ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค" ลั่นเอาผิดคนปล่อยคลิปเสียงตัดต่อ ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ชี้โทษถึงคุก7ปี พร้อมสั่งจัดการมูลนิธิบ้าน 111 แจกซีดีคลิปเสียง ทั้งที่รู้แล้วว่ามีการตัดต่อ สอนมารยาทคนใช้เทคโนโลยีต้องมีจริยธรรม ด้านโฆษกปชป. ยันแกนนำ นปช. ต้องรับผิดชอบ จ่อฟ้องอาญาเสื้อแดง-บ้าน111-พท.เอี่ยวเจอคุกอีก 5 ปี ขณะที่ส.ว.เตือน"มาร์ค" ระวังเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หากไม่แจ้งความเอาผิดกับกลุ่มตัดต่อ เผยแพร่คลิปเสียง ด้าน"ลิ่วล้อแม้ว"ท้าพิสูจน์หากจับได้ว่า คลิปหลุจากบริษัท"น้องสาวแม้ว" พร้อมลาออก ตะแบงไม่ใช่ควาย จะได้ทำอะไรโง่ๆ ทบ.ปัดไม่มีเอี่ยว
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (30 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ที่บ้านพักซอยสุขุมวิท 31 ถึงกรณีการตัดต่อคลิปเสียงสั่งการให้ทหารใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า คลิปเสียงที่ถูกนำออกมาเผยแพร่นั้น เป็นเสียงที่ถูกตัดต่อ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดทั้งในส่วนของผู้ทำ และผู้เผยแพร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามดูอยู่ และจะดำเนินการต่อไป
ส่วนในการแถลงข่าวที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ของอดีตกรรมบริหารพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการแจกจ่ายคลิปเสียงนี้ด้วยนั้น ก็จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป
"ความจริง เรื่องนี้สื่อมวลชนทราบดีว่า ใครเผยแพร่คลิปเสียงนี้บ้าง ซึ่งคนที่เผยแพร่โดยสุจริตก่อนหน้านี้ ก็ไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เป็นเสียงที่ถูกตัดต่อ ไม่มีความจริง และมีเจตนาที่จะให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ดังนั้น ถ้าใครเผยแพร่ต่อจะมีความผิด"
ต่อข้อถามว่าคิดว่า จะยังมีการนำเรื่องนี้ไปใช้ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ามีการนำคลิปเสียงใช้ในการชุมนุม ก็เป็นการฟ้องประจานตัวเองว่า เคลื่อนไหวด้วยเรื่องที่เป็นเท็จ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะลองทบทวนดู เพราะหลายเรื่องในอดีตก็เป็นเท็จ ซึ่งตนได้ฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว 2 คดี และในส่วนกรณีนี้ ถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดินแล้ว ตนก็จะไม่ฟ้องเพิ่ม
**ใช้เทคโนโลยีต้องมีจริยธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านั้น ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ช่วงที่ 2 ซึ่งนายอภิสิทธิ์เชิญ นายพงษ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือ"หนุ่ย" พิธีกรจากรายการแบไต๋ไฮเทค และทีมงานจากสถานีเนชั่นทีวี ทำหน้าที่สัมภาษณ์เรื่อง“คลิปเสียง” โดยทีมงานพิธีกรได้พิสูจน์การตัดต่อเสียง ด้วย "โปรแกรมออดิโอคลื่นเสียง" โดยพิธีกรทั้ง 4 คน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการตัดต่อ และให้ความเห็นว่า ยังจะต้องตรวจสอบการส่งคลิปทางอีเมล์ ไปหาใครบ้างเพื่อรู้ว่าต้นต่อมาจากไหน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวเรื่องนี้ว่า ครั้งแรกที่ได้รับทราบจากสื่อมวลชนที่มาบอก เมื่อได้ฟังเสียงแล้วก็ยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเอง แต่เมื่อฟังไปได้ประมาณ 2 - 3 ประโยค ก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงดังกล่าวเป็นการตัดต่อ เพราะความสม่ำเสมอของเสียงไม่เท่ากัน และเสียงในคลิปก็ได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบ ซึ่งภายใน 1 วัน ก็ทราบผลแน่ชัดแล้วว่าเป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน เนื่องจากเสียงพูดนั้นเป็นการพูดไม่ปกติ โดยเปรียบเทียบคำพูดและน้ำเสียงในแต่ละคำ
"หากมีการนำคลิปเสียงของผมไปเปิดในเวทีชุมนุม และหากมีคนเชื่อว่าผมได้พูดอย่างนั้น ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ผมขอฝากเตือนไปยังคนที่ตัดต่อเสียง และนำไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต นั้นจะมีความผิด เพราะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ควบคุมอยู่"
