ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯ รับฟังวิสัยทัศน์ รอง ผบ.ตร.ก่อนชง ก.ต.ช.เลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ยันวันนี้ (20 ส.ค.) ได้แน่ เน้นยึดหลักต้องได้รับความเชื่อมั่น ต้นทางกระบวนการยุติธรรมเหมาะสภาพการณ์บ้านเมือง ปัด"เทพเทือก"เสนอชื่อแข่ง สะพัดการเมืองขัดแย้งหนัก มาร์คขู่หากมีปัญหาตั้ง ผบ.ตร.อาจยุบสภา ด้าน อนุ ก.ตร.เดินหน้าสสอบซื้อขายตำแหน่ง เตรียมเรียก “พัชรวาท” สอบศุกร์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากทำเนียบ ว่าเวลา 07.30 น. วานนี้ (19 ส.ค.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า นานประมาณ 30 นาที หลังเดินทางกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกครั้ง และภายหลังจากที่ พล.ต.อ พัชรวาท ได้เดินทางกลับ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ นานประมาณ 30 นาที โดยทั้ง 2 คนปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ จากนั้น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรี เช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่าการที่ นายอภิสิทธิ์ เรียก พล.ต.อ.ชุมพล และ พล.ต.อ.ปทีป เข้าพบครั้งนี้ เพื่อให้แสดงวิสัยทัศน์ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ และจะทยอยเรียก รอง ผบ.ตร. คนอื่นๆ เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อไป ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในวันนี้ (20 ส.ค.) เวลา 16.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.00 น. หลังนายกรัฐมนตรี เดินทางไปอวยพรวันเกิด นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้เรียก พล.ต.อ.ปทีม ตันประเสริญ จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าพบที่อาคารรัฐสภา เพื่อฟังวิสัยทัศน์ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ใช้เวลานนานประมาณ 40 นาที
“มาร์ค” ย้ำวันนี้ได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าที่เชิญ ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร.เข้าพบ เพราะอยากฟังความคิดเห็นของ ผบ.ตร. และรองผบ.ตร. หลายๆท่านเพื่อจะได้มีข้อมูล ในการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ต่อไป แต่ไม่ได้พูดว่าใครเป็นแคนดิเดต เพราะบางท่าน ได้ส่งข้อมูลมาถึงตนอยู่แล้ว และบางท่านตนก็อยากฟังความคิดเห็น ซึ่งการประชุม กตช.ในวันนี้ (20 ส.ค.) คาดว่าจะได้ชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีตรงไหนที่เป็นข้อกังวลใจหรือไม่ เพราะข่าวที่ออกมาอาจจะมีปัญหาในการเสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใครจะไปรู้ว่ามีหรือไม่มีปัญหายังไม่ถึงวาระ และตนยังไม่ได้บอกว่าจะเสนอชื่อใคร ซึ่งการตัดสินใจเป็นอำนาจหน้าที่ของตน ตามกฎหมาย ที่จะต้องเป็นคนเสนอชื่อ และ ก.ต.ช.เป็นคนลงมติ ส่วนการพิจารณาจะยึดความอาวุโสเป็นหลักหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประกอบกัน จริงๆ แล้วเป้าหมายสูงสุด คือ ต้องทำอย่างไรให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ เรียบร้อยและ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและสำคัญที่สุด คือ การบริการประชาชน และให้ประชาชนมีความมั่นใจ อุ่นใจ ว่าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย อันนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด แต่แน่นอนบุคคล ซึ่งก้าวเข้ามาอยู่ตำแหน่งที่อยู่ในข่ายมีโอกาสได้รับแต่งตั้งทุกท่าน มีประสบการณ์ มีความรู้ ทั้งสิ้น ก็จะต้องมาดูแง่มุม ความเหมาะสม กับสถานการณ์ต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีคนในใจแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีคนที่คิดว่า มีศักยภาพที่จะเป็นได้หลายท่าน เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าหลังการเลือกแล้วจะมีการออกมาโวยวายภายหลัง เหมือนตอนตั้งรักษาการ ผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันไม่น่าจะมี เพราะโดยหลักแล้วน่าจะเป็นผู้ใหญ่และมีวินัยกันทั้งนั้น ส่วนความเห็นของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่ากับประชาชน
ปัด “สุเทพ” เสนอชื่อแข่ง
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มี เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กังวลว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งท่านยังพูดในที่ประชุม และเห็นว่ามีรายงานข่าวออกมาถูกต้องแล้ว นายสุเทพบอกว่า อย่าแสดงความคิดเห็น เรื่องนี้กันเลย
ต่อข้อถามว่า ตัว ผบ.ตร.คนใหม่จะต้องเข้ามารับภาระกับสภาพบ้านเมืองปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หนัก คนที่จะเข้ามารับผิดชอบบ้านเมืองตรงนี้ต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่แล้วได้รับความเชื่อมั่นในเรื่องต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งนอกจากจะมาทำงานได้แล้วต้องเป็นที่ยอมรับ คือคนต้องมองว่า ทำงานได้ด้วย ฉะนั้นเป็นภาระที่หนักมาก
