xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์คนเก่ากับคนใหม่

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

       จันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2551

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี หลังจากเริ่มพบความไม่ชอบมาพากลในกรณีที่รัฐบาลจะให้เอกชนยื่นขอสัมปทานรถเมล์ปรับอากาศ NGV จำนวน 6 พันคัน เพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

“คงได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะถึงขั้นต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่หลายคนในพรรคติดตาม และเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลอยู่ หากรวบรวมหลักฐานได้เพียงพอจะยื่นในสมัยประชุมวิสามัญนี้เลย” นายอภิสิทธิ์ ระบุ

อังคาร 17 มิถุนายน 2551

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ถอนเรื่องโครงการเช่ารถเมล์ปรับอากาศเอ็นจีวี 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ออกจากวาระการประชุม เพื่อให้กระทรวงคมนาคมกลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง หลังพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเปิดประเด็นความไม่ชอบมาพากลในโครงการดังกล่าว พร้อมกับหยิบยกเป็นประเด็นหนึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนถึงแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพของ ขสมก.หรือโครงการเช่ารถประจำทาง 6,000 คันว่า ที่ประชุมเห็นควรให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ จึงให้กระทรวงคมนาคมกลับไปทำรายละเอียดทุกขั้นตอนให้ชัดเจนโปร่งใส 100% ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบ และตอบทุกคำถามของผู้ที่สงสัยเรื่องนี้ได้ โดยเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนพิจารณาอีกครั้ง พร้อมให้นำความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วย ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป

แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.เผยว่า สาเหตุที่นายกฯ สั่งถอนเรื่องนี้ออกไป พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าข้อมูลที่เสนอมายังไม่ครบวงจรทั้งโครงการ สัญญาและกระบวนการที่ต้องทำให้โปร่งใส ไม่ใช่เพราะกลัวถูกฝ่ายค้านอภิปรายหรือหวั่นเกรงว่าจะซ้ำรอยกรณีรถดับเพลิง นายกฯ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้มีการตั้งข้อสังเกตกันมาก โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่า ตัวนายกฯ นายเนวิน ชิดชอบ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้รับผลประโยชน์เรื่องนี้คนละ 2,000 ล้านบาท ฉะนั้นเพื่อให้เรื่องนี้โปร่งใสก็ขอให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวไปดูแลก่อน แม้นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคมจะท้วงติงว่า เรื่องนี้ควรเร่งดำเนินการไม่อย่างนั้น ขสมก.จะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเพราะต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งนายสมัครก็เข้าใจ แต่ก็ต้องทำให้รอบคอบ

พุธ 3 มิถุนายน 2552

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายโสภณได้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการทั้งหมดรวมถึงการปรับลดตัวเลขจาก 6.9 หมื่นล้านบาท เหลือ 6.4 หมื่นล้านบาทว่า เป็นการลดอัตราดอกเบี้ย โดยนายโสภณระบุว่า คงลดไปมากกว่านี้ยากแล้ว แต่มีคนตั้งข้อสงสัยว่า หากซื้อจะถูกกว่านี้หรือไม่ และค่าซ่อมบำรุงจะถูกกว่าเช่าหรือไม่

“ประเด็นนี้ตอบยาก ดังนั้นเพื่อให้สังคมมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมีความตั้งใจ จึงขอให้คณะกรรมการของสภาพัฒน์ใช้เวลา 1 เดือนในการสรุปชัดเจนว่าระหว่างการซื้อกับการเช่าอะไรจะคุ้มค่ากว่ากันเพราะรัฐบาลจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ขสมก.ครั้งใหญ่” นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า ทั้งนี้ข้อสรุปของ ครม.ดังกล่าว ไม่มีรัฐมนตรีท่านใดติดใจ รวมถึงรมว.คมนาคมก็ไม่ติดใจ บอกแต่ว่าได้พยายามดูแลแล้วมั่นใจว่าการเช่าถูกกว่า และการที่ให้สังคมมั่นใจท่านก็ไม่ติดใจ เพราะให้อภิปรายกว้างขวาง จนได้ข้อยุติ ไม่มีใครโต้แย้ง

เมื่อถามว่า หลักการและคุณลักษณะของรัฐบาลที่ตั้งไว้ในการให้สภาพัฒน์ไปพิจารณาเรื่องรถเมล์อยู่บนหลักการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดทุนของ ขสมก.เกิดจาก 1. สภาพรถ 2. ค่าใช้จ่ายต่างๆ และ 3. การรั่วไหลที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตั๋ว ค่าซ่อม เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาตลอด

........

