ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"เย้ย"เป็ดเหลิม" ขอเปิดคลิปเสียงในสภาบ่งบอกมาตรฐานตัวเองทางการเมือง ไม่ห่วง"พัชรวาท" ตั้ง"ตร.เสื้อแดง"คุมคดี ขณะที่"น้องแม้ว" อ้างพนักงานถูกจับเป็นเรื่องบุคคล ขู่ฟ้องที่โยงบริษัทไปพัวพัน กองปราบฯ ส่งคอมพิวเตอร์โคลนนิ่งข้อมูล ขณะที่รอง ผบช.ก. แบ่งทีมงานลงพื้นที่คุ้ยหาต้นตอ
วานนี้ (1 ก.ย.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนหาต้อตอคลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านทางอีเมล จนนำไปสู่การที่เจ้าหน้าที่กองปราบฯ เข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของ นายสมศักดิ์ แซ่อึง และน.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีเผยแพร่คลิปเสียงนายกฯ ที่แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในการสอบสวนสืบสวน คดีตัดต่อคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี คณะทีมงานแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การหาต้นตอว่า ใครเป็นคนบงการให้กระทำ 2. คนที่นำส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมล ของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ 3. การนำไปเผยแพร่สู่สาธารณชน
พล.ต.ท.ไถง กล่าวต่อไปว่า ตนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งจะต้องขยายผลสอบผู้ที่มีส่วนถูกพาดพิงอีก 5-7 คน ซึ่งคาดอาจจะมีการตัดต่อคลิปเสียง และมีส่วนฟอร์เวิร์ดข้อมูล รวมถึงสอบพยานแวดล้อมในย่านพื้นที่ที่มีการอ้างว่า มีผู้หญิงผมยาวเดินแจกแผ่นวิดีโอคลิปเสียง ตามคิวรถตู้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า แม้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียง เป็นเพียงผู้ส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมลของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ โดยที่มาของคลิปเสียงนั้น พบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับแจกแผ่นซีดีคลิปเสียงดังกล่าวมาอีกทอดหนึ่ง จากนั้นได้มีการนำไฟล์ไปแปลง เพื่อให้สามารถส่งต่อผ่านอีเมลบริษัทฯได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลอยู่ ว่าผู้ต้องหาได้แผ่นซีดีมาจากใคร และกำลังขยายผลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
ผบช.ก.กล่าวย้ำว่า ผู้ต้องหา 2 คน ที่ได้ให้การไว้ จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ซึ่งการสืบหาต้นตอดังกล่าว เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบขยายผลในข้อเท็จจริงต่อไป
**หาต้นตอคนตัดต่อคลิปเสียง
ด้านพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้น พบว่า เป็นการนำคลิปตัดต่อเสียงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และมีการส่งต่อไปอีก 6 คน ส่วนใครจะเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร นั้นจะต้องพิจารณาจากข้อมูลที่ได้มา หากพบว่าใครมีส่วนร่วมกระทำผิด ก็จะพิจารณาเชิญตัวมาสอบสวนอีกครั้ง
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการต่อไป ทางพนักงานสอบสวนจะสืบสวนสอบสวน เพื่อหาต้นตอคนตัดต่อ ซึ่งได้แบ่งชุดทำงานออกติดตามแล้ว ส่วนการเผยแพร่ซีดีนั้น ก็ได้ส่งชุดทำงานลงพื้นที่หลายแห่งตามที่ได้เบาะแสมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีที่ใดบ้าง เพื่อตรวจสอบว่ายังมีการแจกจ่ายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการแจกจ่ายซีดีแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการเผยแพร่คลิปผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ก็พบว่ายุติลงแล้ว เชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่ประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
