หลังม็อบเสื้อแดงวงแตก ผมได้ยินใครต่อใครวิเคราะห์ว่า ทักษิณตายแล้ว ไม่มีโอกาสฟื้นกลับมาอีกแล้ว บอกตรงๆ ผมคิดว่ากำลังประเมินทักษิณต่ำจนเกินไป
เพราะผมเชื่อว่า ทักษิณและลิ่วล้อของเขายังคงสู้ไม่ถอย
ตอนที่ทักษิณถูก คมช.รัฐประหาร ตอนนั้นหลายคนก็วิจารณ์ว่า ทักษิณหมดโอกาสกลับมาสร้างปัญหาให้กับสังคมไทยแล้ว กระทั่งมีคนเตือนเชิงตำหนิคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ให้หยุดเคลื่อนไหว โดยระบุว่า ทักษิณไปแล้ว สงครามจบแล้ว แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรครับ
ตอนนั้นนิธิ เอียวศรีวงศ์ เองถึงกับบอกว่า ทักษิณตายทางการเมืองไปแล้ว กลายเป็นผีไปแล้ว และกล่าวหากลุ่มที่ต่อต้านทักษิณซึ่งยังเคลื่อนไหวอยู่ว่า กลัวผีทักษิณจนเกินไป แต่หลังจากนั้น เราก็พบความจริงว่า ทักษิณยังไม่ตายและยังมีฤทธิ์ที่จะปลุกคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองได้
กลายเป็นพวกเราถูกผีนิธิหลอก ทั้งที่นิธิยังไม่ตาย
ดังนั้นถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่เชื่อว่า ทักษิณตายแล้ว และยอมจำนนแล้ว เพราะเดิมพันของทักษิณนั้นสูงเกินกว่าที่จะหยุดได้
เดิมพันของทักษิณ คือ อิสรภาพและการลบล้างความผิด และต้องเอาเงิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกอายัดกลับมาให้ได้ แต่ทักษิณไม่เชื่อว่า หากคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้วเขาจะชนะ ผมเชื่อว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่เชื่อความยุติธรรมของศาล เพราะถ้าไม่เชื่อความยุติธรรมของศาลเขาก็คงไม่พึ่งศาลในการฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลอื่น แต่เป็นเพราะเขารู้ตัวเองดีว่า เขาไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้นั่นเอง
ในปี 2544 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทักษิณเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตระกูลชินวัตรมีมูลค่าหุ้นรวมกันเพียง 12,768.20 ล้านบาท แล้วกลายมาเป็น 76,000 ล้านบาทได้อย่างไร
ตระกูลดามาพงศ์ ของคุณหญิงพจมานซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน มีมูลค่าหุ้นในปี 2544 จำนวน 6,470 ล้านบาท แต่ปี 2547 มีมูลค่าหุ้นถึง 15,267.24 ล้านบาท
คนที่รายล้อมทักษิณอยู่ก็คงไม่ยอมให้ทักษิณหยุด แม้ว่าพวกเขาจะมีอุดมการณ์ที่หลากหลาย ทั้งพวกที่ต้องการฉวยเอาทักษิณเป็นเครื่องมือในการล้มล้างสถาบันที่พวกเขาชิงชัง ต้องการฉวยทักษิณมาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และต้องการหลอกเอาเงินทักษิณ
วันนี้ขบวนการในการสร้างความชอบธรรมให้กับทักษิณก็ยังคงอยู่ไม่เพียงแต่สื่อมวลชน ซึ่งทักษิณและลิ่วล้อหว่านเงินเลี้ยงดูอยู่เท่านั้น นักวิชาการ ปัญญาชนจำนวนไม่น้อยก็ยังออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทักษิณ ทั้งในรูปการพูดต่อสาธารณะและวงวิชาการ
ทุกวันนี้ก็มีเสียงพูดกันว่า ทักษิณประกาศจะยกเงินให้ 26,000 ล้านบาท หากใครสามารถเอาเงินที่ถูกอายัดกลับคืนมาได้ เสียงร่ำลือนี้ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานที่มากล่าวอ้างเป็นรูปธรรม นอกจากพฤติกรรมที่สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดงเกือบทุกคน
ในตอนที่เสื้อแดงชุมนุมเราจะเห็นว่า แกนนำเสื้อแดงนั้น กล้าที่จะทำอะไรนอกเหนือจากบรรทัดฐานของสังคม เช่น การขึ้นไปประกาศบนเวทีเสื้อแดงของอดิศร เพียงเกษ ว่า ให้จับนายกรัฐมนตรีมาแขวนคอ พฤติกรรมปลุกปั่นมวลชนให้บ้าคลั่งที่กระทรวงมหาดไทย
หรือหลังจากที่เสื้อแดงพ่ายแพ้ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ กล้าที่จะไป “ตู่” กลางสภา เล่าเรื่องการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเวอร์ชั่นที่เขารังสรรค์ขึ้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการยึดรถแก๊สเพื่อขู่เผาเมือง การยึดรถเมล์ การยิงชาวบ้านตายที่นางเลิ้ง การทุบรถนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ เป็นภาพที่ถูกจัดฉากขึ้น