นี่เป็นการลำดับเวลากรณีรถเมล์ฉาวผ่านบทบาทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแต่ในสมัยที่ยังเป็นฝ่ายค้านจนกระทั่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ไม่ต้องสับสนนะครับว่า โครงการรถเมล์ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านเมื่อยังเป็นฝ่ายค้าน และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นโครงการเดียวกันหรือไม่

เป็นโครงการเดียวกันครับ

เพียงแต่แผนงานเดิมที่ ขสมก.เสนอต่อที่ประชุม ครม.คือ จัดเช่ารถเมล์จำนวน 6 พันคัน วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ก่อนจะถูกปรับลดลงมาเหลือ 4 พันคัน และมีการปรับลดวงเงินลดมาเรื่อยๆ จนเหลือ 6.4 หมื่นล้านบาท

แต่ไม่ว่า จะปรับลดลงมาเท่าไหร่ ก็ยังแพงมหาศาลอยู่ดี ผมลองคำนวณออกมาแล้ว เรามีราคาต้นทุนเฉพาะตัวรถเมล์คันละ 16 ล้านบาท (ราคาตัวรถคันละ 5.2 ล้านบาท) หักลบแล้วในเวลา 10 ปีรถเมล์แต่ละคันจะมีค่าซ่อมบำรุงถึง 10.8 ล้านบาท ตัวเลขกลมๆ คือ ค่าซ่อมบำรุงเป็น 2 เท่าของราคาตัวรถ

ลองคิดง่ายๆ นะครับว่า เราซื้อรถมา 1 คันราคา 1 ล้านบาท คิดว่าในเวลา 10 ปี ต้องเตรียมค่าซ่อมไว้ 2 ล้านบาทหรือไม่ ที่สำคัญรถเมล์นี้เป็นรถเช่าเราจึงไม่มีสิทธิ์ในตัวรถเลยเมื่อครบ 10 ปี (ถ้าเราซื้อรถมาเมื่อใช้ครบ 10 ปี เรายังสามารถขายซากรถได้เงินคืนมาอีก 2-3 แสนบาท)

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่แตกต่างอีกอย่างก็คือ โครงการดังกล่าวถูกผลักดันผ่านรัฐมนตรีในปีกของนายเนวิน ชิดชอบ ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาจนถึงสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ โดยนายโสภณ ซารัมย์

คำถามจึงเหลืออยู่เพียงว่า นายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะมีความเห็นที่แตกต่างกันหรือไม่

เพราะถ้าพิจารณาคำสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ล่าสุดข้างต้น จะเห็นได้ว่า ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ต่อเรื่องนี้อ่อนลงมามาก เหลืออยู่เพียงให้สภาพัฒน์เคาะว่าจะ “เช่า” หรือ จะ “ซื้อ” ดีกว่ากัน

ผมกำลังห่วงว่า ถ้าสภาพัฒน์เคาะให้ “เช่า” ก็ไม่แคล้วถูกคนเขาครหาว่า รัฐบาลกำลังยืมมือสภาพัฒน์เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพราะถ้าโครงการนี้ไม่ผ่านจะกลายเป็นความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

จึงได้แต่ภาวนาว่า ขอให้สภาพัฒน์เคาะว่า ต้อง “ซื้อ” (หากมีความจำเป็นและมีเหตุผลที่รับฟังได้) หรือล้มไปเพราะไม่คุ้ม แต่ถ้าต้อง “ซื้อ” รัฐบาลก็ควรจะต้องเริ่มต้นเสียใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส

ผมไม่อยากฉวยโอกาสว่านี่แหละคือ การเมืองเก่า เพื่อให้เข้าทางเสียงร้องหาการเมืองใหม่ เพราะผมยังเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีคนนี้

แต่ช่วยพิสูจน์ให้เห็นหน่อยว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บุญพาวาสนาส่งให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีจุดยืนที่แตกต่างกันหรือไม่

                                                         surawhisky@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น