"การสืบสวนหาตัวผู้ตัดต่อคลิปเสียงนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังดำเนินการอยู่ อย่างต่อเนื่องและมีโอกาสสืบสวนสอบสวนไปถึงผู้ตัดต่อ หากได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย" รอง ผบช.ก. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าตรวจค้นที่ทำงานของ 2 ผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้องบริเวณชั้น 19-20 บริษัท เอสซี แอสเสท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวนได้โคลนนิงข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 8 เครื่อง มาตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า ส่วนใหญ่เป็นการส่งต่อให้กันในหมู่พนักงานบริษัท แต่ทั้งนี้ มีอยู่รายหนึ่งซึ่งได้รับอีเมล์คลิปตัดต่อเสียงมาแล้ว ส่งต่อไปให้บุคคลอื่นภายนอก ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเชิญตัวมาสอบสวนต่อไป
**"มาร์ค"ให้เหลิมรับผิดชอบตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยเพื่อไทย เตรียมยื่นกระทู้สดเกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียงตัดต่อ ว่า ตนมีหน้าที่ตอบ ไม่มีปัญหาอะไร สงสัยอะไรก็จะตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการขยายวงกว้าง ว่าเทปฉบับเต็มอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันตัดต่อจากหลายโอกาสที่พูด เวลานี้ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า เสียงบางส่วนมาจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ซึ่งตนไม่ทราบว่า คลิปเต็ม แปลว่าอะไร
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ แม้จะมีการพิสูจน์หลักฐานอะไรต่างๆ ออกมาแล้ว แต่ยังมีการปลุกกระแสว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่ทางนิติวิทยาศาสตร์ กองพิสูจน์หลักฐาน ออกมายืนยันว่าเป็นการตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเชื่อไปบังคับกันไม่ได้ แต่ตนคิดว่า สังคมต้องอยู่กับเหตุผล และหน่วยงานต่างๆ ชี้ออกมาตรงกัน มีการแสดงออก มีการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นเรื่องพิสูจน์ได้ และขณะนี้การดำเนินคดีกับผู้ที่ทำความผิด ก็มีการดำเนินการกันอยู่ ฉะนั้นคิดว่าเรื่องมันน่าจะจบได้ ไม่อยากให้สังคมติดหล่มอยู่กับเรื่องแบบนี้ เพราะมันมีอะไรอีกเยอะแยะ หากสังคมยอมให้คนที่สามารถจะมาบิดเบือนข้อเท้จจริง สร้างประเด็นทำให้เกิดความสับสน ความวุ่นวายไม่รู้จบ เราก็เดินไปข้างหน้าไม่ได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไร หากคนที่สร้างประเด็นและบิดเบือนอยู่ในสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเขาทำผิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการ ส่วนคนที่อยู่ในสภาเขาต้องมีความรับผิดชอบในการการเมือง เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจทำ เป็นการบ่งบอกถึงมาตรฐานทางการเมืองของเขา
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันจะขอเปิดคลิปเสียงในสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะมีการถ่ายทอด เมื่อถามว่า เหมือนกับเขาคิดว่า มีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือเปล่า จึงใช้เวทีสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เฉพาะเวลาไม่มีการถ่ายทอด เรื่องนี้อย่างที่ตนได้เรียน ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดต่อตัวตนเองอย่างเดียว แต่เป็นความผิดในเรื่องความมั่นคง เพราะเป็นความจงใจให้เกิดความสับสน เพื่อนำไปสู่ความวุ่นวาย ความเกลียดชัง ความรุนแรงในบ้านเมือง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ออกมาเคลื่อนไหวลักษณะว่า พรรคประชาธิปัตย์ใส่ร้ายป้ายสีและจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเขาอยากจะร้องเรียน ทุกคนมีสิทธิ์ร้องเรียน พรรคไม่ได้ไปใส่ร้ายอะไรใคร
