xs
xsm
sm
md
lg

บุกรังน้องทักษิณ ล้วงคอมพ์ล่าต้นตอ “เหลิม” โยน “มาร์ค” ทำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - กองปราบฯ บุกรังเอสซีแอสเสทฯ ดูดข้อมูลคอมพิวเตอร์ 2 พนักงานปล่อยคลิปชั่วที่อ้างได้มาจากท่ารถตู้ย่านปากเกร็ด ตำรวจสืบ 2 ทางล่าต้นตออย่างละเอียด ลั่นดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทนายถุงขนม 2 ล้าน โผล่ป้อง “เป็ดเหลิม” สวมบทตำรวจสายสืบบอกคนในรัฐบาลมาร์คทำเอง แอบอัดเทปคำพูดนายกฯ แล้วนำมาเผยแพร่ “เทพไท” ยันคลิปตัดต่อจากรายการนายกฯ 2 ครั้ว 51 จุด


ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนหาต้อตอและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หลังจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้ทำการจับกุมผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านทางอีเมลจำนวน 2 คน คือ นายสมศักดิ์ แซ่อึง อายุ 38 ปี และ น.ส.กันทิมา แต้มครู อายุ 29 ปี ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

ล่าสุด วานนี้ (31 ส.ค.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก.ได้เดินทางมายังกองปราบปราม เพื่อสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่วนรายละเอียดในคดีนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ขอให้การในชั้นศาล จากนั้นทั้งสองได้ใช้เงินสดคนละ 1 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้

สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ พล.ต.ท.ไถง ได้มีคำสั่งห้ามตำรวจ ที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลใดๆ ต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่าได้มีการปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว

กองปราบบุกค้นรังเอสซีฯ

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.สั่งการให้ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นำหมายค้น ศาลอาญา เข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของ นายสมศักดิ์ แซ่อึง และ น.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัทเอสซี แอสเสทฯ แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3 เลขที่ 1010 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวง และเขตจตุจักร โดยเจ้าหน้าที่ของ ศตท. ได้นำอุปกรณ์โคลนนิ่งข้อมูลจากในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานของผู้ต้องหามา รวมทั้งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของพยานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ บริษัท เอสซี แอสเสทฯ สรุปว่าบริษัทได้ให้ความ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบเป็นอย่างดี และจากการตรว0สอบเบื้องต้น ทราบว่า พนักงานที่ต้องสงสัยและถูกกล่าวหา มิได้เกี่ยวข้องและกระทำการใดๆในลักษณะเป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังมีระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงาน ห้ามพนักงานใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว และขณะนี้บริษัทได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว

นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายตระกูลชินวัตร โต้แย้งว่า พนักงานบริษัทฯทั้งสองมีคลิปเสียงนายกฯจริง แต่ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ มาจากที่อื่น ไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปดังกล่าวแต่อย่างใด จะเป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวเท่านั้น

แถได้รับจากคิวรถตู้ปากเกร็ด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวน น.ส.กันทิมา ให้การว่าได้รับแผ่นซีดี คลิปเสียง นายกฯมาจากเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในบริษัท ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้รับแผ่นซีดี มากจากผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งที่มายื่นแจกแผ่นซีดีอยู่ที่คิวรถตู้ใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเพื่อนคนดังกล่าวก็นำมาให้น.ส.กันทิมา เพื่อที่จะเปิดฟัง แต่ไม่สามารถเปิดได้ จึงนำไปให้นายสมศักดิ์ เพื่อนร่วมงาน จัดการแปลงไฟล์ให้ หลังจากนายสมศักดิ์ แปลงไฟล์เสร็จจึงส่งไฟล์ดังกล่าวกลับมาให้ น.ส.กันทิมา ทางอีเมลล์ หลังจากนั้น น.ส.กันทิมาก็ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังระบบอินเตอร์เน็ต ส่วนซีดีที่ได้มานั้นหลังจากแปลงไฟล์เรียบร้อยแล้วก็ได้หักทิ้งไปทันที