ผู้ดำเนินรายการถามว่ามีความรู้สึกโกรธหรือไม่ กับการที่ถูกตัดต่อเสียงเช่นนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวใช้ใช้ ทวิตเตอร์ hi5 และ facebook ซึ่งมีทีมงานคอยดูแลทำให้ แต่ส่วนใหญ่จะติดตามคนที่ชอบใช้มากกว่า ส่วนอีเมล ตนก็พยายามที่จะตอบเองให้หมดทุกอีเมล อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมเตรียมผลักดันเรื่อง 3G และระบบไอทีต่างๆ ให้พัฒนาขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีถือว่าเป็นดาบสองคม ดังนั้นคนที่ใช้ ต้องมีจริยธรรมในการงานด้วย
**แก๊ง 111 ต้องรับผิดชอบการแพร่คลิป
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงนายกฯ ว่าขณะนี้มีพัฒนาการขึ้นมา 2-3 เรื่อง ในขณะที่ทางการก็พยายามที่จะดำเนินการ เพื่อขยายผลสืบค้นหาที่มาของคลิปเสียง และเส้นทางการส่งต่อคลิปเสียงทางเว็บไซต์ และอีเมล์ต่างๆ ซึ่งสิ้นสุดลงโดยบุคคลที่ทำงานอยู่ในพรรคเพื่อไทย
"วันนี้เห็นได้ชัดว่า ในขณะที่มีการขยายผลดำเนินการ และสังคมก็เริ่มรับทราบถึงขบวนการดังกล่าวว่า ไม่ชอบ ท่าทีของกลุ่มที่เคยสนับสนุนยืนยันการใช้คลิปดังกล่าว ก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นการพิสูจน์ต้นตอ และเริ่มมาร่วมเรียกร้องให้พิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่า ท่าทีเปลี่ยนไปของกลุ่มสนับสนุนเพราะเห็นว่าประชาชนปฏิเสธแนวทางการเมืองที่ใช้วิธีสกปรก โดยบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้แทนประชาชน ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร บุคคลที่ไม่สามารถปฏิเสธส่วนรู้เห็นได้เลย คือ กลุ่ม นปช. ที่มีการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่คลิป ดังกล่าวไปทั่วประเทศ โดยการแปลงรูปเป็น วีซีดี เพื่อสร้างความสับสน และความเกลียดชังให้รัฐบาล" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาเทียบเคียงว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ เพราะมีเรื่องเมล์โจ๊ก เมล์ขยะ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเมล์โจ๊ก เมล์ขยะ แต่เป็นเรื่องที่มีกระบวนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการตัดต่อเสียงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งการเผยแพร่ผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งในอินเทอร์เน็ต และในพื้นที่ เพื่อที่จะหวังสร้างความขัดแย้ง เข้าใจผิด กระทบโดยตรงต่อความมั่นคง จึงอยากจะเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ร่วมแสดงความรับผิดชอบ เพราะมีข้อมูลยืนยันว่า ในการประชุมอบรมผู้นำทางการเมือง รุ่นที่ 1 ของมูลนิธิ 111 ก็มีผู้เข้าร่วมสัมมนาแจกวีซีดี ดังกล่าวด้วย ซึ่งดำเนินการแตกต่างจากความเข้าใจผิดก่อนวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่มีความสับสนว่า เป็นจริงหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย"
**ชี้ พท.จงใจป่วนด้วยการแพร่คลิป
นอกจากนี้ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่รู้ ไม่เห็นได้เลย ก็คือ พรรคเพื่อไทย เพราะเส้นทางการส่งอีเมล์นั้นปรากฎชัดว่า มีการส่งต่อมายังบุคคลที่ทำงานในพรรคเพื่อไทย จากนั้น ก็มีการส่งอีเมล์ต่อไปยังสื่อมวลชนกว่า 30 แห่ง แม้มีความพยายามอ้างว่า ไม่ทราบว่าคลิปนั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่เนื้อสาระในการส่งต่อนั้น แสดงชัดเจนถึงเจตนาของผู้ส่งว่า เจตนาจะให้สาระดังกล่าว สร้างความเข้าใจผิด สร้างความเสียหาย สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการในที่ประชุม ส.ส. ที่ผ่านมา ก็มี ส.ส. ระดับแกนนำหลายคนของพรรคเพื่อไทย ที่หวังใช้เอกสิทธิ์การคุ้มครองฯในสภา เพื่อเผยแพร่คลิปดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่ปรากฎชัดว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ บุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นได้แก่นายสมชาย เพศประเสริฐ นางฐิติมา ฉายแสง นายสุนัย จุลพงศธร ที่นำวีซีดีดังกล่าวมา และพยายามให้มีการเปิดในสภาฯ ซึ่งสอดรับกับการปั๊ม และแจกจ่ายวีซีดีดังกล่าวไปทั่วประเทศในวันถัดมา รวมทั้งนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่พยายามจะให้ประธานรัฐสภา เปิดวีซีดี ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้มีคำสั่งศาลออกมาแล้วว่า ในกรณีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเผยแพร่ ก็ได้ให้อำนาจกระทรวงไอซีที ในการปิดเว็บดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ในขณะที่บุคคลที่พยายามจะเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวนี้ ด้วยวิธีอื่นๆ ทางพรรคก็ได้ให้คณะทำงานทางกฎหมาย พิจาณาว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (7) มาตรา 264 มาตรา 268 และ มาตรา 116