**ไม่ห่วง"ตร.เสื้อแดง"ตัดตอนคดี
เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ตั้ง พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาดูแลคดีคลิปเสียง นายกฯมั่นใจ และไว้ใจหรือไม่ว่า จะสามารถดูแลคดีนี้โดยไม่มีการตัดตอน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวนายตำรวจคนนี้ประกาศตัวเป็นพวกเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่ขอเรียนให้ทราบว่ามันมีหลายหน่วยงานที่ทำงานด้านนี้อยู่ ฉะนั้น จะมีการสอบทานในตัวของมันเอง และต้องอาศัยเรื่องผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักอยู่แล้วในเรื่องนี้ หากหน่วยใดหน่วยหนึ่งทำไม่ตรงไปตรงมา ก็คงลำบาก
ส่วนคดีนี้จะหาต้นตอได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีโอกาส เพราะมันก็มีทั้งข้อมูลที่สามารถที่จะเป็นตัวที่นำทางไปสู้ตรงนั้นได้ แต่ก็เหมือนกับทุกๆเรื่อง ง่ายก็ตอบยาก เราไม่ใช่คนปฏิบัติเอง ในแง่ของการสืบสวนสอบสวน แต่อย่างน้อยต้นทางของการเผยแพร่ ดูจะมีความชัดเจนขึ้นมา มันน่าจะขยายผลจากตรงนั้น เมื่อถามว่า จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือตำรวจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันท้าทายเขาทุกเรื่อง เวลามีคดีที่อยู่ในความสนใจ
**"น้องแม้ว"ขู่ฟ้องแก้เกี้ยว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า บริษัทของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปตัดต่อว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับบริษัท อยากให้แยกกัน เพราะบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
"รัฐบาลควรจะหาข้อมูลให้ครบก่อน ไม่ใช่มากล่าวหาบริษัททันที เพราะจะทำให้บริษัทเสียหาย เนื่องจากบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงประชาชนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่า จะฟ้องร้องหรือไม่ และอยากขอให้มีการตรวจสอบบริษัทอื่นด้วย ไม่ใช่พุ่งเป้ามาที่บริษัท เอสซี เพียงที่เดียว"
นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่าได้เดินทางไปกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวเรศ ชินวัตร เพื่อไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศสวาซิแลนด์ และประเทศแอฟริกาใต้ เพิ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.)
**"เหลิม"ยันตั้งกระทู้ในสภาแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะตั้งกระทู้สดถามนายกฯ ในสภาในวันที่ 3 ก.ย. นี้ โดยจะพูดถึงรายละเอียดของถ้อยคำในคลิป 6 จุดที่น่าสนใจพร้อมขอให้เปิดคลิปเสียงนายกฯในสภาด้วย
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปฏิเสธว่า ตนไม่ได้พูดว่าตนมีเทปฉบับยาว แต่บอกว่า การพูดของนายอภิสิทธิ์นั้น เป็นคำพูดเชิงประชุม และสั่งการ สำหรับกรณีของการอัดเทปนั้นมีอยู่ 2 กรณี คือ แบบเปิดเผย และแบบลักลอบ ซึ่งการลักลอบนั้นจะใช้เทปเล็ก และเดินไปเดินมาเพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังบันทึกเสียงอยู่ ทำให้มีเสียงทั้งชัดและเสียงเบา แต่เรื่องการตัดต่อนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คำพูดต่างหากที่น่าสนใจว่าตัดต่อแล้วทำให้สาระสำคัญผิดไปหรือไม่
**ตะแบงเสี้ยมให้แตกแยก
“ใครที่บอกว่ามีการตัดต่อก็ต้องเอาฉบับเต็มมาให้ดู เพราะถ้าไม่มีฉบับจริงแล้วจะมีการตัดต่อได้อย่างไร พวกที่ออกมาท้าทาย ผมไม่อยากไปเถียงด้วย กับพวกคนไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น การเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ก็โหวตหักหน้ากันมาแล้ว ยิ่งลับหลังใครก็ทำได้ สหบาทา ถนนทุกสายมุ่งสู่ อภิสิทธิ์ เตรียมรับเถอะ เพราะอิ่มแล้วลืมหิว กินน้ำแล้วลืมบุญคุณคนขุดบ่อ มันก็เลยเกิดปัญหา พวกผมล้มรัฐบาลไม่ได้หรอก เขาล้มกันเอง ไม่มีฝ่ายค้านที่ไหนล้มรัฐบาลได้ นอกจากพวกเดียวกันเอง" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดคลิปเสียงในสภาแล้วสุดท้ายกลายเป็นเรื่องเท็จ จะรับผิดชอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แน่นอนต้องรับผิดชอบล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเป็นเทปจริง รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์จะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นเท็จนั้น ก็ขอให้เตรียมฉบับจริงมาแสดงด้วย
