วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2552 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะออกมาชุมนุมในวาระครบรอบ 1 ปีของการเริ่มต้นการชุมนุมต่อเนื่องที่ยาวนาน 193 วัน
ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ชุมนุมครบทั้ง 193 วัน ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว ผมคิดว่า ผมน่าจะมีส่วนในการถกเถียงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ แล้วถกกันต่อว่า ใครควรจะมาเป็นหัวหน้าพรรค
สารภาพเลยครับว่า ตั้งแต่ที่มีกระแสแนวคิดว่า ถ้าจะทำการเมืองใหม่พันธมิตรฯควรจะตั้งพรรคการเมืองเข้ามาสู่ในระบบ ไม่ใช่ต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตยบนท้องถนนเหมือนเก่า ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ในตอนแรก
แต่เมื่อมีการถกเถียงกัน ผมกลับยอมรับในเหตุผลว่า การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร และถึงจะไม่ตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา มวลชนของพันธมิตรฯซึ่งมีกำลังมหาศาลก็จะต้องเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งอยู่แล้ว
ทำไมไม่เลือกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ร่วมกับตัวเอง และเป็นพรรคที่มวลชนพันธมิตรตั้งขึ้นมาด้วยมือตัวเอง
เงื่อนไขของผมมีอยู่อย่างเดียวก็คือ ทำอย่างไรให้มวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรค มีที่ยืนในอุดมการณ์ของพันธมิตรฯและอุดมการณ์การเมืองใหม่ต่อไป นั่นคือ จะรักษารูปขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะทำการเมืองภาคประชาชนให้คู่ขนานไปกับพรรคพันธมิตรฯได้อย่างไร
และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็น่าจะเป็นการเมืองภาคประชาชนที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของพรรคพันธมิตรฯเพื่อไม่ให้ออกนอกร่องนอกรอยไปพร้อมกับการทำหน้าที่ของ ASTV
แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้หวังเลิศหรูว่า พรรคพันธมิตรฯจะเติบโตกลายเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมาก เพราะแม้ว่า มวลชนของพันธมิตรฯจะมีความเข้าใจในการเมืองและปรารถนาการเมืองใหม่ แต่การช่วงชิงในทางการเมืองพันธมิตรฯก็ต้องต่อสู้ในวิถีของการเมืองเก่าที่อำนาจเงินและพื้นฐานความรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตยในบ้านเราจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของประเทศอยู่ดี
ผมไม่คิดไปไกลว่าพรรคพันธมิตรฯจะเหมือนกับพรรคกรีนของเยอรมัน เพราะพื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศไม่เหมือนกัน
มาถึงเรื่องสำคัญ ถ้าพรรคพันธมิตรฯตั้งขึ้นมาจริงๆ ใครควรจะมาเป็นหัวหน้าพรรค
มีคนโยนหินถามทางมามากว่า ควรจะเป็นพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อนำโมเดลของพรรคพลังธรรมกลับมาใหม่ มีคนบอกว่า ควรจะเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะเป็นคนกล้าหาญที่จะพาดฟันกับความชั่วร้ายแบบตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง
มีคนเสนอบุคคลต่างๆอีกมากมาย รวมทั้งมีความเห็นว่า แกนนำพันธมิตรฯไม่ควรเข้ามารับตำแหน่งในพรรค แต่ควรเป็นเหมือนองค์กรนำที่กำหนดบทบาทในการเคลื่อนไหวของพรรค
ในส่วนของพล.ต.จำลอง ถ้าถามผมว่า เหมาะสมหรือไม่ ผมคิดว่า พล.ต.จำลอง เป็นคนที่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในอุดมการณ์ของพันธมิตรฯคนหนึ่ง แม้มีหลายคนติงว่า พล.ต.จำลองผ่านวันเวลาดังกล่าวมาแล้วจากพรรคพลังธรรม
อย่างไรก็ตามผมชอบคำตอบของพล.ต.จำลองที่ตอบคำถามอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทองว่า เห็นด้วยกับการตั้งพรรคของพันธมิตรฯหรือไม่ และถ้ามีคนเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรคจะรับหรือไม่ พล.ต.จำลองตอบว่า ถ้ามวลชนเห็นอย่างไรเรื่องตั้งพรรคก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่ถ้ามวลชนสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคจะขอคิดดูก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว
นัยก็คือว่า ถ้าพล.ต.จำลอง ตัดสินใจรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหากมีเสียงเรียกร้อง พล.ต.จำลองก็จะต้องเสียสละตัวเองเพื่อมารับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการตัดสินใจที่กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพล.ต.จำลองเอง คนเราจึงควรจะมีสิทธิ์ในการกำหนดวิถีของตัวเอง
ส่วนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งมีเสียงเชียร์มาก และมีเสียงท้วงติงไม่น้อย เสียงท้วงติงส่วนใหญ่เท่าที่สดับฟังก็คือ หากคุณสนธิเข้าสู่การเมืองห่วงว่า บทบาทของคุณสนธิซึ่งประทับอยู่ในใจของเขาในการเป็นผู้นำการเมืองภาคประชาชนจะหายไป และจะไม่ได้อะไรในการเข้าไปคลุกฝุ่นทางการเมือง
แล้วผมคิดอย่างไร
แม้มองเผินๆว่า คำตอบนี้เหมือนจะเป็นเรื่องภายในองค์กร แต่ผมคิดว่า ความเห็นของผมนี้ควรจะต้องสะท้อนผ่านสาธารณะ เพราะวันนี้คุณสนธิเป็นคนของประชาชนไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้นำองค์กรอย่างเดียว
แน่นอนว่า ผมเป็นลูกน้องที่จะต้องเดินตามเข็มมุ่งของผู้นำองค์กร ที่สำคัญผมมั่นใจว่า คุณสนธิไม่มีวันจะพาพวกเราไปตกเหวหรือไปลงนรกที่ไหน ดังนั้นผมจึงไม่เคยมีคำถามต่อคุณสนธิ
ถ้าถามผม จากการติดตามประวัติการทำงานของคุณสนธิ ในหนังสือที่คุณสนธิเขียนขึ้น และมีคนอื่นเล่ามาตั้งแต่คุณสนธิยังเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวกลับจากต่างประเทศมาเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เป็นครูสอนคนทำงานหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการคนแล้วคนเล่า ประสบการณ์ทำงาน 25 ปีของผมบอกว่า คุณสนธิเป็นคนข่าวที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง
แม้ว่า เครือผู้จัดการจะเป็นค่ายเล็กๆในแวดวงสื่อยักษ์ใหญ่ และเครือผู้จัดการและคุณสนธิต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 แต่เชื่อไหมครับว่า สื่อที่คุณสนธิปั้นมากับมือล้วนแล้วแต่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มของตัวเอง ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันที่เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน ผู้จัดการรายสัปดาห์ที่เป็นอันดับ 1 ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายสัปดาห์ และผู้จัดการรายเดือนเป็นอันดับ 1 ในหนังสือกลุ่มเดียวกัน
มาถึงเว็บไซต์ผู้จัดการ ที่เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเว็บข่าว และเป็นอันดับ 4 ของประเทศ และ ASTV เป็นสถานีข่าวอันดับ 1 ในกลุ่มสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเป็นอันดับ 1 ในสถานีข่าวด้วยซ้ำไป เพราะผลการสำรวจเราเป็นรองแค่สถานีบันเทิงอย่างช่อง 3 และ 7 เท่านั้นเอง
ไม่เพียงแต่การเป็นสื่อที่มีวิสัยทัศน์และมุมมองที่กว้างไกลกว่าใครเท่านั้น การลุกขึ้นมาเป็นผู้นำประชาชน แบบเอาชีวิตและธุรกิจเข้ามาเป็นเดิมพัน ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งนั้น คุณสนธิได้ใจประชาชนและได้ใจพวกเรามาก
แล้วต่อมาคุณสนธิก็เอาชีวิตรอดมาจากห่ากระสุนนับร้อยๆนัด ที่หวังจะปิดปากสื่อมวลชนคนหนึ่ง และผู้นำการเมืองภาคประชาชนคนหนึ่งที่หาญกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจความชั่วร้ายในบ้านนี้เมืองนี้
บอกตรงๆนะครับว่า พวกเราในองค์กรก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่า คุณสนธิคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ และตกใจไม่น้อยที่คุณยศวดี หงษ์ทอง นำ "ข่าวเต้า"ไปเขียนเป็นตุเป็นตะในคมชัดลึก ว่า ถ้าคุณสนธิเป็นนายกฯคนโน้นคนนี้จะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ โดยไม่ได้ใช้หลักการพื้นฐานคือ ตรวจสอบที่มาของข่าวเสียก่อน บอกตรงๆว่า ถ้าเป็นเครือผู้จัดการ แม้เป็นเด็กฝึกงานเด็กคนนั้นคงจะไม่ผ่านการฝึกอย่างแน่นอน
ไม่ว่า คุณสนธิจะคิดอย่างไร ผมก็เคารพการตัดสินใจ และพร้อมจะก้าวเดินไปพร้อมกัน
คุณสนธิมีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพันธมิตรฯครับ
แต่ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากให้คุณสนธิเป็นผู้นำการเมืองภาคประชาชน และเป็นผู้นำองค์กรที่เป็น "ครู"ของพวกเราในการทำงานสื่อต่อไป