ส่วนผู้ที่พยายามใช้เอกสิทธิ์ในสภา และอ้างว่าไม่ทราบว่า วีซีดี เป็นจริงหรือไม่ พรรคไม่ประสงค์จะท้า หรือ ยั่วยุ แต่ขอบอกว่า หากมีความพยายามที่จะกระทำการดังกล่าวอยู่ ทางพรรค และผู้เสียหาย คือ นายกฯ จะใช้สิทธิ์ในการปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย เพื่อไม่ประสงค์ให้ผู้ใดใช้การเมืองแบบเก่า สร้างความแตกแยกในบ้านเมืองให้เกิดขึ้นอีก
**ปชป. ฟ้อง เสื้อแดง-บ้าน 111-พท.เอี่ยว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมอบหมายให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่ดำเนินการเผยแพร่คลิปเสียงนายกรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่มีโทษจำคุก 7 ปี ทั้งนี้ เบื้องต้นพบมี 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 และพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากพบหลักฐานชัดเจนก็จะฟ้องร้องให้ดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทยด้วย เนื่องจากใช้วิชามารเล่นการเมืองสกปรก รวมทั้งสร้างความเสียหายให้บุคคลอื่นและส่วนรวม
กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ปิดเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว โดยให้เอาผิดผู้ที่เผยแพร่ ตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยมีโทษจำคุก 5 ปีด้วย
ส่วนกรณีที่มีการพบข้อมูลต้นตอการส่งคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีทางอีเมล์ มาจากบริษัท เอสซี แอสเสท ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ยืนยันว่า พรรคไม่เคยระบุว่าเป็นการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเพียงพนักงานในบริษัทเท่านั้น
**ส.ว.จี้"มาร์ค"แจ้งจับผู้เผยแพร่คลิป
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีเทปเสียงตัดต่อ ที่นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นำเทปตัดต่อเสียงนายกฯไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี ว่า อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อเทปดังกล่าว และผู้ที่นำไปเผยแพร่ อาทิ นายอดิศร และ พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะอ้างว่าไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่เป็นผู้นำมาเผยแพร่ เพราะถือว่าเป็นการตัดต่อเสียง เหมือนเป็นการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดอาญา และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้อยากให้นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัทเอสซี แอสเสท ด้วย
"การดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่นั้น นายอภิสิทธิ์ จะต้องทำ เพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากนายกฯไม่ทำ อาจเข้าข่ายมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ก็ได้" นายสมชายกล่าว
**ท้าลาออกหากคลิปหลุดจากน้องสาวแม้ว
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้จะมีการพิสูจน์เบื้องต้นแล้วว่าเป็นการตัดต่อ แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าเสียงในคลิปนั้นไม่ใช่เสียงของนายกฯ ดังนั้นควรส่งให้หน่วยงานต่างประเทศพิสูจน์ให้ชัดเจนทั้งหมดอีกครั้ง
"นายอภิสิทธิ์ กล้ายืนยันหรือไม่ว่าไม่เคยพูดลักษณะแบบนั้นเลยไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เพราะผมได้ข้อมูลมาว่า ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมีฉบับจริงทั้งหมดอยู่ มีความยาวประมาณ 4 นาที หากนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่แน่ว่าอาจจะมีการนำออกมาเปิดเผยเร็วๆนี้ ก็ได้ นายอภิสิทธิ์ควรกลับไปทบทวนว่า ที่ผ่านมาไปทำอะไรใครไว้หรือไม่ รังแกใครให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า"
ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า บริษัทเอสซี แอสแสท ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวการเผยแพร่คลิปนั้น ถ้าพิสูจน์ได้ว่า บริษัทดังกล่าว เป็นตัวการตนก็พร้อมจะไปจากพรรคเพื่อไทยทันที เพราะเชื่อว่าไม่มีเรื่องแบบนี้แน่นอน และหากจะนำประเด็นนี้มายุบพรรคเพื่อไทย ก็คงต้องข้ามศพตนไปก่อน ตนจะไม่ยอมให้มีการยุบพรรคอีกแล้ว