**"ไอ้ตู่"อ้างโฆษกทบ.โกหก
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การประชุมเมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 ที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ที่ห้องประชุมยุทธการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง หารือร่วมกัน ไม่มีการบันทึกเทป ว่า เป็นการพูดเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะกติกาของสถานที่ดังกล่าวจะมีการบันทึกเทปทุกครั้งหากมีการประชุมตั้งแต่ระดับ ผบ.พันขึ้นไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่การประชุมที่มีบุคคลระดับผู้นำประเทศจะไม่มีการบันทึกเทป คลิปเสียงนายกฯ ที่ออกมานั้นฟังน้ำเสียงแล้วไม่ใช่มาจากรายการเชื่อมั่นฯ ตนยืนยันว่าเสียงนี้ออกมาจากกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ แต่มีการดูดเสียงผู้ที่เกี่ยวข้องออกไป ส่วนการที่คลิปดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่นั้น เพราะเกิดการหักหลังในหมู่คนที่เคยโค่นอำนาจร่วมกันมา ซึ่งความแค้นจะมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
**เย้ย"เหลิม"มือตกไร้ราคา
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีเปิดโอกาสให้ร.ต.อ.เฉลิม ใช้เวทีสภาตั้งข้อซักถามต่อนายกฯ จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลให้ทุกคนทราบ แต่อาจจะได้ข้อเท็จจริงไม่ครบ เพราะต้องได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียง ทั้งนี้คิดว่าสิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาพูดเป็นการแสดงว่าไม่ยอมรับความจริงแม้จะมีสำนักต่างๆ ที่เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับการพิสูจน์ เสียง ออกมาชี้แจงว่าเป็นคลิปตัดต่อ แต่ร.ต.อ.เฉลิมก็ใช้ ทักษะนายตำรวจ ออกมายืนกระต่ายขาเดียวว่า ไม่เป็นความจริง
"พิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือของร.ต.อ.เฉลิม วันนี้ตกจริงๆ เพราะการที่กล่าวอ้างว่า ข้อเท็จจริง ปรากฎในสำนักพิสูจน์ต่างๆ เป็นเพราะสำนักนั้นเลือกข้าง ซึ่งผมคิดว่าฝีมือในวันนี้ของร.ต.อ. เฉลิม สู้นายตำรวจระดับจ่า ยังไม่ได้เลย"
ส่วนการที่กล่าวหาว่าคลิปต่างๆ ที่ได้รับมาจากฝ่ายทหาร ตนอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่ามีนายหทารคนใด ที่เป็นคนยื่นคลิปให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งร.ต.อ. เฉลิม ต้องรู้ว่าคนที่ยื่นให้เป็นใคร ก็ควรเปิดเผยให้สังคมรับทราบ
การที่ร.ต.อ. เฉลิมบอกว่านายอภิสิทธิ์ จะถูกรุม สหบาทานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะวันนี้ไม่มีสหบาทา มีแต่หัตถาครองพิภพ คือทุกมือช่วยกันอุ้มชูนายกฯให้ทำงานต่อไปได้
นายเทพไทกล่าวด้วยว่า การที่ร.ต.อ.เฉลิม และนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ระบุว่าคลิปดังกล่าวอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นั้น เป็นไปไม่ได้ เป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างทหาร และรัฐบาล เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่คลิปเหล่านี้จะไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประวิตร และการพูดถึงยุทธการ ร.1.รอ. เป็นการสร้างข่าวให้สมจริงเท่านั้น และเชื่อว่าในห้องประชุมของ ร.1.รอ. นายกฯ จะไม่มีการพูดตามที่เป็นคลิปข่าวอย่างแน่นอน หากคลิปอยู่ในมือทหารจริงผู้บังคับบัญชาคงนำมามอบให้กับรัฐบาลแล้ว ดังนั้นเมื่อไม่มีของจริง จึงไม่รู้ว่าจะนำมามอบได้อย่างไร หากนายจตุพร และร.ต.อ.เฉลิม มีของจริง ก็ควรนำมาเปิดเผย เพราะในส่วนของรัฐบาล เรายืนยันว่า มีของจริงคือรายการเชื่อมั่นประเทศไทย วันที่ 19 และ 26 เม.ย. ซึ่งได้มีการแกะเทปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่มารับที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากให้พรรคเพื่อไทย ไปเปิดเว็บไซต์ ดูได้