วาทกรรมและเรื่องราวที่ “ตู่” ได้ตู่ขึ้นนั้น สร้างความงุนงงให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ (ผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศ) และคนที่รับข่าวสารไม่น้อยว่า ทำไม “ตู่” จึงสามารถพลิกขาวเป็นดำ พลิกผิดเป็นถูก และทำไมเหตุการณ์ที่คนเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง “ตู่” ถึงกล้าพูดขนาดนั้น
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของ ตู่ จตุพร และอดิศรนั้นอยู่นอกเหนือจากสามัญสำนึกของมนุษย์ต้องมีแรงขับเคลื่อนอะไรที่สามารถทำให้พวกเขามีพฤติกรรมเช่นนั้นได้
แม้กระทั่งขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 ในขณะนี้ก็เป็นอีกหน้าไพ่ของทักษิณในการต่อสู้เพื่อกลับเข้ามามีอำนาจทางการเมือง
นักวิชาการบางคนกล่าวหารัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาต่อต้านทักษิณ หรือสร้างวาทกรรมว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นหมายจับทักษิณ ซึ่งไม่รู้แปลว่าอะไร มาตราไหน ราวกับว่า รัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติขึ้นมาเพื่อใช้กับทักษิณคนเดียว
หากพิจารณา 2 มาตรา ที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณทั้งในสภาและนอกสภาพยายามจะแก้ไขให้ได้ทั้งมาตรา 237 และมาตรา 309 ก็มองไม่เห็นเลยว่า ทั้งสองมาตรานี้จะไม่ให้ความเป็นธรรมกับทักษิณอย่างไร
มาตรา 237 เขียนขึ้นเพื่อเป็นยาแรงกับพวกที่ซื้อเสียงเข้ามาในสภา หากกรรมการบริหารทุจริตการเลือกตั้งเสียเอง หรือรับรู้จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ ผมก็ไม่เห็นว่า มันขัดกับหลักการประชาธิปไตยตรงไหน และเขียนขึ้นเพื่อจงใจขจัดทักษิณอย่างไร
แต่ถ้าจะอธิบายว่า มาตรา 237 เป็นมาตราที่ป้องกันรัฐบาลแบบทักษิณ ก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า ทักษิณได้เสียงข้างมากมา เพราะทุจริตการเลือกตั้ง
หรือมาตรา 309 ที่บัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นเเละการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
เหตุผลเดียวที่มองเห็นในความพยายามจะล้มล้างรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็คือ คดีที่ทักษิณถูก คตส.สอบสวนจะได้ล้มเลิกไปและไม่ต้องขึ้นสู่การพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรม
ข้อกล่าวหาต่อรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เป็นรูปธรรมมีเพียงอย่างเดียวคือ กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวที่ผ่านการประชามติจากประชาชน
ดังนั้นการเคลื่อนไหวในการแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นหนึ่งกระบวนท่าของทักษิณที่ยังต่อสู้อยู่
นอกจากนั้น กลุ่มเสื้อแดงที่ชิงชังต่อสถาบันมองเห็นว่า การเคลื่อนไหวของทักษิณเป็นโอกาสที่จะทำให้เป้าหมายที่พวกเขาต้องการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายได้ คนเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ และการตัดสินใจของทักษิณ
พวกนี้รู้ว่า พวกเขาไม่สามารถระดมมวลชนมาขนาดนี้ได้ ต้องอาศัยศรัทธาที่มวลชนมีต่อตัวทักษิณ ที่สำคัญคือ ต้องใช้เงิน ดังนั้นเงินของทักษิณนอกจากทำให้พวกเขาอ้วนพีแล้วยังเป็นจุดมุ่งหมายที่จะทำให้พวกเขาบรรลุอุดมการณ์ได้
การต่อสู้ทางการเมืองนี้จึงไม่ใช่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยอย่างที่เชื่อกัน แต่เป็นการบรรจบของการต้องการอิสรภาพและทรัพย์สมบัติคืนของทักษิณ ต้องการหลอกเอาเงินทักษิณ และต้องการใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ดังนั้นต่อให้ทักษิณตายไปแล้วจริงๆ ก็จะถูกจับผูกไว้กับหลังม้าเพื่อให้อยู่ในสมรภูมิต่อไปอยู่ดี