**อ้าง"เพื่อไทย"ไม่ใช่ควายจะได้ทำอะไรโง่ๆ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมายืนยันว่า คลิปเสียงของนายกฯ เป็นการตัดต่อ และมีต้นตอมาจากบริษัทเอสซี แอสเสท ส่งไปที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของพรรคเพื่อไทย ก่อนจะกระจายส่งผ่านอีเมล์ต่างๆนั้น เรื่องนี้กระจายไปรวดเร็วมาก เนื่องจากรัฐบาล และหน่วยงานของรัฐโหมโรง จนเกือบทุกคนในภาคอีสานและภาคเหนือ มีคลิปเสียงนายกฯ กันหมด เพื่อต้องการฟังว่า เป็นสียงของนายกฯจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมสับสน และเป็นการให้ร้ายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนในฐานะที่เป็นผู้ใช้อีเมล์คนแรกในประเทศ จากการที่เคยทำงานในบริษัทไอบีเอ็ม มาก่อนนั้น ขอเสนอให้ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถทำได้ง่ายมาก
การฟอร์เวิร์ตคลิปผ่านอีเมล์นั้น ต้องดูว่าต้นตอที่แท้จริงมาจากสถานที่ใด สมมติว่า พรรคเพื่อไทยทำจริง พรรคจะส่งคลิปออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของพรรคเพื่อไทย หรือของบริษัทเอสซี แอสเสท ทำไม เราไม่ใช่วัวควาย ยืมมือใครทำก็ได้ ใช้ร้านอินเทอร์เน็ตที่ไหนก็สามารถทำได้
**"สมชาย"ฉุนถูก"มาร์ค"ฉีกหน้า
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ มาสอบถามตนต่อหน้ากลุ่มนักข่าวว่า ตนเป็นคนนำคลิปเสียงมาให้นักข่าวฟัง ก่อนที่จะสะบัดก้นหนีไปนั้น แสดงให้เห็นว่านายกฯ วุฒิภาวะเป็นเด็ก วันนี้ขอให้นายกฯตั้งสติให้ดี แยกมิตร และศัตรูให้ออก พรรคเพื่อไทย และตนไม่เคยคิดเป็นศัตรูของนายกฯ ศัตรูที่แท้จริงของนายกฯ เป็นคนรอบข้างใช่หรือไม่ อยากให้ระวังตัว นอกจากนี้ ที่มีกระแสข่าวว่าทั้งกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพรรคภูมิใจไทย มีหลายกรณีที่ไม่พอใจนายกฯนั้น อยากให้ระวัง ไม่ใช่ตั้งแง่กับพรรคเพื่อไทย
**โฆษก ทบ. ยันทหารไม่เกี่ยว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าเรื่องนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้ประโยชน์อะไร กองทัพเป็นของประชาชนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร เพราะตลอดเวลาที่ปฎิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้ดูแลรักษาความสงบ ไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งหรือนโยบายใดๆที่ก่อให้ความรุนแรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่การกำชับลงตามลำดับชั้น ว่า กำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น และไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งลงมาในลักษณะที่ก่อให้เกิดความรุนแรงอย่างที่ปรากฏในคลิปเสียง
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ทหารนำคลิปเสียงในวันประชุมที่กรมการทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ มาเปิดเผยข้อเท็จจริง พอ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพคงไม่ตอบโต้นายจตุพร เพราะที่ประชุมวันดังกล่าวไม่ได้มีการบันทึกเสียงไว้ ยืนยันอีกครั้งว่า ทหารไม่เคยมีคำสั่งหรือนโยบาย ให้เกิดความรุนแรง เพราะทหารไม่ต้องการเห็นคู่กรณีไปตอบโต้วาทะทางการเมือง ส่วนกลุ่มการเมืองท่านใดจะพูดจาในลักษณะอย่างนั้นก็ต้องกลับไปถามท่าน ทหารเรามีหน้าที่อธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง ส่วนการเผยแพร่เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วทางการเมืองอาจจะมองไปในลักษณะอย่างนั้น แต่ทางกองทัพไม่เคยคิดเช่นนั้น เราทำอย่างเดียวคืออะไรที่เป็นนโยบายที่จะตอบสนองรัฐบาล กองทัพทำเต็มที่บนพื้นฐานของความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เราไม่ได้เป็นเครื่องมือทางด้านการเมืองของกลุ่มใด ฝ่ายใด
**อดีต คมช.ฟังธง แผนดิสเครดิต
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า เรื่องคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีที่นำมาเผยแพร่นั้น ก็เป็นวิธีการทำลายความน่าเชื่อถือ รัฐบาล ตอนนี้มันมีเทคโนโลยีหลายอย่างมีการแอบอ้าง แม้กระทั่งการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ก็มีการแอบอ้างอะไรสารพัด ดังนั้นจะต้องใคร่ครวญให้ดีว่าเหตุการณ์แต่ละ เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