วานนี้ (1 ก.ย.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนหาต้อตอคลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านทางอีเมล จนนำไปสู่การที่เจ้าหน้าที่กองปราบฯ เข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของ นายสมศักดิ์ แซ่อึง และน.ส.กันทิมา แต้มครู สองพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีเผยแพร่คลิปเสียงนายกฯ ที่แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในการสอบสวนสืบสวน คดีตัดต่อคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี คณะทีมงานแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การหาต้นตอว่า ใครเป็นคนบงการให้กระทำ 2. คนที่นำส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมล ของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ 3. การนำไปเผยแพร่สู่สาธารณชน
พล.ต.ท.ไถง กล่าวต่อไปว่า ตนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งจะต้องขยายผลสอบผู้ที่มีส่วนถูกพาดพิงอีก 5-7 คน ซึ่งคาดอาจจะมีการตัดต่อคลิปเสียง และมีส่วนฟอร์เวิร์ดข้อมูล รวมถึงสอบพยานแวดล้อมในย่านพื้นที่ที่มีการอ้างว่า มีผู้หญิงผมยาวเดินแจกแผ่นวิดีโอคลิปเสียง ตามคิวรถตู้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า แม้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียง เป็นเพียงผู้ส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมลของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ โดยที่มาของคลิปเสียงนั้น พบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับแจกแผ่นซีดีคลิปเสียงดังกล่าวมาอีกทอดหนึ่ง จากนั้นได้มีการนำไฟล์ไปแปลง เพื่อให้สามารถส่งต่อผ่านอีเมลบริษัทฯได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลอยู่ ว่าผู้ต้องหาได้แผ่นซีดีมาจากใคร และกำลังขยายผลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
ผบช.ก.กล่าวย้ำว่า ผู้ต้องหา 2 คน ที่ได้ให้การไว้ จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ซึ่งการสืบหาต้นตอดังกล่าว เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบขยายผลในข้อเท็จจริงต่อไป
**หาต้นตอคนตัดต่อคลิปเสียง
ด้านพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้องไปให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้น พบว่า เป็นการนำคลิปตัดต่อเสียงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และมีการส่งต่อไปอีก 6 คน ส่วนใครจะเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร นั้นจะต้องพิจารณาจากข้อมูลที่ได้มา หากพบว่าใครมีส่วนร่วมกระทำผิด ก็จะพิจารณาเชิญตัวมาสอบสวนอีกครั้ง
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการต่อไป ทางพนักงานสอบสวนจะสืบสวนสอบสวน เพื่อหาต้นตอคนตัดต่อ ซึ่งได้แบ่งชุดทำงานออกติดตามแล้ว ส่วนการเผยแพร่ซีดีนั้น ก็ได้ส่งชุดทำงานลงพื้นที่หลายแห่งตามที่ได้เบาะแสมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า มีที่ใดบ้าง เพื่อตรวจสอบว่ายังมีการแจกจ่ายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการแจกจ่ายซีดีแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการเผยแพร่คลิปผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ก็พบว่ายุติลงแล้ว เชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่ประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