surawhisky@hotmail.com
เพราะผมเชื่อว่า ทักษิณและลิ่วล้อของเขายังคงสู้ไม่ถอย
ตอนที่ทักษิณถูก คมช.รัฐประหาร ตอนนั้นหลายคนก็วิจารณ์ว่า ทักษิณหมดโอกาสกลับมาสร้างปัญหาให้กับสังคมไทยแล้ว กระทั่งมีคนเตือนเชิงตำหนิคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ให้หยุดเคลื่อนไหว โดยระบุว่า ทักษิณไปแล้ว สงครามจบแล้ว แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรครับ
ตอนนั้นนิธิ เอียวศรีวงศ์ เองถึงกับบอกว่า ทักษิณตายทางการเมืองไปแล้ว กลายเป็นผีไปแล้ว และกล่าวหากลุ่มที่ต่อต้านทักษิณซึ่งยังเคลื่อนไหวอยู่ว่า กลัวผีทักษิณจนเกินไป แต่หลังจากนั้น เราก็พบความจริงว่า ทักษิณยังไม่ตายและยังมีฤทธิ์ที่จะปลุกคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองได้
กลายเป็นพวกเราถูกผีนิธิหลอก ทั้งที่นิธิยังไม่ตาย
ดังนั้นถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่เชื่อว่า ทักษิณตายแล้ว และยอมจำนนแล้ว เพราะเดิมพันของทักษิณนั้นสูงเกินกว่าที่จะหยุดได้
เดิมพันของทักษิณ คือ อิสรภาพและการลบล้างความผิด และต้องเอาเงิน 76,000 ล้านบาทที่ถูกอายัดกลับมาให้ได้ แต่ทักษิณไม่เชื่อว่า หากคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้วเขาจะชนะ ผมเชื่อว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่เชื่อความยุติธรรมของศาล เพราะถ้าไม่เชื่อความยุติธรรมของศาลเขาก็คงไม่พึ่งศาลในการฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลอื่น แต่เป็นเพราะเขารู้ตัวเองดีว่า เขาไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้นั่นเอง
ในปี 2544 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทักษิณเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตระกูลชินวัตรมีมูลค่าหุ้นรวมกันเพียง 12,768.20 ล้านบาท แล้วกลายมาเป็น 76,000 ล้านบาทได้อย่างไร
ตระกูลดามาพงศ์ ของคุณหญิงพจมานซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน มีมูลค่าหุ้นในปี 2544 จำนวน 6,470 ล้านบาท แต่ปี 2547 มีมูลค่าหุ้นถึง 15,267.24 ล้านบาท
คนที่รายล้อมทักษิณอยู่ก็คงไม่ยอมให้ทักษิณหยุด แม้ว่าพวกเขาจะมีอุดมการณ์ที่หลากหลาย ทั้งพวกที่ต้องการฉวยเอาทักษิณเป็นเครื่องมือในการล้มล้างสถาบันที่พวกเขาชิงชัง ต้องการฉวยทักษิณมาเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และต้องการหลอกเอาเงินทักษิณ
วันนี้ขบวนการในการสร้างความชอบธรรมให้กับทักษิณก็ยังคงอยู่ไม่เพียงแต่สื่อมวลชน ซึ่งทักษิณและลิ่วล้อหว่านเงินเลี้ยงดูอยู่เท่านั้น นักวิชาการ ปัญญาชนจำนวนไม่น้อยก็ยังออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนทักษิณ ทั้งในรูปการพูดต่อสาธารณะและวงวิชาการ
ทุกวันนี้ก็มีเสียงพูดกันว่า ทักษิณประกาศจะยกเงินให้ 26,000 ล้านบาท หากใครสามารถเอาเงินที่ถูกอายัดกลับคืนมาได้ เสียงร่ำลือนี้ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานที่มากล่าวอ้างเป็นรูปธรรม นอกจากพฤติกรรมที่สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดงเกือบทุกคน
ในตอนที่เสื้อแดงชุมนุมเราจะเห็นว่า แกนนำเสื้อแดงนั้น กล้าที่จะทำอะไรนอกเหนือจากบรรทัดฐานของสังคม เช่น การขึ้นไปประกาศบนเวทีเสื้อแดงของอดิศร เพียงเกษ ว่า ให้จับนายกรัฐมนตรีมาแขวนคอ พฤติกรรมปลุกปั่นมวลชนให้บ้าคลั่งที่กระทรวงมหาดไทย
หรือหลังจากที่เสื้อแดงพ่ายแพ้ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ กล้าที่จะไป “ตู่” กลางสภา เล่าเรื่องการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเวอร์ชั่นที่เขารังสรรค์ขึ้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการยึดรถแก๊สเพื่อขู่เผาเมือง การยึดรถเมล์ การยิงชาวบ้านตายที่นางเลิ้ง การทุบรถนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ เป็นภาพที่ถูกจัดฉากขึ้น
