นายกฯ ยืนยันมีขบวนการตัดต่อคลิปเสียงจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ หวังใช้ปลุกระดมมวลชนกลางที่ชุมนุม ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง เตรียมเล่นงานทั้งอาญา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตรึง พ.ร.บ.มั่นคง แม้เสื้อแดงจะถอดใจเลื่อนนัดชุมนุมใหญ่ ยอบรับแนวทางยุบสภามีโอกาสเป็นไปได้เพราะเป็นกระบวนการทางรัฐสภา ไม่หวั่นเลือกตั้งใหม่
วันนี้ (30 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ถึงการตัดต่อคลิปเสียง 3 นาที พร้อมยอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเองจริง แต่ว่ามีการตัดปรับเปลี่ยนถ้อยความทำให้การสื่อความหมายผิดเพี้ยนไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการตัดต่อคำให้สัมภาษณ์ในรายยการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เนื่องจากไม่มีเสียงรบกวนอย่างที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างว่า มีการพูดคุยกันในที่ประชุมของกองทัพ เพราะจะต้องมีเสียงรบกวน สำหรับคลิปตัดต่อดังกล่าวได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายฝ่าย ตรวจสอบพบว่ามีคลื่นเสียงผิดปกติ เนื่องจากมีลักษณะการพูดที่ยาวนานและคลื่นเสียงไม่สม่ำเสมอ เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวมีวัตถุประสงค์อันเป็นภัยต่อความมั่นคง หากนำไปใช้เพื่อการปลุกระดมให้มีเกลียดชัง และหวั่นเกรงว่าหากมีการนำเปิดกลางฝูงหรือในการชุมนุมที่มีการเตรียมการจะยิ่งทำให้เกิดความเกลียดชังและส่งผลเสียหายอันกระทบต่อความมั่นคงของชาติได้ อันนี้จะต้องดำเนินการตามกฏหมาย ว่าด้วยการสร้างหลักฐายเท็จ และหากการนำไปเผยแพร่โดยรูปแบบต่างๆ เช่น อีเมล ซึ่งก็ถือว่าผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันก้าวหน้าไปไกลมาก แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม แต่การนำไปใช้ต้องคำนึงถึงจริยธรรมเป็นสำคัญ
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า ถือเป็นมาตรการเป็นการป้องปรามกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีสัญญาณที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ แต่เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศเลื่อนออกไป ทางรัฐบาลก็ขอรอดูท่าในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง ส่วนที่มีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องดูว่าขอให้แก้ไขในประเด็นอะไร ส่วนการออกมาเรียกร้องในเรื่องการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องต้องปฏิบัติตามจารีตประเพณีตั้งแต่ในอดีตว่าการถวายฎีกามีหลักปฎิบัติกันมาอย่างไร
ส่วนที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงรวมทั้งเรียกร้องให้มีการยุบสภานั้น กระบวนการยุบสภาถือเป็นกระบวนการทางรัฐสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ และตนก็ไม่มีความเป็นห่วงหากมีการเลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์มี 2 ทางเลือก คือ ไม่แพ้ก็ชนะการเลือกตั้งเท่านั้น แต่การออกมาเรียกร้องอะไรก็ขอให้ใช้กระบวนการรัฐสภา เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ต่างชาติกำลังหันมาเชื่อมั่นในการลงทุนถึง หลังจากภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายในเหตุการณ์เมษายน เป็นต้นมาและคนที่ได้รับความเดือดร้อนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นประชาชนนั่นเอง