ชม “มาร์ค” เปิดโอกาสแสดงวิสัยทัศน์
ด้าน นายนพดล อินนา หนึ่งในกรรมการ ก.ต.ช. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาองค์กร กล่าวว่า ชื่นชมนายกรัฐมนตรี ที่เรียก รอง ผบ.ตร. และผู้ที่อยู่ในข่ายจะได้รับการพิจารณาให้เป็น ผบ.ตร. เข้าแสดงวิสัยทัศน์เพราะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงวิสัยทัศน์ เนื่องจากตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องบริหารผู้ใต้บังคับบัญชากว่า 2 แสนคนและมีหน้าที่ดูแลประชาชนทั้งประเทศ
ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีให้บุคคลที่เกี่ยวข้องแสดงวิสัยทัศน์นี้จะเป็นคำตอบ สังคมในระดับหนึ่งว่าการเสนอชื่อได้ผ่านการกลั่นกรองรอบครอบ ไม่ได้หยิบชื่อใครมา มั่วๆ สำหรับตนเองรู้สบายใจต่อการตัดสินใจยกมือสนับสนุนและหวังว่ารูปแบบนี้จะถูกนำไปใช้ในการคัดเลือกตัว ผบ.ตร.ในอนาคตต่อๆไป เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นนายกฯคนไหนทำแบบนี้
สะพัดตั้ง ผบ.ตร.เดิมพันยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนต่อไป ได้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นในระดับรัฐบาล เนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช.ต้องการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จ.ตช.) ประกอบกับ ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เรียก พล.ต.อ.ปทีป มาพูดคุยแล้วหลายครั้ง และยืนยันว่าจะเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป
ขณะที่อีกฝ่าย คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และนายนิพนธฺ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต้องการผลักดัน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เคยเปรยกับคนใกล้ชิดว่า ในวันนี้ หากดัน พล.ต.อ.ปทีป เป็น ผบ.ตร.คนต่อไปไม่ได้ ก็จะทำให้ตัวเองไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำเหลืออยู่แล้ว และหากเรื่องนี้มีเหตุขัดแย้งบานปลายต่อไป นายอภิสิทธิ์ ก็อาจจะเลือกที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยการยุบสภา
เปิดชื่อ 14 กรรมการ ก.ต.ช.
สำหรับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีทั้งหมด 14 คน ประกอบด้วย 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ 2.นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย/กรรมการ 3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม /กรรมการ 4.นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย/กรรมการ 5.นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม/กรรมการ 6.พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ/กรรมการ 7.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร./กรรมการ 8.นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฏหมาย 9.ผศ.นพดล อินนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาองค์กร10.นายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ 11.พล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการวางแผนหรือการบริหารและจัดการ 12.พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร.(บร.2) /เลขานุการ ก.ต.ช.13.พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วยผบ.ตร.(บร.2)/ผู้ช่วยเลขานุการก.ต.ช. 14.พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ./ผู้ช่วยเลขานุการก.ต.ช.
สอบปากคำซื้อขายตำแหน่ง
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสมศักดิ์ บุญทอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะประธานคณะอนุ ก.ตร.ชุดพิเศษตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงมา โดยมีคณะอนุ ก.ตร.ประชุมครบชุด ซึ่งที่ประชุมได้เชิญ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จเรตำรวจ (สบ 8) อดีตผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.ก.ตร.) มาให้ข้อมูลโดยมีการนำแฟ้มบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายของแต่จะกองบัญชาการ (บช.) มาเป็นหลักฐานให้คณะอนุ ก.ตร.พิจารณาด้วย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ได้เชิญ ผบช.น.มาชี้แจง เช่นเดียวกับ ผบช.หน่วยอื่นๆ เพื่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายหลักเกณฑ์ในการเสนอบัญชี ว่าได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อย่างไร และพิจารณาโดยหลักเกณฑ์ใด ร่วมประชุมกับใครบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคำสั่งพิเศษอย่างไรบ้าง หรือไม่ ซึ่งในประหลักหลักที่เราตรวจสอบข้อเท็จจริงคือมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งหรือไม่
“ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังเปิดเผยไม่ได้ในตอนนี้ ที่ผ่านมาสอบปากคำนายตำรวจในระดับ ตร.ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3-4 ปาก ทั้งนี้หลักฐานของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้พาดพิงถึง บช.น. หรือ ผบช.น.แต่อย่างใด” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าพาดพิง ผบ.ตร.และคนใกล้ชิดหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า น่าจะคนใกล้ชิด ซึ่งต้องเชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ทั้งคนใกล้ชิดและ ผบ.ตร. ซึ่งข้อมูลไม่ระบุชื่อตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นระบุแต่พฤติกรรมว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน เพื่อถามข้อเท็จจริงว่าการแต่งตั้งเป็นธรรมหรือไม่ และมีการให้ผลตอบแทนหรือไม่
จ่อเรียก “พัชรวาท” สอบศุกร์นี้
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิในฐานะโฆษก อนุ ก.ตร.ชุดพิเศษสืบสวนการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุฯร่วม 4 ชั่วโมงว่า ไม่ได้มีอะไรใหม่ ซึ่งในวันที่ 21 สิงหาคม จะเรียก พ.ต.ท.วีระ ชื่นกลิ่นธูป รอง ผกก.ป.สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี สังกัด บช.ภ.7 ที่ร้องเรียนเรื่องนี้ และยินดีจะมาให้การ ขณะที่จะเชิญ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มาให้ข้อมูล ซึ่งจะสอบหลายประเด็น แต่ ผบ.ตร.ยังไม่รับปากว่าจะมา
พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า จะเชิญสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด บช.ภ.2-3 มาให้ข้อมูลด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่นายศิริโชค ให้มาส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายก็จะพยายามเรียกมาสอบ เช่น กลุ่มที่อยู่ดีๆ ก็ถูกย้ายออกไป มีการมาเรียกเงินแล้วไม่จ่ายหรือไม่ จะเรียกมาสอบถามกัน ซึ่งพบว่าการแต่งตั้งปี 2551 มีการร้องเรียนเยอะมาก กรณีโดนโยกย้ายอย่างที่รู้มา
“ข้อมูลที่ได้จะมีประโยชน์เกี่ยวกับการแต่งตั้ง เมื่อปี 2551 ที่การร้องเรียนเข้ามา ส่วนการแต่งตั้งปี 2552 นั้นต้องรอดูบัญชีที่นำเข้าพิจารณาในช่วงแต่งตั้ง ที่เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. เพราะฉะนั้นการพิจารณาต้องอยู่ที่บัญชีว่ามีเหตุผลเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และความเห็นที่กองบัญชาการเสนอมาหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เรามีแต่บัญชีที่ บช.เสนอ แต่ยังไม่ทราบว่ามีเด็กเส้นเด็กฝากหรือไม่ ก็ต้องรอบัญชีแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ที่ ตร.ทำมาเปรียบ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เห็นต้องรอให้มีการพิจารณาก่อนแล้วจะเห็นว่าบัญชีแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร มีเหตุมีผลหรือไม่” พล.ต.อ.นพดล กล่าว
เมื่อถามว่าข้อมูลที่ได้จากการสอบครั้งนี้พบการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ยังไม่ดูถึงขนาดนั้น ข้อมูลยังไม่ถึง มีแต่เพียงว่าปี 2552 มีการเสนอบัญชีมาในแต่ละ บช.มีการประชุมพิจารณาของรอง ผบช.ในรูปแบบคณะกรรมการ บาง บช.เรียกรอง ผบก.ขึ้นมาให้ข้อมูล เพื่อร่วมกันพิจารณาบุคคลที่เหมาะสม ควรได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับอำนาจของ ตร.ว่าจะพิจารณาอย่างไร และ บช.ก็ยังไม่มั่นใจว่าบัญชีที่เสนอมานั้น เมื่อผ่านระดับ ตร.แล้วจะเป็นไปตามเสนอมาหรือไม่ เพราะว่าต้องมีการเกลี่ยตำแหน่งจากตำแหน่งประจำสำนักงานผู้บังคับบัญชาลงไปอีกจำนวนมาก หากการเกลี่ยมีเหตุมีผล มีหลักการก็ไม่น่ามีปัญหา
“ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งจะสรุปได้ต้องมีพยานหลักฐานด้วย ต้องมีคนมาให้การ แต่ที่แน่ๆ วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสปรับระบบการแต่งตั้งที่ถูกร้องเรียนกันมากให้เข้ารูปเข้าร่างให้คนที่อาวุโส ที่ทำงานดีได้รับความเป็นธรรม” พล.ต.อ.นพดล กล่าว
เมื่อถามว่ามีตำรวจบางรายที่ไม่กล้ามาร้องเรียนเพราะเป็นผู้ให้ และมีผู้รับซึ่งผิดกฎหมาย พล.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ก็มีปัญหาตรงนั้น แต่อาจใช้วิธีการชี้เบาะแสทำให้ทราบเส้นทางได้
ภาค 1 ยันทำบัญชีโปร่งใส
ขณะที่ พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวว่า ตนมาให้ข้อมูลเรื่องการแต่งตั้งวาระปรับเกลี่ยโครงสร้างครั้งนี้ ในส่วนของ บช.ภ.1 ยืนยันว่าได้ทำบัญชีแต่งตั้งโปร่งใสในรูปคณะกรรมการไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่มีการรับเงินหรือซื้อขายตำแหน่ง เนื่องจากข้อมูลการแต่งตั้งให้รอง ผบช. และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเป็นผู้เสนอพิจารณาในรูปคณะกรรมการ ซึ่งในส่วนของ บช.ภ.1 ไม่มีกรณีการแต่งตั้งที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ ทั้งหมดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ตร.กำหนด
“ข้อมูลทั้งหมดสามารถชี้แจงได้ ไม่หวั่นใจ วันนี้ถูกเรียกมาเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้นโดยวันนี้เอาบัญชีแต่งตั้งมาให้คณะอนุกรรมการรวม 13,000 คน มีทั้งเลื่อนขึ้นและสลับตำแหน่ง เนื่องจากโครงสร้างใหม่ยุบโครงสร้างเก่าจึงต้องแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด” ผบช.ภ.1 กล่าว