“ผมไม่ได้ดูหรือฟังคลิปเสียงดังกล่าว แต่ก็จะต้องดูพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนั้นหรือเปล่า หรืออย่างไรที่จะไปทำแบบนั้น พฤติกรรมของคนมันเป็นอย่างไรก็จะต้องเป็นแบบนั้น พฤติกรรมของคนที่สุภาพเรียบร้อย จะไปพูดให้มันรุนแรงโอกาสก็เป็นไปไม่ได้ ขณะที่คนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงจะมาพูดให้ดีก็เป็นไปไม่ได้ ผมไม่อยากยกตัวบุคคลขึ้นมาพูด แต่จะต้องไปดูให้ชัดเจนว่าคนไหนที่เป็นตัวอย่างความก้าวร้าวรุนแรงที่จะทำให้เกิดขึ้น หรือคนไหนที่เป็นตัวอย่างของความเป็นสุภาพเรียบร้อย จะทำให้ก้าวร้าวรุนแรงก็เป็นไปไม่ได้” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (30 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ที่บ้านพักซอยสุขุมวิท 31 ถึงกรณีการตัดต่อคลิปเสียงสั่งการให้ทหารใช้ความรุนแรงกับกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า คลิปเสียงที่ถูกนำออกมาเผยแพร่นั้น เป็นเสียงที่ถูกตัดต่อ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดทั้งในส่วนของผู้ทำ และผู้เผยแพร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามดูอยู่ และจะดำเนินการต่อไป
ส่วนในการแถลงข่าวที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ของอดีตกรรมบริหารพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการแจกจ่ายคลิปเสียงนี้ด้วยนั้น ก็จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป
"ความจริง เรื่องนี้สื่อมวลชนทราบดีว่า ใครเผยแพร่คลิปเสียงนี้บ้าง ซึ่งคนที่เผยแพร่โดยสุจริตก่อนหน้านี้ ก็ไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เป็นเสียงที่ถูกตัดต่อ ไม่มีความจริง และมีเจตนาที่จะให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ดังนั้น ถ้าใครเผยแพร่ต่อจะมีความผิด"
ต่อข้อถามว่าคิดว่า จะยังมีการนำเรื่องนี้ไปใช้ในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ามีการนำคลิปเสียงใช้ในการชุมนุม ก็เป็นการฟ้องประจานตัวเองว่า เคลื่อนไหวด้วยเรื่องที่เป็นเท็จ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะลองทบทวนดู เพราะหลายเรื่องในอดีตก็เป็นเท็จ ซึ่งตนได้ฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว 2 คดี และในส่วนกรณีนี้ ถ้าเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดินแล้ว ตนก็จะไม่ฟ้องเพิ่ม
**ใช้เทคโนโลยีต้องมีจริยธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านั้น ในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ช่วงที่ 2 ซึ่งนายอภิสิทธิ์เชิญ นายพงษ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือ"หนุ่ย" พิธีกรจากรายการแบไต๋ไฮเทค และทีมงานจากสถานีเนชั่นทีวี ทำหน้าที่สัมภาษณ์เรื่อง“คลิปเสียง” โดยทีมงานพิธีกรได้พิสูจน์การตัดต่อเสียง ด้วย "โปรแกรมออดิโอคลื่นเสียง" โดยพิธีกรทั้ง 4 คน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการตัดต่อ และให้ความเห็นว่า ยังจะต้องตรวจสอบการส่งคลิปทางอีเมล์ ไปหาใครบ้างเพื่อรู้ว่าต้นต่อมาจากไหน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวเรื่องนี้ว่า ครั้งแรกที่ได้รับทราบจากสื่อมวลชนที่มาบอก เมื่อได้ฟังเสียงแล้วก็ยอมรับว่าเป็นเสียงของตนเอง แต่เมื่อฟังไปได้ประมาณ 2 - 3 ประโยค ก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงดังกล่าวเป็นการตัดต่อ เพราะความสม่ำเสมอของเสียงไม่เท่ากัน และเสียงในคลิปก็ได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบ ซึ่งภายใน 1 วัน ก็ทราบผลแน่ชัดแล้วว่าเป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน เนื่องจากเสียงพูดนั้นเป็นการพูดไม่ปกติ โดยเปรียบเทียบคำพูดและน้ำเสียงในแต่ละคำ
"หากมีการนำคลิปเสียงของผมไปเปิดในเวทีชุมนุม และหากมีคนเชื่อว่าผมได้พูดอย่างนั้น ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ผมขอฝากเตือนไปยังคนที่ตัดต่อเสียง และนำไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต นั้นจะมีความผิด เพราะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ควบคุมอยู่"
ผู้ดำเนินรายการถามว่ามีความรู้สึกโกรธหรือไม่ กับการที่ถูกตัดต่อเสียงเช่นนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวใช้ใช้ ทวิตเตอร์ hi5 และ facebook ซึ่งมีทีมงานคอยดูแลทำให้ แต่ส่วนใหญ่จะติดตามคนที่ชอบใช้มากกว่า ส่วนอีเมล ตนก็พยายามที่จะตอบเองให้หมดทุกอีเมล อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมเตรียมผลักดันเรื่อง 3G และระบบไอทีต่างๆ ให้พัฒนาขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีถือว่าเป็นดาบสองคม ดังนั้นคนที่ใช้ ต้องมีจริยธรรมในการงานด้วย
