่สถานีโทรทัศน์ทำกัน แต่เนื้อสาระสำคัญยังอยู่ครบ ยิ่งประกอบกับสิ่งที่รัฐบาลทำกับกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ด้วยนั้นยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจน และเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้างว่ามีการตัดต่อจากการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์หลายครั้ง เพราะตามปกติแล้ว การพูดแต่ละครั้งคลื่นเสียงจะไม่เท่ากัน นำมาตัดต่อรวมกันไม่ได้
แม้แต่นักร้องอาชีพการร้องเพลงแต่ละครั้งก็ยังไม่เหมือนกันดังนั้นจะนำมาตัดรวมกันไม่ได้ ซึ่งเทคโนโลยีในโลกนี้ไม่มีใครทำได้ นอกจากนี้คลิปดังกล่าวยังมีบางคำที่นายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดต่อสาธารณะด้วย เช่น คำว่าหมิ่นสถาบัน ดังนั้นหากไม่ใช่คนวงในอัดออกมาจากค่ายทหารแล้วจะให้ไปเอาเสียงมาจากไหน
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ขอท้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ให้มาดีเบทกับตน แล้วนำตารางคลื่นความถี่ของเสียงมาโชว์ต่อหน้าเลย ตนเตรียม ข้อมูลไว้หมดแล้ว จะออกโทรทัศน์ก็ได้ชาวบ้านจะได้รู้ว่าใครเป็นของจริง ส่วนการที่รัฐบาลประเมินว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลในช่วงเดือนตุลาคมนั้นตนไม่รู้ ตนรู้แต่เพียงว่า หากคนเชื่อว่าคลิปเสียงนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดจริงรัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่นอน