“วรวัจน์” อาศัยช่องทางท้า “มาร์ค” ดีเบตคลิปเสียง โวเตรียมข้อมูลพร้อมแล้ว เล็งเชิญผู้เชี่ยวชาญสอบคลิปเสียงอีก อ้างแม้เสียงตัดต่อ แต่เพียงบางคำ เชื่อสาระสำคัญไม่เปลี่ยน
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมาให้ข้อมูลว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นการตัดต่ออย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้นพบว่า คลิปดังกล่าวแม้จะตัดต่อแต่ก็เป็นการตัดต่อแค่บางคำเพื่อให้ประโยคมันชิดกันเหมือนที่สถานีโทรทัศน์ทำกัน แต่เนื้อสาระสำคัญยังอยู่ครบ ยิ่งประกอบกับสิ่งที่รัฐบาลทำกับกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์ด้วยนั้นยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจน และเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้างว่ามีการตัดต่อจากการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์หลายครั้ง เพราะตามปกติแล้วการพูดแต่ละครั้งคลื่นเสียงจะไม่เท่ากัน นำมาตัดต่อรวมกันไม่ได้ แม้แต่นักร้องอาชีพการร้องเพลงแต่ละครั้งก็ยังไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะนำมาตัดรวมกันไม่ได้ ซึ่งเทคโนโลยีในโลกนี้ไม่มีใครทำได้ นอกจากนี้คลิปดังกล่าวยังมีบางคำที่นายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดต่อสาธารณะด้วย เช่น คำว่า “หมิ่นสถาบัน” ดังนั้น หากไม่ใช่คนวงในอัดออกมาจากค่ายทหารแล้วจะให้ไปเอาเสียงมาจากไหน
นายวรวัจน์กล่าวด้วยว่า ขอท้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ให้มาดีเบตกับตน แล้วนำตารางคลื่นความถี่ของเสียงมาโชว์ต่อหน้าเลย ตนเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว จะออกโทรทัศน์ก็ได้ชาวบ้านจะได้รู้ว่าใครเป็นของจริง ส่วนการที่รัฐบาลประเมินว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะล้มรัฐบาลในช่วงเดือนตุลาคมนั้นตนไม่รู้ ตนรู้แต่เพียงว่า หากคนเชื่อว่าคลิปเสียงนี้เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดจริงรัฐบาลอยู่ไม่ได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคลิปดังกล่าว หลายหน่วยงาน เช่น กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เนคเทค ได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่าเป็นการตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ไม่ซับซ้อนนัก ทั้งนี้ เพื่อใส่ร้ายให้นายอภิสิทธิ์ได้รับความเสียหาย ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า่ เป็นการนำเสียงของนายอภิสิทธิ์ที่พูดออกรายการเชื่้อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 และ 26 เมษายน 2552 ไปทำการตัดต่อใหม่ ซึ่งคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท ที่มีน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บริหาร ไปดำเนินคดี ฐานเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวผ่านทางอีเมล์แล้ว และอยู่ระหว่างสืบหาตัวการผู้ตัดต่อเสียง ซึ่งถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์