**แก๊ง 111 ต้องรับผิดชอบการแพร่คลิป
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงนายกฯ ว่าขณะนี้มีพัฒนาการขึ้นมา 2-3 เรื่อง ในขณะที่ทางการก็พยายามที่จะดำเนินการ เพื่อขยายผลสืบค้นหาที่มาของคลิปเสียง และเส้นทางการส่งต่อคลิปเสียงทางเว็บไซต์ และอีเมล์ต่างๆ ซึ่งสิ้นสุดลงโดยบุคคลที่ทำงานอยู่ในพรรคเพื่อไทย
"วันนี้เห็นได้ชัดว่า ในขณะที่มีการขยายผลดำเนินการ และสังคมก็เริ่มรับทราบถึงขบวนการดังกล่าวว่า ไม่ชอบ ท่าทีของกลุ่มที่เคยสนับสนุนยืนยันการใช้คลิปดังกล่าว ก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นการพิสูจน์ต้นตอ และเริ่มมาร่วมเรียกร้องให้พิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่า ท่าทีเปลี่ยนไปของกลุ่มสนับสนุนเพราะเห็นว่าประชาชนปฏิเสธแนวทางการเมืองที่ใช้วิธีสกปรก โดยบุคคลที่ถือว่าเป็นผู้แทนประชาชน ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร บุคคลที่ไม่สามารถปฏิเสธส่วนรู้เห็นได้เลย คือ กลุ่ม นปช. ที่มีการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่คลิป ดังกล่าวไปทั่วประเทศ โดยการแปลงรูปเป็น วีซีดี เพื่อสร้างความสับสน และความเกลียดชังให้รัฐบาล" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาเทียบเคียงว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ เพราะมีเรื่องเมล์โจ๊ก เมล์ขยะ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเมล์โจ๊ก เมล์ขยะ แต่เป็นเรื่องที่มีกระบวนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการตัดต่อเสียงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งการเผยแพร่ผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งในอินเทอร์เน็ต และในพื้นที่ เพื่อที่จะหวังสร้างความขัดแย้ง เข้าใจผิด กระทบโดยตรงต่อความมั่นคง จึงอยากจะเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ร่วมแสดงความรับผิดชอบ เพราะมีข้อมูลยืนยันว่า ในการประชุมอบรมผู้นำทางการเมือง รุ่นที่ 1 ของมูลนิธิ 111 ก็มีผู้เข้าร่วมสัมมนาแจกวีซีดี ดังกล่าวด้วย ซึ่งดำเนินการแตกต่างจากความเข้าใจผิดก่อนวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่มีความสับสนว่า เป็นจริงหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย"
**ชี้ พท.จงใจป่วนด้วยการแพร่คลิป
นอกจากนี้ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่รู้ ไม่เห็นได้เลย ก็คือ พรรคเพื่อไทย เพราะเส้นทางการส่งอีเมล์นั้นปรากฎชัดว่า มีการส่งต่อมายังบุคคลที่ทำงานในพรรคเพื่อไทย จากนั้น ก็มีการส่งอีเมล์ต่อไปยังสื่อมวลชนกว่า 30 แห่ง แม้มีความพยายามอ้างว่า ไม่ทราบว่าคลิปนั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่เนื้อสาระในการส่งต่อนั้น แสดงชัดเจนถึงเจตนาของผู้ส่งว่า เจตนาจะให้สาระดังกล่าว สร้างความเข้าใจผิด สร้างความเสียหาย สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการในที่ประชุม ส.ส. ที่ผ่านมา ก็มี ส.ส. ระดับแกนนำหลายคนของพรรคเพื่อไทย ที่หวังใช้เอกสิทธิ์การคุ้มครองฯในสภา เพื่อเผยแพร่คลิปดังกล่าว ทั้งที่ยังไม่ปรากฎชัดว่าคลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ บุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นได้แก่นายสมชาย เพศประเสริฐ นางฐิติมา ฉายแสง นายสุนัย จุลพงศธร ที่นำวีซีดีดังกล่าวมา และพยายามให้มีการเปิดในสภาฯ ซึ่งสอดรับกับการปั๊ม และแจกจ่ายวีซีดีดังกล่าวไปทั่วประเทศในวันถัดมา รวมทั้งนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่พยายามจะให้ประธานรัฐสภา เปิดวีซีดี ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้มีคำสั่งศาลออกมาแล้วว่า ในกรณีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเผยแพร่ ก็ได้ให้อำนาจกระทรวงไอซีที ในการปิดเว็บดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ในขณะที่บุคคลที่พยายามจะเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวนี้ ด้วยวิธีอื่นๆ ทางพรรคก็ได้ให้คณะทำงานทางกฎหมาย พิจาณาว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (7) มาตรา 264 มาตรา 268 และ มาตรา 116
ส่วนผู้ที่พยายามใช้เอกสิทธิ์ในสภา และอ้างว่าไม่ทราบว่า วีซีดี เป็นจริงหรือไม่ พรรคไม่ประสงค์จะท้า หรือ ยั่วยุ แต่ขอบอกว่า หากมีความพยายามที่จะกระทำการดังกล่าวอยู่ ทางพรรค และผู้เสียหาย คือ นายกฯ จะใช้สิทธิ์ในการปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย เพื่อไม่ประสงค์ให้ผู้ใดใช้การเมืองแบบเก่า สร้างความแตกแยกในบ้านเมืองให้เกิดขึ้นอีก