"การสืบสวนหาตัวผู้ตัดต่อคลิปเสียงนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังดำเนินการอยู่ อย่างต่อเนื่องและมีโอกาสสืบสวนสอบสวนไปถึงผู้ตัดต่อ หากได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย" รอง ผบช.ก. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าตรวจค้นที่ทำงานของ 2 ผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้องบริเวณชั้น 19-20 บริษัท เอสซี แอสเสท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวนได้โคลนนิงข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 8 เครื่อง มาตรวจสอบ ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า ส่วนใหญ่เป็นการส่งต่อให้กันในหมู่พนักงานบริษัท แต่ทั้งนี้ มีอยู่รายหนึ่งซึ่งได้รับอีเมล์คลิปตัดต่อเสียงมาแล้ว ส่งต่อไปให้บุคคลอื่นภายนอก ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเชิญตัวมาสอบสวนต่อไป
**"มาร์ค"ให้เหลิมรับผิดชอบตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยเพื่อไทย เตรียมยื่นกระทู้สดเกี่ยวกับเรื่องคลิปเสียงตัดต่อ ว่า ตนมีหน้าที่ตอบ ไม่มีปัญหาอะไร สงสัยอะไรก็จะตอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการขยายวงกว้าง ว่าเทปฉบับเต็มอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันตัดต่อจากหลายโอกาสที่พูด เวลานี้ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า เสียงบางส่วนมาจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ซึ่งตนไม่ทราบว่า คลิปเต็ม แปลว่าอะไร
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ แม้จะมีการพิสูจน์หลักฐานอะไรต่างๆ ออกมาแล้ว แต่ยังมีการปลุกกระแสว่า ไม่เชื่อในสิ่งที่ทางนิติวิทยาศาสตร์ กองพิสูจน์หลักฐาน ออกมายืนยันว่าเป็นการตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเชื่อไปบังคับกันไม่ได้ แต่ตนคิดว่า สังคมต้องอยู่กับเหตุผล และหน่วยงานต่างๆ ชี้ออกมาตรงกัน มีการแสดงออก มีการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นเรื่องพิสูจน์ได้ และขณะนี้การดำเนินคดีกับผู้ที่ทำความผิด ก็มีการดำเนินการกันอยู่ ฉะนั้นคิดว่าเรื่องมันน่าจะจบได้ ไม่อยากให้สังคมติดหล่มอยู่กับเรื่องแบบนี้ เพราะมันมีอะไรอีกเยอะแยะ หากสังคมยอมให้คนที่สามารถจะมาบิดเบือนข้อเท้จจริง สร้างประเด็นทำให้เกิดความสับสน ความวุ่นวายไม่รู้จบ เราก็เดินไปข้างหน้าไม่ได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไร หากคนที่สร้างประเด็นและบิดเบือนอยู่ในสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเขาทำผิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการ ส่วนคนที่อยู่ในสภาเขาต้องมีความรับผิดชอบในการการเมือง เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจทำ เป็นการบ่งบอกถึงมาตรฐานทางการเมืองของเขา
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันจะขอเปิดคลิปเสียงในสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะมีการถ่ายทอด เมื่อถามว่า เหมือนกับเขาคิดว่า มีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือเปล่า จึงใช้เวทีสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เฉพาะเวลาไม่มีการถ่ายทอด เรื่องนี้อย่างที่ตนได้เรียน ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดต่อตัวตนเองอย่างเดียว แต่เป็นความผิดในเรื่องความมั่นคง เพราะเป็นความจงใจให้เกิดความสับสน เพื่อนำไปสู่ความวุ่นวาย ความเกลียดชัง ความรุนแรงในบ้านเมือง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย ออกมาเคลื่อนไหวลักษณะว่า พรรคประชาธิปัตย์ใส่ร้ายป้ายสีและจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากเขาอยากจะร้องเรียน ทุกคนมีสิทธิ์ร้องเรียน พรรคไม่ได้ไปใส่ร้ายอะไรใคร
**ไม่ห่วง"ตร.เสื้อแดง"ตัดตอนคดี
เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ตั้ง พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาดูแลคดีคลิปเสียง นายกฯมั่นใจ และไว้ใจหรือไม่ว่า จะสามารถดูแลคดีนี้โดยไม่มีการตัดตอน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวนายตำรวจคนนี้ประกาศตัวเป็นพวกเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่ขอเรียนให้ทราบว่ามันมีหลายหน่วยงานที่ทำงานด้านนี้อยู่ ฉะนั้น จะมีการสอบทานในตัวของมันเอง และต้องอาศัยเรื่องผู้เชี่ยวชาญเป็นหลักอยู่แล้วในเรื่องนี้ หากหน่วยใดหน่วยหนึ่งทำไม่ตรงไปตรงมา ก็คงลำบาก