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายสมศักดิ์ เป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก และส่งต่อให้กับ น.ส.กันทิมา เพียงคนเดียว โดยใช้ชื่อไฟล์ในการส่งว่า "คลิป ฟอร์ ยู" แต่ไม่ได้ส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ส่วน น.ส.กันทิมา นั้นได้ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ อีก 6 คน

สืบ 2 แนวทางล่าต้นตอ

สำหรับแนวทางการสืบสวนเพื่อไปให้ถึงต้นตอผู้ที่ตัดต่อคลิปนั้น ได้แยกออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือที่มาของแผ่นซีดีที่ น.ส.กันทิมา อ้างว่าได้มาจากการแจกจ่าย ส่วนที่สองนั้นคือการสืบสวนหาที่มาตามที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ระบุว่าได้คลิปเสียงมาจากเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์พีทีวีที่มีคนนำไปโพสต์ไว้ ก่อนจะนำไปเปิดกระจายเสียงที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร ซึ่งขณะนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า นายขวัญชัย เป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ นอกจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบหลักฐานที่ยึดมาได้ว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อในบริษัทหรือไม่หรือมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ซึ่งจะมีการดำเนินการทางกฏหมายกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

“มาร์ค” ให้เป็นเรื่องของตำรวจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนยังไม่ได้ติดตามข่าวที่ว่าจะส่งคลิปเสียงตัดต่อของตนไปให้ทางการสหรัฐฯ ตรวจสอบ เพราะไม่ได้ติดตาม เนื่องจากมีภารกิจอื่น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทีมสอบได้ทำงานคืบหน้าไปพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนของผู้เผยแพร่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยย้อนไปสู่ตัวคนทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเรียกพนักงานที่เผยแพร่คลิปมาให้ข้อมูลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีชื่ออยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหาข้อเท็จจริง คิดว่าน่าจะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า มีการเชื่อมโยงกันมาอย่างไรบ้าง เมื่อถามต่อว่า ถ้าเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองแล้วพอจะมำให้ยุบพรรคนั้นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดว่ามันอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเดี๋ยวจะเป็นเรื่องทะเลาะกันเปล่าๆ เอาเป็นว่า ก็ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวข้องกันกับใคร ข้อกฎหมายก็มีของมันอยู่แล้ว

ส่วนถ้าเบาะแสโยงไปถึงต้นตอจะทำอย่างไรต่อนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขาก็ทำกันอยู่หลายทางในส่วนของการพิสูจน์ โดยใช้ตัวคลิปก็เป็นทางหนึ่ง แต่อีกทางในส่วนของคนที่เผยแพร่เขาก็ต้องตอบให้ได้ว่า เผยแพร่ทำไม ได้มาจากที่ไหน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างว่าทหารขอคลิปเสียงไปตรวจสอบ นายกฯ กล่าวว่า ให้เจ้าหน้าที่พิจารณา เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การตรวจค้นบริษัท เอสซีแอทเสทฯ เป็นการดำเนินการไปตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแล และดำเนินคดีกับคนเหล่านั้นต่อไป ซึ่ง ผบ.ตร.รายงานว่า ได้ขอหมายศาลไปตรวจค้น บ้านผู้ต้องสงสัย ไปตรวจค้นสำนักงานที่บริษัทเอสซีฯ จากนั้นก็จะดำเนินการต่อไป ตามเอกสารหลักฐานที่มี

ส่วนที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยระบุว่า รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เล่นงานคนในตระกูลชินวัตร เนื่องจากบริษัทเอสซีฯ เกี่ยวโยงกับคนในตระกูลชินวัตร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลไม่แกล้งใครหรอก ว่าไปตามข้อมูลหลักฐาน

“เป็ดเหลิม” ขู่ยื่นกระทู้คลิปฉาว

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในวันที่ 3 ก.ย.นี้ตนจะยื่นกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของนายกรัฐมนตรีโดยเมื่อตนฟังแล้วพบว่า มีส่วนสำคัญ 6 จุด 6แห่ง ที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นคำพูด โดยไม่มีการตัดต่อ ดังนั้น ตนจึงต้องการถามให้นายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงในที่ประชุมสภา

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า 6 จุดดังกล่าวคือ ทำไมคลิปถูกเผยแพร่ในช่วงที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับฝ่ายความมั่นคง, เนื้อหาเป็นการประชุมในลักษณะสั่งการซึ่งนายกรัฐมนตรี อาจเข้าใจว่าในการพูดเป็นความลับ ทำเสียงเงียบ ไม่ใช่อยู่ที่สาธารณะแต่มีผู้นำมาเผยแพร่, สาระสำคัญในเทป น่าจะเป็นการพูดภายหลังการประกาศภาวะฉุกเฉินในช่วงเหตุการณ์เดือนเมษายน และหลังเหตุการณ์ที่มีผู้พยายามทำร้ายนายกรัฐมนตรีในกระทรวงมหาดไทย จากนั้นก็มีการปฎิบัติการสลายม็อบจริง การไปยึดสถานีดีสเตชั่น

นอกจากนี้ยังพบว่า เสียงในคลิป ที่มีความยาว 3.42 นาที เป็นเสียงของ คนคนเดียวกันตลอด คนที่ออกมาให้ความเห็นว่ามีการตัดต่อ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง ทั้งแพทย์ที่จะพิสูจน์บาดแผล คนตายหรือวิถีกระสุน รวมทั้งบริษัท กันตนา อาร์เอส แกรมมี่ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนกับศาลซึ่งในการตัดต่อหรือไม่ หน่วยงานที่จะตัดสินได้คือศาลสถิตยุติกรรมเท่านั้น ดังนั้น อยากให้เรื่องนี้ขึ้นไปสู่ชั้นศาล เพื่อให้มีการพิสูจน์

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าขอตั้งข้อสังเกตการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่ารวดเร็วผิดปกติ โดยมีการส่งเรื่องไปในวันที่ 26 ส.ค. แต่วันที่ 27 ส.ค. สามารถ สรุปผลได้แล้ว และในถ้อยคำในความเห็นของ สตช.โดยปกติในสำนวนจะไม่ฟันธงแต่จะใช้คำว่า "น่าเชื่อว่า" หรือ "มีหลักฐานเชื่อได้ว่า" เท่านั้น ยกเว้นกรณีเดียว ที่ให้ความเห็นชัดเจน คือ ลายพิมพ์นิ้วมือ

ทั้งนี้ ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นก็เป็นพวกของรัฐบาลทั้งนั้น สาระคำพูดมีข้อพิรุธ อยู่ 6 จุดซึ่งตนขออภิปรายในสภา ในประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เรื่องของน้ำหนักเสียงไม่เท่ากัน ในฐานะที่ทำงานด้านสอบสวนกองปราบมา เชื่อว่า ถ้ามีการบันทึกเทป อยู่กับที่ เพราะเสียงเสมอกัน หากผู้บันทึกใช้เทปเล็ก หรือมีการเคลื่อนไหวน้ำหนักของเสียงจะไม่เท่ากัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายกัฐมนตรี ลองพูดตามคลิป แล้วนำมาเปรียบเทียบเสียง ก็จะทราบ

อยากเรียกร้องให้นำเทปต้นฉบับเต็มมาเปิดเผย เพราะฟังแล้วพูดเลื่อนมา ถ้าตัดต่อมากถือว่าแน่มาก และอยากให้นำเรื่องเข้าสู่ศาล พร้อมขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะในเทป มีการระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จาบจ้วงเบื้องสูง หากเป็นเช่นนี้ ฝ่ายค้านจะทำคลิปขึ้นมาเพื่ออะไร

ส่วนที่มีความพยายามนำเรื่องนี้มาขยายผลเพื่อยุบพรรคนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถนำไปยุบพรรคเพื่อไทยได้ เพราะพรรคไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย มีคนส่งคลิปมาให้ฟังก็ฟัง เราไม่ได้คนฟังเพราะพรรคจะไปนำเสียงนายกรัฐมนตรี มาจากไหน เรื่องนี้น่าจะมาจากคนภายในที่นั่งร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีแล้วนำเสียงออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุญาตให้นำคลิปเสียง ไปเปิดหรือไม่บรรจุกระทู้ถามสดเข้ามาพิจารณาจะทำอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าไม่ยอมก็จบ แต่ตนอยากถามว่านายอภิสิทธิ์ กลัวอะไร เพราะถ้าตอบคำถามเรื่องนี้ ก็เท่ากับเป็นการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ

“ถ้าไม่มีต้นฉบับ จะตัดต่อได้ยังไง เรื่องนี้ต้องคนใน คนมีหน้าที่ นั่งประชุมอยู่เอาออกมา ผมเป็นฝ่ายค้านจะไปเอามาจากไหน งานนี้ผมไม่ต้องเหนื่อย เรื่องนี้สนุก เป็นเพชรตัดเพชร ฝ่ายค้านไม่ต้องลงแรง แต่คงจับตัวอยากเมื่อศัตรูมาเป็นมิตรคงหาตัวคนตัดต่อยาก”

โถ! “เหลิม” บอกคนในรัฐบาลทำ

ต่อข้อถามว่าที่ออกมาพูดเช่นนี้เพราะเชื่ว่าคนในรัฐบาลอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนรู้ แต่ไม่บอก คงพูดได้แค่ว่า นายกรัฐนตรี โดนสหบาทา ถูกพรรคพวกรุมกระทืบ ซึ่งคนที่เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นศัตรู และเชื่อว่านายกฯคงโดน สหบาท รอบสองรอบสามอีกแน่นอน ที่น่าแปลกที่เรื่องเกิดขึ้นตั้งนาน แต่ทำไมจึง มาเปิดเผยในช่วงนี้ ช่วงที่ทะเลาะกันมีปัญหาเรื่องตั้งตั้ง หรือ ปลด ผบ.ตร.ไม่ได้สักที

ผู้สื่อข่าวถามล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพนักงานของบริษัท แอสซีแอสเซทซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้ส่งต่ออีเมล์คลิปเสียงจริง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พนักงานไม่เกี่ยว เพียงแต่รับอีเมล์มาแล้วส่งต่อไป อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวพอรู้แล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลัง แต่บอกไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าที่ระบุเช่นนี้ทำให้คนมองไป ที่พรรคภูมิใจไทยที่กำลังขัดแย้งกับรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ได้พูด ขอให้สื่อไปคิดกันเอาเอง ก็ไปดูว่ารัฐบาลมีปัญหาอะไรขณะนี้

“เทพไท” แฉมีการตัดต่อ 51 จุด

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิมที่อ้างว่าคลิปเสียงนายกฯเป็นของจริง โดยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยืนยันแล้วว่า เป็นการตัดต่อ แต่ ร.ต.อ.เฉลิมทำตัวเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องลูกตัวเองซึ่งจากการข้อมูล ยืนยันได้ว่า คลิปเสียงได้ตัดต่อมาจากรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์2 ครั้งคือ วันที่ 19 เม.ย.52 ตัดต่อ 19 จุด และวันที่ 26 เม.ย. 52 ตัดต่อ 32 จุด ข้อมูลตรงนี้คงทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม และส.ส.เพื่อไทยสงบปากได้สักที

อย่างไรก็ตาม ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิมออกมายืนยันคำพูดตัวเองที่ระบุว่า เป็นคลิปเสียงจริงนั้นได้ฟัง ได้เห็นมาจากไหน ต้องโชว์ต้นฉบับให้เห็นด้วย และต้องบอกได้ว่าได้มาจากไหน เพราะหากมีการดำเนินคดีก็ต้องแสดงความรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย

นายเทพไทกล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการไล่ล่าหาความจริงของตำรวจ คืบหน้า พอสมควร มีการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่บริษัท เอสซีแอสเซส จำนวน 2 คน ซึ่งได้ให้การรับสารภาพ โดยตำรวจกำลังขยายผลสอบไปยังพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่ง ส.ส. และผู้บริหารหลายคนระบุว่า ได้รับซีดีที่เป็นคลิปเสียงจริง โดยเฉพาะนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคจะมาพูดง่ายๆ ไม่ได้ว่า มอเตอร์ไซด์มาให้ที่พรรค เพราะอยากรู้ว่า ทำไมไม่ให้คนอื่นบ้าง แต่ให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ซึ่งต้องหา ข้อเท็จจริงว่า มีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะอาจมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 ถึงขั้นยุบพรรคได้ ซึ่งเรากำลังรอหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาประกอบการยื่นให้กับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบ

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับเส้นทางการการส่งเท่าที่ตรวจสอบไม่ใช่เป็นการส่งในเมลขยะ หรือเมลโจ๊ก เพราะเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสอบสวนทราบว่า ได้มีการเริ่มต้นส่งในประเทศไทยวันที่ 20 ส.ค.จนถึงวันที่ 26 ส.ค. ข้อมูลได้ส่งผ่านคนในพรรคเพื่อไทย และคืนเดียวกันเวลา 01.30 น.มีการเผยแพร่คลิปที่สถานีดีสเตชั่น จากนั้นมีการนำไปลง เว็ปที่สามารถดาวโหลดได้ เข้าเว็ปไซต์ไทยอินไซด์เดอร์ ฟ้าเดียวกันและยูทูป และมีการอัดเป็นซีดีมาเผยแพร่จนขณะนี้มีการนำเข้ามูลมาเผยพี่ผ่านมาวิทยุชุชน จึงขอเตือนว่า จะมีความผิดตามกฎหมาย

“สมชาย” ด้าน โผล่ป้อง “ชินวัตร”

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ที่มีการกล่าวหา คนในตระกูล “ชินวัตร” มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีควรจะมีหลักฐานและข้อมูล ถึงแม้ตนจะไม่ได้นามสกุลชินวัตรแต่มั่นใจว่าคนในตระกูลชินวัตรเท่าที่ตนรู้จักเป็นคนที่มีคุณธรรม รักความสงบ ไม่มีความคิดที่จะทำร้ายใคร ที่ผ่านมามีแต่ถูกทำร้ายมากกว่า ขอยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นอย่างที่มีข่าว และเชื่อว่า ความจริงก็คือความจริง ก็ต้องไปพิสูจน์กัน

“ผมไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ แต่มองว่าถ้ามีการตัดต่อคนที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องว่ากันไป ส่วนถ้อยคำจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดูกัน ถ้าอยากให้บ้านเมืองเกิดความ เรียบร้อย การพูดจาหรือแสดงความคิดเห็นใดก็ควรมีหลักฐานข้อมูล ประชาชนจะได้ไม่สับสน”

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ ตามที่ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นการเข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสีพรรคเพื่อไทยจนอาจส่งผลต่อการยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ รวมทั้งที่ระบุว่าอาจจะถูกขึ้นยุบพรรคเพื่อไทย อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งพรรคฯ กำลังจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

แถลงการณ์อ้างว่าที่เจ้าหน้าที่พรรคบางคนได้รับหรือส่งอีเมลไปให้ใครนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคล และเป็นการส่งเมย์กันไปมาก่อนแล้วทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาตรวจสอบเพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชน

สุดท้ายนี้พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ได้พูดเรื่องดังกล่าวจากที่ไหน มีข้อความอะไรที่ขาดหายไป หรือมีข้อความอะไรที่เพิ่มเติมออกมา เพื่อให้สาธารณชนได้ทราบความจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น