**ปชป. ฟ้อง เสื้อแดง-บ้าน 111-พท.เอี่ยว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมอบหมายให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่ดำเนินการเผยแพร่คลิปเสียงนายกรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่มีโทษจำคุก 7 ปี ทั้งนี้ เบื้องต้นพบมี 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 และพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากพบหลักฐานชัดเจนก็จะฟ้องร้องให้ดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทยด้วย เนื่องจากใช้วิชามารเล่นการเมืองสกปรก รวมทั้งสร้างความเสียหายให้บุคคลอื่นและส่วนรวม
กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ปิดเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าว โดยให้เอาผิดผู้ที่เผยแพร่ ตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยมีโทษจำคุก 5 ปีด้วย
ส่วนกรณีที่มีการพบข้อมูลต้นตอการส่งคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีทางอีเมล์ มาจากบริษัท เอสซี แอสเสท ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ยืนยันว่า พรรคไม่เคยระบุว่าเป็นการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเพียงพนักงานในบริษัทเท่านั้น
**ส.ว.จี้"มาร์ค"แจ้งจับผู้เผยแพร่คลิป
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีเทปเสียงตัดต่อ ที่นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นำเทปตัดต่อเสียงนายกฯไปเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ ดีทีวี ว่า อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อเทปดังกล่าว และผู้ที่นำไปเผยแพร่ อาทิ นายอดิศร และ พ.ต.ท. สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะอ้างว่าไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่เป็นผู้นำมาเผยแพร่ เพราะถือว่าเป็นการตัดต่อเสียง เหมือนเป็นการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดอาญา และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้อยากให้นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัทเอสซี แอสเสท ด้วย
"การดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่นั้น นายอภิสิทธิ์ จะต้องทำ เพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากนายกฯไม่ทำ อาจเข้าข่ายมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ก็ได้" นายสมชายกล่าว
**ท้าลาออกหากคลิปหลุดจากน้องสาวแม้ว
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้จะมีการพิสูจน์เบื้องต้นแล้วว่าเป็นการตัดต่อ แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าเสียงในคลิปนั้นไม่ใช่เสียงของนายกฯ ดังนั้นควรส่งให้หน่วยงานต่างประเทศพิสูจน์ให้ชัดเจนทั้งหมดอีกครั้ง
"นายอภิสิทธิ์ กล้ายืนยันหรือไม่ว่าไม่เคยพูดลักษณะแบบนั้นเลยไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เพราะผมได้ข้อมูลมาว่า ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมีฉบับจริงทั้งหมดอยู่ มีความยาวประมาณ 4 นาที หากนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่แน่ว่าอาจจะมีการนำออกมาเปิดเผยเร็วๆนี้ ก็ได้ นายอภิสิทธิ์ควรกลับไปทบทวนว่า ที่ผ่านมาไปทำอะไรใครไว้หรือไม่ รังแกใครให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า"
ส่วนกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า บริษัทเอสซี แอสแสท ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวการเผยแพร่คลิปนั้น ถ้าพิสูจน์ได้ว่า บริษัทดังกล่าว เป็นตัวการตนก็พร้อมจะไปจากพรรคเพื่อไทยทันที เพราะเชื่อว่าไม่มีเรื่องแบบนี้แน่นอน และหากจะนำประเด็นนี้มายุบพรรคเพื่อไทย ก็คงต้องข้ามศพตนไปก่อน ตนจะไม่ยอมให้มีการยุบพรรคอีกแล้ว