ส่วนคดีนี้จะหาต้นตอได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีโอกาส เพราะมันก็มีทั้งข้อมูลที่สามารถที่จะเป็นตัวที่นำทางไปสู้ตรงนั้นได้ แต่ก็เหมือนกับทุกๆเรื่อง ง่ายก็ตอบยาก เราไม่ใช่คนปฏิบัติเอง ในแง่ของการสืบสวนสอบสวน แต่อย่างน้อยต้นทางของการเผยแพร่ ดูจะมีความชัดเจนขึ้นมา มันน่าจะขยายผลจากตรงนั้น เมื่อถามว่า จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือตำรวจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันท้าทายเขาทุกเรื่อง เวลามีคดีที่อยู่ในความสนใจ
**"น้องแม้ว"ขู่ฟ้องแก้เกี้ยว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า บริษัทของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปตัดต่อว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับบริษัท อยากให้แยกกัน เพราะบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
"รัฐบาลควรจะหาข้อมูลให้ครบก่อน ไม่ใช่มากล่าวหาบริษัททันที เพราะจะทำให้บริษัทเสียหาย เนื่องจากบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้บริษัทได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงประชาชนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่า จะฟ้องร้องหรือไม่ และอยากขอให้มีการตรวจสอบบริษัทอื่นด้วย ไม่ใช่พุ่งเป้ามาที่บริษัท เอสซี เพียงที่เดียว"
นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่าได้เดินทางไปกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวเรศ ชินวัตร เพื่อไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศสวาซิแลนด์ และประเทศแอฟริกาใต้ เพิ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.)
**"เหลิม"ยันตั้งกระทู้ในสภาแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะตั้งกระทู้สดถามนายกฯ ในสภาในวันที่ 3 ก.ย. นี้ โดยจะพูดถึงรายละเอียดของถ้อยคำในคลิป 6 จุดที่น่าสนใจพร้อมขอให้เปิดคลิปเสียงนายกฯในสภาด้วย
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปฏิเสธว่า ตนไม่ได้พูดว่าตนมีเทปฉบับยาว แต่บอกว่า การพูดของนายอภิสิทธิ์นั้น เป็นคำพูดเชิงประชุม และสั่งการ สำหรับกรณีของการอัดเทปนั้นมีอยู่ 2 กรณี คือ แบบเปิดเผย และแบบลักลอบ ซึ่งการลักลอบนั้นจะใช้เทปเล็ก และเดินไปเดินมาเพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังบันทึกเสียงอยู่ ทำให้มีเสียงทั้งชัดและเสียงเบา แต่เรื่องการตัดต่อนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คำพูดต่างหากที่น่าสนใจว่าตัดต่อแล้วทำให้สาระสำคัญผิดไปหรือไม่
**ตะแบงเสี้ยมให้แตกแยก
“ใครที่บอกว่ามีการตัดต่อก็ต้องเอาฉบับเต็มมาให้ดู เพราะถ้าไม่มีฉบับจริงแล้วจะมีการตัดต่อได้อย่างไร พวกที่ออกมาท้าทาย ผมไม่อยากไปเถียงด้วย กับพวกคนไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น การเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ก็โหวตหักหน้ากันมาแล้ว ยิ่งลับหลังใครก็ทำได้ สหบาทา ถนนทุกสายมุ่งสู่ อภิสิทธิ์ เตรียมรับเถอะ เพราะอิ่มแล้วลืมหิว กินน้ำแล้วลืมบุญคุณคนขุดบ่อ มันก็เลยเกิดปัญหา พวกผมล้มรัฐบาลไม่ได้หรอก เขาล้มกันเอง ไม่มีฝ่ายค้านที่ไหนล้มรัฐบาลได้ นอกจากพวกเดียวกันเอง" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดคลิปเสียงในสภาแล้วสุดท้ายกลายเป็นเรื่องเท็จ จะรับผิดชอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แน่นอนต้องรับผิดชอบล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเป็นเทปจริง รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์จะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นเท็จนั้น ก็ขอให้เตรียมฉบับจริงมาแสดงด้วย
**"ไอ้ตู่"อ้างโฆษกทบ.โกหก
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า การประชุมเมื่อวันที่ 12 เม.ย.52 ที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ที่ห้องประชุมยุทธการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง หารือร่วมกัน ไม่มีการบันทึกเทป ว่า เป็นการพูดเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะกติกาของสถานที่ดังกล่าวจะมีการบันทึกเทปทุกครั้งหากมีการประชุมตั้งแต่ระดับ ผบ.พันขึ้นไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่การประชุมที่มีบุคคลระดับผู้นำประเทศจะไม่มีการบันทึกเทป คลิปเสียงนายกฯ ที่ออกมานั้นฟังน้ำเสียงแล้วไม่ใช่มาจากรายการเชื่อมั่นฯ ตนยืนยันว่าเสียงนี้ออกมาจากกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ แต่มีการดูดเสียงผู้ที่เกี่ยวข้องออกไป ส่วนการที่คลิปดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่นั้น เพราะเกิดการหักหลังในหมู่คนที่เคยโค่นอำนาจร่วมกันมา ซึ่งความแค้นจะมากกว่าปกติ 2-3 เท่า
**เย้ย"เหลิม"มือตกไร้ราคา
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีเปิดโอกาสให้ร.ต.อ.เฉลิม ใช้เวทีสภาตั้งข้อซักถามต่อนายกฯ จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลให้ทุกคนทราบ แต่อาจจะได้ข้อเท็จจริงไม่ครบ เพราะต้องได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียง ทั้งนี้คิดว่าสิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาพูดเป็นการแสดงว่าไม่ยอมรับความจริงแม้จะมีสำนักต่างๆ ที่เชี่ยวชาญ เกี่ยวกับการพิสูจน์ เสียง ออกมาชี้แจงว่าเป็นคลิปตัดต่อ แต่ร.ต.อ.เฉลิมก็ใช้ ทักษะนายตำรวจ ออกมายืนกระต่ายขาเดียวว่า ไม่เป็นความจริง
"พิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือของร.ต.อ.เฉลิม วันนี้ตกจริงๆ เพราะการที่กล่าวอ้างว่า ข้อเท็จจริง ปรากฎในสำนักพิสูจน์ต่างๆ เป็นเพราะสำนักนั้นเลือกข้าง ซึ่งผมคิดว่าฝีมือในวันนี้ของร.ต.อ. เฉลิม สู้นายตำรวจระดับจ่า ยังไม่ได้เลย"
ส่วนการที่กล่าวหาว่าคลิปต่างๆ ที่ได้รับมาจากฝ่ายทหาร ตนอยากให้ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่ามีนายหทารคนใด ที่เป็นคนยื่นคลิปให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งร.ต.อ. เฉลิม ต้องรู้ว่าคนที่ยื่นให้เป็นใคร ก็ควรเปิดเผยให้สังคมรับทราบ
การที่ร.ต.อ. เฉลิมบอกว่านายอภิสิทธิ์ จะถูกรุม สหบาทานั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะวันนี้ไม่มีสหบาทา มีแต่หัตถาครองพิภพ คือทุกมือช่วยกันอุ้มชูนายกฯให้ทำงานต่อไปได้
นายเทพไทกล่าวด้วยว่า การที่ร.ต.อ.เฉลิม และนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ระบุว่าคลิปดังกล่าวอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นั้น เป็นไปไม่ได้ เป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเพื่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างทหาร และรัฐบาล เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่คลิปเหล่านี้จะไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประวิตร และการพูดถึงยุทธการ ร.1.รอ. เป็นการสร้างข่าวให้สมจริงเท่านั้น และเชื่อว่าในห้องประชุมของ ร.1.รอ. นายกฯ จะไม่มีการพูดตามที่เป็นคลิปข่าวอย่างแน่นอน หากคลิปอยู่ในมือทหารจริงผู้บังคับบัญชาคงนำมามอบให้กับรัฐบาลแล้ว ดังนั้นเมื่อไม่มีของจริง จึงไม่รู้ว่าจะนำมามอบได้อย่างไร หากนายจตุพร และร.ต.อ.เฉลิม มีของจริง ก็ควรนำมาเปิดเผย เพราะในส่วนของรัฐบาล เรายืนยันว่า มีของจริงคือรายการเชื่อมั่นประเทศไทย วันที่ 19 และ 26 เม.ย. ซึ่งได้มีการแกะเทปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่มารับที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากให้พรรคเพื่อไทย ไปเปิดเว็บไซต์ ดูได้