surawhisky@hotmail.com
ในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่งที่ชุมนุมครบทั้ง 193 วัน ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว ผมคิดว่า ผมน่าจะมีส่วนในการถกเถียงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ แล้วถกกันต่อว่า ใครควรจะมาเป็นหัวหน้าพรรค
สารภาพเลยครับว่า ตั้งแต่ที่มีกระแสแนวคิดว่า ถ้าจะทำการเมืองใหม่พันธมิตรฯควรจะตั้งพรรคการเมืองเข้ามาสู่ในระบบ ไม่ใช่ต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตยบนท้องถนนเหมือนเก่า ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ในตอนแรก
แต่เมื่อมีการถกเถียงกัน ผมกลับยอมรับในเหตุผลว่า การตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร และถึงจะไม่ตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมา มวลชนของพันธมิตรฯซึ่งมีกำลังมหาศาลก็จะต้องเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งอยู่แล้ว
ทำไมไม่เลือกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ร่วมกับตัวเอง และเป็นพรรคที่มวลชนพันธมิตรตั้งขึ้นมาด้วยมือตัวเอง
เงื่อนไขของผมมีอยู่อย่างเดียวก็คือ ทำอย่างไรให้มวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรค มีที่ยืนในอุดมการณ์ของพันธมิตรฯและอุดมการณ์การเมืองใหม่ต่อไป นั่นคือ จะรักษารูปขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะทำการเมืองภาคประชาชนให้คู่ขนานไปกับพรรคพันธมิตรฯได้อย่างไร
และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็น่าจะเป็นการเมืองภาคประชาชนที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของพรรคพันธมิตรฯเพื่อไม่ให้ออกนอกร่องนอกรอยไปพร้อมกับการทำหน้าที่ของ ASTV
แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้หวังเลิศหรูว่า พรรคพันธมิตรฯจะเติบโตกลายเป็นพรรคการเมืองเสียงข้างมาก เพราะแม้ว่า มวลชนของพันธมิตรฯจะมีความเข้าใจในการเมืองและปรารถนาการเมืองใหม่ แต่การช่วงชิงในทางการเมืองพันธมิตรฯก็ต้องต่อสู้ในวิถีของการเมืองเก่าที่อำนาจเงินและพื้นฐานความรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตยในบ้านเราจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของประเทศอยู่ดี
ผมไม่คิดไปไกลว่าพรรคพันธมิตรฯจะเหมือนกับพรรคกรีนของเยอรมัน เพราะพื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศไม่เหมือนกัน
มาถึงเรื่องสำคัญ ถ้าพรรคพันธมิตรฯตั้งขึ้นมาจริงๆ ใครควรจะมาเป็นหัวหน้าพรรค
มีคนโยนหินถามทางมามากว่า ควรจะเป็นพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เพื่อนำโมเดลของพรรคพลังธรรมกลับมาใหม่ มีคนบอกว่า ควรจะเป็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะเป็นคนกล้าหาญที่จะพาดฟันกับความชั่วร้ายแบบตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง
มีคนเสนอบุคคลต่างๆอีกมากมาย รวมทั้งมีความเห็นว่า แกนนำพันธมิตรฯไม่ควรเข้ามารับตำแหน่งในพรรค แต่ควรเป็นเหมือนองค์กรนำที่กำหนดบทบาทในการเคลื่อนไหวของพรรค
ในส่วนของพล.ต.จำลอง ถ้าถามผมว่า เหมาะสมหรือไม่ ผมคิดว่า พล.ต.จำลอง เป็นคนที่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในอุดมการณ์ของพันธมิตรฯคนหนึ่ง แม้มีหลายคนติงว่า พล.ต.จำลองผ่านวันเวลาดังกล่าวมาแล้วจากพรรคพลังธรรม
อย่างไรก็ตามผมชอบคำตอบของพล.ต.จำลองที่ตอบคำถามอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทองว่า เห็นด้วยกับการตั้งพรรคของพันธมิตรฯหรือไม่ และถ้ามีคนเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรคจะรับหรือไม่ พล.ต.จำลองตอบว่า ถ้ามวลชนเห็นอย่างไรเรื่องตั้งพรรคก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่ถ้ามวลชนสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคจะขอคิดดูก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว
นัยก็คือว่า ถ้าพล.ต.จำลอง ตัดสินใจรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหากมีเสียงเรียกร้อง พล.ต.จำลองก็จะต้องเสียสละตัวเองเพื่อมารับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการตัดสินใจที่กระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพล.ต.จำลองเอง คนเราจึงควรจะมีสิทธิ์ในการกำหนดวิถีของตัวเอง
ส่วนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งมีเสียงเชียร์มาก และมีเสียงท้วงติงไม่น้อย เสียงท้วงติงส่วนใหญ่เท่าที่สดับฟังก็คือ หากคุณสนธิเข้าสู่การเมืองห่วงว่า บทบาทของคุณสนธิซึ่งประทับอยู่ในใจของเขาในการเป็นผู้นำการเมืองภาคประชาชนจะหายไป และจะไม่ได้อะไรในการเข้าไปคลุกฝุ่นทางการเมือง
แล้วผมคิดอย่างไร
แม้มองเผินๆว่า คำตอบนี้เหมือนจะเป็นเรื่องภายในองค์กร แต่ผมคิดว่า ความเห็นของผมนี้ควรจะต้องสะท้อนผ่านสาธารณะ เพราะวันนี้คุณสนธิเป็นคนของประชาชนไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้นำองค์กรอย่างเดียว
แน่นอนว่า ผมเป็นลูกน้องที่จะต้องเดินตามเข็มมุ่งของผู้นำองค์กร ที่สำคัญผมมั่นใจว่า คุณสนธิไม่มีวันจะพาพวกเราไปตกเหวหรือไปลงนรกที่ไหน ดังนั้นผมจึงไม่เคยมีคำถามต่อคุณสนธิ
ถ้าถามผม จากการติดตามประวัติการทำงานของคุณสนธิ ในหนังสือที่คุณสนธิเขียนขึ้น และมีคนอื่นเล่ามาตั้งแต่คุณสนธิยังเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวกลับจากต่างประเทศมาเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย เป็นครูสอนคนทำงานหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการคนแล้วคนเล่า ประสบการณ์ทำงาน 25 ปีของผมบอกว่า คุณสนธิเป็นคนข่าวที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง
แม้ว่า เครือผู้จัดการจะเป็นค่ายเล็กๆในแวดวงสื่อยักษ์ใหญ่ และเครือผู้จัดการและคุณสนธิต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 แต่เชื่อไหมครับว่า สื่อที่คุณสนธิปั้นมากับมือล้วนแล้วแต่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มของตัวเอง ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันที่เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน ผู้จัดการรายสัปดาห์ที่เป็นอันดับ 1 ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายสัปดาห์ และผู้จัดการรายเดือนเป็นอันดับ 1 ในหนังสือกลุ่มเดียวกัน
มาถึงเว็บไซต์ผู้จัดการ ที่เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเว็บข่าว และเป็นอันดับ 4 ของประเทศ และ ASTV เป็นสถานีข่าวอันดับ 1 ในกลุ่มสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเป็นอันดับ 1 ในสถานีข่าวด้วยซ้ำไป เพราะผลการสำรวจเราเป็นรองแค่สถานีบันเทิงอย่างช่อง 3 และ 7 เท่านั้นเอง
ไม่เพียงแต่การเป็นสื่อที่มีวิสัยทัศน์และมุมมองที่กว้างไกลกว่าใครเท่านั้น การลุกขึ้นมาเป็นผู้นำประชาชน แบบเอาชีวิตและธุรกิจเข้ามาเป็นเดิมพัน ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งนั้น คุณสนธิได้ใจประชาชนและได้ใจพวกเรามาก
แล้วต่อมาคุณสนธิก็เอาชีวิตรอดมาจากห่ากระสุนนับร้อยๆนัด ที่หวังจะปิดปากสื่อมวลชนคนหนึ่ง และผู้นำการเมืองภาคประชาชนคนหนึ่งที่หาญกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจความชั่วร้ายในบ้านนี้เมืองนี้
บอกตรงๆนะครับว่า พวกเราในองค์กรก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่า คุณสนธิคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ และตกใจไม่น้อยที่คุณยศวดี หงษ์ทอง นำ "ข่าวเต้า"ไปเขียนเป็นตุเป็นตะในคมชัดลึก ว่า ถ้าคุณสนธิเป็นนายกฯคนโน้นคนนี้จะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ โดยไม่ได้ใช้หลักการพื้นฐานคือ ตรวจสอบที่มาของข่าวเสียก่อน บอกตรงๆว่า ถ้าเป็นเครือผู้จัดการ แม้เป็นเด็กฝึกงานเด็กคนนั้นคงจะไม่ผ่านการฝึกอย่างแน่นอน
ไม่ว่า คุณสนธิจะคิดอย่างไร ผมก็เคารพการตัดสินใจ และพร้อมจะก้าวเดินไปพร้อมกัน
คุณสนธิมีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพันธมิตรฯครับ
แต่ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากให้คุณสนธิเป็นผู้นำการเมืองภาคประชาชน และเป็นผู้นำองค์กรที่เป็น "ครู"ของพวกเราในการทำงานสื่อต่อไป
surawhisky@hotmail.com
