เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มีคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแพร่ออกมา เนื้อหาของคลิปดังกล่าว ผู้ผลิตต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มคนที่สร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
เมื่อคลิปเสียงดังกล่าวนี้แพร่ออกมาใครที่ได้ยินได้ฟังก็ฟังออกทันทีว่า เป็นการตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่พูดต่างกรรมต่างวาระ แล้วก็นำคำพูดต่างกรรมต่างวาระนั้นมาตัดต่อให้ผู้ฟังเกิดความสับสน เกิดความเข้าใจผิดว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือต้องการปราบปรามประชาชนที่คัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีด้วยความรุนแรง
ไม่เป็นประชาธิปไตย!
การทำคลิปวิดีโอนั้นไม่ใช่เรื่องยากในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสำหรับคนเป็นนายกรัฐมนตรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้
ดังได้กล่าวแล้วว่าคลิปดังกล่าวแพร่ออกมาก่อนวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ เบื้องหลังหรือการเตรียมการชุมนุมจะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดการณ์ได้ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เตรียมการด้วยการใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม- 1 กันยายน เพื่อเป็นการไม่ประมาทกับความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงสงกรานต์
คลิปดังกล่าวถ้าหากแพร่หลายออกไป และหากประชาชนเกิดความเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีนโยบายหรือมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรงมาแล้วในช่วงสงกรานต์ ก็อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนจงเกลียดจงชังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะเข้าร่วมการชุมนุมมากมายเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน และอาจจะก่อเหตุดังที่เคยก่อมาแล้วในช่วงสงกรานต์
ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ และต่อประชาชนดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างโชคดีที่พอคลิปดังกล่าวแพร่หลายออกมา ผู้คนทั้งหลายก็เข้าใจได้ว่า เป็นฝีมือค่อนข้างจะต่ำชั้นและชั่วร้าย
แม้มีความพยายามที่จะเอาไปเปิดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ความพยายามนั้นก็ไม่ประสบผลเพราะฝ่ายรัฐบาลรู้ทันเล่ห์กระเท่ห์ของพวกเขา
การประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมออกไป ประกอบกับความหวังที่จะใช้คลิปนายกรัฐมนตรี (ที่พวกเขาซึ่งเป็นใครก็ยังไม่รู้ตัดต่อ) สั่งปราบปรามประชาชนไม่ได้ผล จึงถือเป็นเรื่องโชคดีของประเทศไทยที่ไม่เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างที่คนชั่วคนเลวบางกลุ่มพยายามที่จะให้เกิด
ไม่ใช่เรื่องยากของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะหาต้นตอของการผลิตคลิป และการเผยแพร่ว่ามาจากแหล่งใด ถ้าหากจะตรวจสอบค้นหากันอย่างจริงจัง
บุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นใครที่ไหนก็รู้กันอยู่แล้ว จึงอยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งสังคมไม่แน่ใจว่า รับใช้ใคร จะทำงานจริงจัง หรือจะทำตัวเป็นเกียร์ว่างอย่างที่ได้ทำมาแล้วในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยให้นายกรัฐมนตรีที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทยช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นี่เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องสะสาง
การเลื่อนการชุมนุมของคนเสื้อแดงไปเป็นวันที่ 5 กันยายน และอาจจะเลื่อนไปอีกหากรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงอีก และจะเลื่อนไปเรื่อยๆ ชนิดที่เรียกว่า เล่นเอาเถิดกับรัฐบาล ปล่อยให้รัฐบาลเป็นตัวตลกไปเรื่อยๆ กล่าวคือ ให้รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงไปเรื่อยๆ แล้วพวกเขาก็จะเลื่อนการชุมนุมไปเรื่อยๆ
รัฐบาลก็ต้องทำ เพราะนี่คือการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็จะเข้าใจว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มนี้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หรือแท้ที่จริงแล้วพวกเขาต้องการให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ในยามที่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
พวกเขาเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหรือแท้จริงเคลื่อนไหวเพื่อทักษิณ ชินวัตร ผู้เสมอหรือยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้าของพวกเขาที่กำลังตุหรัดตุเหร่อยู่แถวตะวันออกกลาง พวกเขาต่อสู้เพื่อความร่ำรวยอ้วนพีของพวกเขา หรือต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองของเราเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ตรงนี้ประชาชนทั้งหลายจะต้องดูออก จะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
การเลื่อนการชุมนุมของพวกเขา แน่นอนว่าจะทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้ที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำจนอ้วนพีไปไม่ใช่น้อยๆ พวกเขาจะทนได้หรือ?
การเคลื่อนไหวเพื่อความร่ำรวย อ้วนพีของพวกเขา ประชาชนส่วนหนึ่งที่ร่วมกับพวกเขาก็จะต้องรู้และดูออก
ปัญหาอยู่ที่ว่า รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบต่อสื่อ ข่าวสารได้ให้ความรู้ ความจริงกับประชาชนมากแค่ไหน อย่างไร
ถ้าหากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ทำงานชนิดที่เรียกว่า รู้ทุกเรื่องที่มิใช่งานในหน้าที่ของตัว แต่งานที่จะต้องรับผิดชอบเอาใจใส่กลับไม่ทำ ก็อย่าหวังว่าการณ์ทั้งหลายทั้งปวงจะดีขึ้น
เหนื่อยแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหนื่อยแทนนายกรัฐมนตรีจริงๆ
เมื่อคลิปเสียงดังกล่าวนี้แพร่ออกมาใครที่ได้ยินได้ฟังก็ฟังออกทันทีว่า เป็นการตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่พูดต่างกรรมต่างวาระ แล้วก็นำคำพูดต่างกรรมต่างวาระนั้นมาตัดต่อให้ผู้ฟังเกิดความสับสน เกิดความเข้าใจผิดว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือต้องการปราบปรามประชาชนที่คัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีด้วยความรุนแรง
ไม่เป็นประชาธิปไตย!
การทำคลิปวิดีโอนั้นไม่ใช่เรื่องยากในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสำหรับคนเป็นนายกรัฐมนตรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้
ดังได้กล่าวแล้วว่าคลิปดังกล่าวแพร่ออกมาก่อนวันที่ 30 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ เบื้องหลังหรือการเตรียมการชุมนุมจะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดการณ์ได้ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เตรียมการด้วยการใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม- 1 กันยายน เพื่อเป็นการไม่ประมาทกับความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงสงกรานต์
คลิปดังกล่าวถ้าหากแพร่หลายออกไป และหากประชาชนเกิดความเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีนโยบายหรือมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรงมาแล้วในช่วงสงกรานต์ ก็อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนจงเกลียดจงชังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะเข้าร่วมการชุมนุมมากมายเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน และอาจจะก่อเหตุดังที่เคยก่อมาแล้วในช่วงสงกรานต์
ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ และต่อประชาชนดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างโชคดีที่พอคลิปดังกล่าวแพร่หลายออกมา ผู้คนทั้งหลายก็เข้าใจได้ว่า เป็นฝีมือค่อนข้างจะต่ำชั้นและชั่วร้าย
แม้มีความพยายามที่จะเอาไปเปิดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ความพยายามนั้นก็ไม่ประสบผลเพราะฝ่ายรัฐบาลรู้ทันเล่ห์กระเท่ห์ของพวกเขา
การประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเลื่อนการชุมนุมออกไป ประกอบกับความหวังที่จะใช้คลิปนายกรัฐมนตรี (ที่พวกเขาซึ่งเป็นใครก็ยังไม่รู้ตัดต่อ) สั่งปราบปรามประชาชนไม่ได้ผล จึงถือเป็นเรื่องโชคดีของประเทศไทยที่ไม่เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างที่คนชั่วคนเลวบางกลุ่มพยายามที่จะให้เกิด
ไม่ใช่เรื่องยากของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะหาต้นตอของการผลิตคลิป และการเผยแพร่ว่ามาจากแหล่งใด ถ้าหากจะตรวจสอบค้นหากันอย่างจริงจัง
บุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเป็นใครที่ไหนก็รู้กันอยู่แล้ว จึงอยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งสังคมไม่แน่ใจว่า รับใช้ใคร จะทำงานจริงจัง หรือจะทำตัวเป็นเกียร์ว่างอย่างที่ได้ทำมาแล้วในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยให้นายกรัฐมนตรีที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทยช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นี่เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องสะสาง
การเลื่อนการชุมนุมของคนเสื้อแดงไปเป็นวันที่ 5 กันยายน และอาจจะเลื่อนไปอีกหากรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงอีก และจะเลื่อนไปเรื่อยๆ ชนิดที่เรียกว่า เล่นเอาเถิดกับรัฐบาล ปล่อยให้รัฐบาลเป็นตัวตลกไปเรื่อยๆ กล่าวคือ ให้รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงไปเรื่อยๆ แล้วพวกเขาก็จะเลื่อนการชุมนุมไปเรื่อยๆ
รัฐบาลก็ต้องทำ เพราะนี่คือการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงก็จะเข้าใจว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มนี้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หรือแท้ที่จริงแล้วพวกเขาต้องการให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ในยามที่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
พวกเขาเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหรือแท้จริงเคลื่อนไหวเพื่อทักษิณ ชินวัตร ผู้เสมอหรือยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้าของพวกเขาที่กำลังตุหรัดตุเหร่อยู่แถวตะวันออกกลาง พวกเขาต่อสู้เพื่อความร่ำรวยอ้วนพีของพวกเขา หรือต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองของเราเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ตรงนี้ประชาชนทั้งหลายจะต้องดูออก จะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
การเลื่อนการชุมนุมของพวกเขา แน่นอนว่าจะทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้ที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำจนอ้วนพีไปไม่ใช่น้อยๆ พวกเขาจะทนได้หรือ?
การเคลื่อนไหวเพื่อความร่ำรวย อ้วนพีของพวกเขา ประชาชนส่วนหนึ่งที่ร่วมกับพวกเขาก็จะต้องรู้และดูออก
ปัญหาอยู่ที่ว่า รัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบต่อสื่อ ข่าวสารได้ให้ความรู้ ความจริงกับประชาชนมากแค่ไหน อย่างไร
ถ้าหากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ทำงานชนิดที่เรียกว่า รู้ทุกเรื่องที่มิใช่งานในหน้าที่ของตัว แต่งานที่จะต้องรับผิดชอบเอาใจใส่กลับไม่ทำ ก็อย่าหวังว่าการณ์ทั้งหลายทั้งปวงจะดีขึ้น
เหนื่อยแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหนื่อยแทนนายกรัฐมนตรีจริงๆ