วาทกรรมและเรื่องราวที่ “ตู่” ได้ตู่ขึ้นนั้น สร้างความงุนงงให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ (ผู้สื่อข่าวทั้งไทยและเทศ) และคนที่รับข่าวสารไม่น้อยว่า ทำไม “ตู่” จึงสามารถพลิกขาวเป็นดำ พลิกผิดเป็นถูก และทำไมเหตุการณ์ที่คนเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง “ตู่” ถึงกล้าพูดขนาดนั้น
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของ ตู่ จตุพร และอดิศรนั้นอยู่นอกเหนือจากสามัญสำนึกของมนุษย์ต้องมีแรงขับเคลื่อนอะไรที่สามารถทำให้พวกเขามีพฤติกรรมเช่นนั้นได้
แม้กระทั่งขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 ในขณะนี้ก็เป็นอีกหน้าไพ่ของทักษิณในการต่อสู้เพื่อกลับเข้ามามีอำนาจทางการเมือง
นักวิชาการบางคนกล่าวหารัฐธรรมนูญ 2550 ว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาต่อต้านทักษิณ หรือสร้างวาทกรรมว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นหมายจับทักษิณ ซึ่งไม่รู้แปลว่าอะไร มาตราไหน ราวกับว่า รัฐธรรมนูญ 2550 บัญญัติขึ้นมาเพื่อใช้กับทักษิณคนเดียว
หากพิจารณา 2 มาตรา ที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณทั้งในสภาและนอกสภาพยายามจะแก้ไขให้ได้ทั้งมาตรา 237 และมาตรา 309 ก็มองไม่เห็นเลยว่า ทั้งสองมาตรานี้จะไม่ให้ความเป็นธรรมกับทักษิณอย่างไร
มาตรา 237 เขียนขึ้นเพื่อเป็นยาแรงกับพวกที่ซื้อเสียงเข้ามาในสภา หากกรรมการบริหารทุจริตการเลือกตั้งเสียเอง หรือรับรู้จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ ผมก็ไม่เห็นว่า มันขัดกับหลักการประชาธิปไตยตรงไหน และเขียนขึ้นเพื่อจงใจขจัดทักษิณอย่างไร
แต่ถ้าจะอธิบายว่า มาตรา 237 เป็นมาตราที่ป้องกันรัฐบาลแบบทักษิณ ก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่า ทักษิณได้เสียงข้างมากมา เพราะทุจริตการเลือกตั้ง
หรือมาตรา 309 ที่บัญญัติว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายเเละรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นเเละการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
เหตุผลเดียวที่มองเห็นในความพยายามจะล้มล้างรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็คือ คดีที่ทักษิณถูก คตส.สอบสวนจะได้ล้มเลิกไปและไม่ต้องขึ้นสู่การพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรม
ข้อกล่าวหาต่อรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เป็นรูปธรรมมีเพียงอย่างเดียวคือ กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวที่ผ่านการประชามติจากประชาชน
ดังนั้นการเคลื่อนไหวในการแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นหนึ่งกระบวนท่าของทักษิณที่ยังต่อสู้อยู่
นอกจากนั้น กลุ่มเสื้อแดงที่ชิงชังต่อสถาบันมองเห็นว่า การเคลื่อนไหวของทักษิณเป็นโอกาสที่จะทำให้เป้าหมายที่พวกเขาต้องการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายได้ คนเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ และการตัดสินใจของทักษิณ
พวกนี้รู้ว่า พวกเขาไม่สามารถระดมมวลชนมาขนาดนี้ได้ ต้องอาศัยศรัทธาที่มวลชนมีต่อตัวทักษิณ ที่สำคัญคือ ต้องใช้เงิน ดังนั้นเงินของทักษิณนอกจากทำให้พวกเขาอ้วนพีแล้วยังเป็นจุดมุ่งหมายที่จะทำให้พวกเขาบรรลุอุดมการณ์ได้
การต่อสู้ทางการเมืองนี้จึงไม่ใช่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยอย่างที่เชื่อกัน แต่เป็นการบรรจบของการต้องการอิสรภาพและทรัพย์สมบัติคืนของทักษิณ ต้องการหลอกเอาเงินทักษิณ และต้องการใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ดังนั้นต่อให้ทักษิณตายไปแล้วจริงๆ ก็จะถูกจับผูกไว้กับหลังม้าเพื่อให้อยู่ในสมรภูมิต่อไปอยู่ดี
surawhisky@hotmail.com