**อ้าง"เพื่อไทย"ไม่ใช่ควายจะได้ทำอะไรโง่ๆ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมายืนยันว่า คลิปเสียงของนายกฯ เป็นการตัดต่อ และมีต้นตอมาจากบริษัทเอสซี แอสเสท ส่งไปที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของพรรคเพื่อไทย ก่อนจะกระจายส่งผ่านอีเมล์ต่างๆนั้น เรื่องนี้กระจายไปรวดเร็วมาก เนื่องจากรัฐบาล และหน่วยงานของรัฐโหมโรง จนเกือบทุกคนในภาคอีสานและภาคเหนือ มีคลิปเสียงนายกฯ กันหมด เพื่อต้องการฟังว่า เป็นสียงของนายกฯจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมสับสน และเป็นการให้ร้ายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนในฐานะที่เป็นผู้ใช้อีเมล์คนแรกในประเทศ จากการที่เคยทำงานในบริษัทไอบีเอ็ม มาก่อนนั้น ขอเสนอให้ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถทำได้ง่ายมาก
การฟอร์เวิร์ตคลิปผ่านอีเมล์นั้น ต้องดูว่าต้นตอที่แท้จริงมาจากสถานที่ใด สมมติว่า พรรคเพื่อไทยทำจริง พรรคจะส่งคลิปออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของพรรคเพื่อไทย หรือของบริษัทเอสซี แอสเสท ทำไม เราไม่ใช่วัวควาย ยืมมือใครทำก็ได้ ใช้ร้านอินเทอร์เน็ตที่ไหนก็สามารถทำได้
**"สมชาย"ฉุนถูก"มาร์ค"ฉีกหน้า
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ มาสอบถามตนต่อหน้ากลุ่มนักข่าวว่า ตนเป็นคนนำคลิปเสียงมาให้นักข่าวฟัง ก่อนที่จะสะบัดก้นหนีไปนั้น แสดงให้เห็นว่านายกฯ วุฒิภาวะเป็นเด็ก วันนี้ขอให้นายกฯตั้งสติให้ดี แยกมิตร และศัตรูให้ออก พรรคเพื่อไทย และตนไม่เคยคิดเป็นศัตรูของนายกฯ ศัตรูที่แท้จริงของนายกฯ เป็นคนรอบข้างใช่หรือไม่ อยากให้ระวังตัว นอกจากนี้ ที่มีกระแสข่าวว่าทั้งกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพรรคภูมิใจไทย มีหลายกรณีที่ไม่พอใจนายกฯนั้น อยากให้ระวัง ไม่ใช่ตั้งแง่กับพรรคเพื่อไทย
**โฆษก ทบ. ยันทหารไม่เกี่ยว
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าเรื่องนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้ประโยชน์อะไร กองทัพเป็นของประชาชนไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร เพราะตลอดเวลาที่ปฎิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้ดูแลรักษาความสงบ ไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งหรือนโยบายใดๆที่ก่อให้ความรุนแรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่การกำชับลงตามลำดับชั้น ว่า กำลังพลที่ปฎิบัติภารกิจต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น และไม่เคยมีการถ่ายทอดคำสั่งลงมาในลักษณะที่ก่อให้เกิดความรุนแรงอย่างที่ปรากฏในคลิปเสียง
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ทหารนำคลิปเสียงในวันประชุมที่กรมการทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ มาเปิดเผยข้อเท็จจริง พอ.สรรเสริญ กล่าวว่า กองทัพคงไม่ตอบโต้นายจตุพร เพราะที่ประชุมวันดังกล่าวไม่ได้มีการบันทึกเสียงไว้ ยืนยันอีกครั้งว่า ทหารไม่เคยมีคำสั่งหรือนโยบาย ให้เกิดความรุนแรง เพราะทหารไม่ต้องการเห็นคู่กรณีไปตอบโต้วาทะทางการเมือง ส่วนกลุ่มการเมืองท่านใดจะพูดจาในลักษณะอย่างนั้นก็ต้องกลับไปถามท่าน ทหารเรามีหน้าที่อธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง ส่วนการเผยแพร่เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วทางการเมืองอาจจะมองไปในลักษณะอย่างนั้น แต่ทางกองทัพไม่เคยคิดเช่นนั้น เราทำอย่างเดียวคืออะไรที่เป็นนโยบายที่จะตอบสนองรัฐบาล กองทัพทำเต็มที่บนพื้นฐานของความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เราไม่ได้เป็นเครื่องมือทางด้านการเมืองของกลุ่มใด ฝ่ายใด
**อดีต คมช.ฟังธง แผนดิสเครดิต
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า เรื่องคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีที่นำมาเผยแพร่นั้น ก็เป็นวิธีการทำลายความน่าเชื่อถือ รัฐบาล ตอนนี้มันมีเทคโนโลยีหลายอย่างมีการแอบอ้าง แม้กระทั่งการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ก็มีการแอบอ้างอะไรสารพัด ดังนั้นจะต้องใคร่ครวญให้ดีว่าเหตุการณ์แต่ละ เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
“ผมไม่ได้ดูหรือฟังคลิปเสียงดังกล่าว แต่ก็จะต้องดูพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนั้นหรือเปล่า หรืออย่างไรที่จะไปทำแบบนั้น พฤติกรรมของคนมันเป็นอย่างไรก็จะต้องเป็นแบบนั้น พฤติกรรมของคนที่สุภาพเรียบร้อย จะไปพูดให้มันรุนแรงโอกาสก็เป็นไปไม่ได้ ขณะที่คนที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงจะมาพูดให้ดีก็เป็นไปไม่ได้ ผมไม่อยากยกตัวบุคคลขึ้นมาพูด แต่จะต้องไปดูให้ชัดเจนว่าคนไหนที่เป็นตัวอย่างความก้าวร้าวรุนแรงที่จะทำให้เกิดขึ้น หรือคนไหนที่เป็นตัวอย่างของความเป็นสุภาพเรียบร้อย จะทำให้ก้าวร้าวรุนแรงก็เป็นไปไม่ได้” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว