โฆษก ปชป.ยืมคำพูดมาร์ค เตรียมงัด กม.อาญาเล่นงานมือแจกเมลคลิป โต้ กลับ “พงศ์เทพ” ไม่ใช่เมลโจ๊ก-ขยะ หยันทำเป็นขบวนการชี้แกนนำ นปช.ต้องรับผิดชอบ
วันนี้ (30 ส.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงนายกฯ ว่า ขณะนี้มีพัฒนาการขึ้นมา 2-3 เรื่อง ในขณะที่ทางการก็พยายามที่จะดำเนินการเพื่อขยายผลสืบค้นหาที่มาของคลิปเสียงดังกล่าว หลังจากที่หลายฝ่ายออกมายืนยันถึงกระบวนการตัดต่อ และได้ขยายผลถึงเส้นทางการส่งต่อคลิปเสียงทางเว็บไซต์ และอีเมลต่างๆ และสิ้นสุดลงโดยบุคคลที่ทำงานอยู่ในพรรคเพื่อไทย
วันนี้เห็นได้ชัดว่าในขณะที่มีการขยายผลดำเนินการ และสังคมก็เริ่มรับทราบถึงขบวนการดังกล่าวว่าไม่ชอบ วันนี้ท่าทีของกลุ่มที่เคยสนับสนุนยืนยันการใช้คลิปดังกล่าว ก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นการพิสูจน์ต้นตอ และเริ่มมาร่วมเรียกร้องให้พิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่า ท่าทีเปลี่ยนไปของกลุ่มสนับสนุน เพราะเห็นว่า ประชาชนปฏิเสธแนวทางการเมืองที่ใช้วิธีสกปรก โดยบุคคลที่ถือว่า เป็นผู้แทนประชาชนไม่ว่าผลเป็นอย่างไร บุคคลที่ไม่สามารถปฏิเสธส่วนรู้เห็นได้เลย คือ กลุ่ม นปช.ที่มีการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว ให้เผยแพร่ไปทั่วประเทศโดยการแปลงรูปเป็น วีซีดี เพื่อสร้างความสับสน และความเกลียดชังให้รัฐบาล
ส่วนที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเทียบเคียงว่า การเผยแพร่คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ เพราะมีเรื่องเมลโจ๊ก เมลขยะ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเมลโจ๊ก เมลขยะ แต่เป็นเรื่องที่มีกระบวนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ที่มีการตัดต่อเสียงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งการเผยแพร่ผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งในอินเทอร์เน็ต และในพื้นที่ เพื่อที่จะหวังสร้างความขัดแย้ง เข้าใจผิด กระทบโดยตรงต่อความมั่นคง จึงอยากจะเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ร่วมแสดงความรับผิดชอบ เพราะมีข้อมูลยืนยันว่าในการประชุมอบรมผู้นำทางการเมืองรุ่นที่ 1 ของมูลนิธิ 111 ก็มีผู้เข้าร่วมสัมมนาแจก วีซีดี ดังกล่าวด้วย ซึ่งดำเนินการแตกต่างจากความเข้าใจผิดก่อนวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่มีความสับสนว่าเป็นจริงหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 รับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย
นอกจากนี้ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธส่วนรู้เห็นได้เลยนั้น คือ พรรคเพื่อไทย เพราะเส้นทางการส่งอีเมล์นั้นปรากฏชัดว่า เมื่อส่งทอดเป็นต่อๆ มา ยังบุคคลที่ทำงานในพรรคเพื่อไทย ก็มีการส่งอีเมลต่อไปยังสื่อมวลชนกว่า 30 แขนง แม้มีความพยายามอ้างว่า ไม่ทราบว่าคลิปนั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่เนื้อสาระในการส่งต่อนั้น แสดงชัดเจนถึงเจตนาของผู้ส่งว่า เจตนาจะให้สาระดังกล่าวสร้างความเข้าใจผิด สร้างความเสียหาย สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการในที่ประชุม ส.ส. ที่ผ่านมาก็มี ส.ส.ระดับแกนนำหลายคนของพรรคเพื่อไทย ที่หวังใช้เอกสิทธิ์การคุ้มครอง เพื่อเผยแพร่คลิปดังกล่าว ในขณะไม่ปรากฏชัดว่า คลิปดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ บุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นได้แก่ นายสมชาย เพชรประเสร็ฐ นางฐิติมา ฉายแสง นายสุนัย จุลพงศธร ที่นำวีซีดีดังกล่าวมาเพื่อพยายามเปิดเผยในสภา ซึ่งสอดรับกับปั๊ม และแจกจ่ายวีซีดีนั้นไปทั่วประเทศไทยในวันถัดมา รวมทั้ง นายวิทยา บูรณศิริ ที่พยายามจะให้ประธานรัฐสภาเปิดวีซีดีดังกล่าว
ซึ่งในขณะนี้ได้มีคำสั่งศาลออกมาแล้วว่า ในกรณีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเผยแพร่ ก็ได้ให้อำนาจกระทรวงไอซีที ในการปิดเว็บดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ในขณะที่บุคคลที่พยายามจะเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวนี้ด้วยวิธีอื่นๆ ทางพรรคก็ได้ให้คณะทำงานทางกฎหมายพิจาณาว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) มาตรา 264 มาตรา 268 และ มาตรา 116
และผู้ที่พยายามใช้เอกสิทธิ์ในสภา และอ้างว่า ไม่ทราบว่า วีซีดี เป็นจริงหรือไม่ พรรคไม่ประสงค์จะท้า หรือ ยั่วยุ แต่ขอบอกว่าหากมีความพยายามที่จะกระทำการดังกล่าวอยู่ ทางพรรคและผู้เสียหาย คือ นายกฯ จะใช้สิทธิ์ในการปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย เพื่อไม่ประสงค์ให้ผู้ใดใช้การเมืองแบบเก่า สร้างความแตกแยกในบ้านเมืองให้เกิดขึ้นอีก