xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจเข้าค้นเอสซีแอสเสท หาต้นตอแพร่คลิปเสียง “มาร์ค”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ตำรวจกองปราบปรามนำหมายศาลบุกเข้าค้นที่ทำการบริษัท เอสซี แอสเสท ค้นโต๊ะทำงานของ 2 ผู้ต้องหา โดยมีรายงานยืนยันต้นตอเข้าสู่ระบบคอมพ์มาจาก 2 ผู้ต้องหา ในขณะที่บริษัทฯ ร่อนเอกสารแจงไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และมีกฎห้ามพนักงานใช้เครื่องในเรื่องส่วนตัว

วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.สั่งการให้ พนักงานสอบสวน บก.ป.ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของนายสมศักดิ์ แซ่อึง และน.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีเผยแพร่คลิปเสียงนายกฯ ที่แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3 เลขที่ 1010 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงและเขตจตุจักร โดยเจ้าหน้าที่ของ ศตท.ได้นำอุปกรณ์โคลนนิ่งข้อมูลจากในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานของผู้ต้องหามา รวมทั้งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของพยานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำเอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าวจากทางบริษัทมาแจกจ่ายให้แก่สื่อมวลชน โดยระบุว่าวันนี้เวลา 11.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญามาที่บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อขอตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของพนักงานบริษัทฯ บางรายการเฉพาะพนักงานบริษัทฯ ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางบริษัทฯ โดยผู้แทนได้ทราบวัตถุประสงค์ของเจ้าพนักงานตำรวจจึงให้ความร่วมมือในการตรวจสอบด้วยดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของบริษัทฯ ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และเพื่อให้สังคมโดยทั่วไปเข้าใจได้ว่าบริษัทมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการแผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลทางคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

วันนี้บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นทราบข้อเท็จจริงว่า พนักงานที่ต้องสงสัยและถูกกล่าวหามิได้เกี่ยวข้องและกระทำการใดๆ ในลักษณะเป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงาน ห้ามพนักงานใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว และขณะนี้บริษัทได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับเรื่องที่พนักงานบริษัทฯ ถูกกล่าวหาจากเจ้าพนักงานตำรวจ บริษัทฯ ทราบว่าพนักงานที่ถูกกล่าวหาได้ให้การปฏิเสธในเรื่องที่ถูกกล่าวหาในชั้นจับกุม และในชั้นสอบสวน โดยจะขอทำคำให้การเป็นหนังสือชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน และมิได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ตัดต่อคลิปตามที่เป็นข่าว และพนักงานบริษัทฯ ที่ถูกกล่าวหายืนยันข้อเท็จจริงว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกลุ่มการเมืองทั้งสิ้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯประกอบธุรกิจและมีจุดยืนที่จะไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองจึงขอชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

ต่อมาเวลา 12.00 น.ที่บริเวณชั้นล่างอาคารชินวัตร 3 นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายตระกูลชินวัตร กล่าวยอมรับว่า พนักงานบริษัทฯ ทั้งสองมีคลิปเสียงนายกฯ จริง แต่ได้รับฟอร์เวิร์ดเมลมาจากที่อื่น ไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปดังกล่าวแต่อย่างใด จะเป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบทราบว่า น.ส.กันทิมา ได้รับแผ่นซีดีคลิปเสียงนายกฯ มาจากเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในในบริษัท ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้รับแผ่นซีดีมากจากผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งที่มายื่นแจกแผ่นซีดีอยู่ที่คิวรถตู้ในอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเพื่อนคนดังกล่าวก็นำมาให้ น.ส.กันทิมา เพื่อที่จะเปิดฟัง แต่ไม่สามารถเปิดได้ จึงนำไปให้นายสมศักดิ์ เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันจัดการแปลงไฟล์ให้ หลังจากนายสมศักดิ์แปลงไฟล์เสร็จจึงส่งไฟล์ดังกล่าวกลับมาให้ น.ส.กันทิมา ทางอีเมล หลังจากนั้น น.ส.กันทิมาก็ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังระบบอินเทอร์เน็ต ส่วนซีดีที่ได้มานั้นหลังจากแปลงไฟล์เรียบร้อยแล้วก็ได้หักทิ้งไปทันที

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายสมศักดิ์เป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก และส่งต่อให้ น.ส.กันทิมา เพียงคนเดียว โดยใช้ชื่อไฟล์ในการส่งว่า “คลิป ฟอร์ ยู” แต่ไม่ได้ส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ส่วน น.ส.กันทิมา นั้นได้ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ อีก 6 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนเพื่อไปให้ถึงต้นตอผู้ที่ตัดต่อคลิปนั้น ได้แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ที่มาของแผ่นซีดีที่ น.ส.กันทิมา อ้างว่าได้มาจากการแจกจ่าย ส่วนที่ 2 นั้นคือการสืบสวนหาที่มาตามที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ระบุว่าได้คลิปเสียงมาจากเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์พีทีวีที่มีคนนำไปโพสต์ไว้ ก่อนจะนำไปเปิดกระจายเสียงที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร ซึ่งขณะนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านายขวัญชัยเป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ นอกจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบหลักฐานที่ยึดมาได้ว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อในบริษัทหรือไม่ หรือมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ซึ่งจะมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น