มีคำถามว่าถ้าโครงการเช่าเหมารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน มูลค่า 64,885 ล้านบาท (เดิม 69,000 ล้านบาท) ที่พรรคภูมิใจไทย โดย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ภูมิใจเสนอเข้าครม.เป็นรอบที่สาม ในวันนี้ (3 มิ.ย.52) ไม่ผ่านหรือโดนเบรกอีกครั้ง พรรคภูมิใจไทยจะทำยังไง...
ถึงขั้นถอนตัวออกจากรัฐบาลหรือไม่?
แม้จะมีอาการเสียวไส้อยู่ลึกๆ แต่ผมเชื่อว่าแฟนๆ ประชาธิปัตย์ และนักสังเกตการณ์ทางการเมืองทั่วไป ก็พอจะคาดหมายได้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป ยังไม่กล้าที่จะถอนตัวเพื่อกดดันให้เกิดการยุบสภา
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเยียวยาหรือรักษาหน้าหุ้นส่วนรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยอย่างไร..
0 ให้แก้ไขปรับปรุงตัวเลข เสนอใหม่ 0 ให้ปรับรูปแบบการเช่าเป็นอย่างอื่น 0 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปฏิรูป ขสมก.อย่างทั่วด้าน 0 หนุนโครงการอื่นของภูมิใจไทย...
ก็จับตามองกันต่อไป...
ย้อนไปตรงประเด็นที่ว่า...ทำไมถึงเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยยังไม่ถึงขั้นถอนตัว..
คำตอบหลักก็คือ พรรคภูมิใจไทยและแม้แต่พรรครัฐบาลอื่นๆ ล้วนแต่ยังไม่พร้อมที่จะทำศึกเลือกตั้งทั่วไป
จริงอยู่แม้โปสเตอร์การวางตัวผู้สมัครในขอบเขตทั่วประเทศของภูมิใจไทยดูเหมือนจะพร้อมสรรพ แต่เอาเข้าจริงก็ยังขาดกระสุนดินดำอีกมาก...
สรุปว่ากรณีรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ประชาธิปัตย์ก็น่าจะโชคดีมีชัยโดยไม่ต้องออกแรงหรือใช้ความกล้าหาญชาญชัยสักเท่าใดนัก เพราะกระแสสังคมและกลุ่มพลังต่างๆ ได้พร้อมพรึ่บกันเป็นตัวช่วยอันสำคัญให้กับรัฐบาล
นับเป็นบุญวาสนาของนายกฯ ต้นทุนสูงอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอย่างยิ่ง
ครั้งก่อนโน้น นายกฯ อภิสิทธิ์ออกมาเบรกเบาๆ เรื่องการย้าย “การบินไทย” จากการท่าอากาศยานดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ แต่พรรคภูมิใจไทย โดย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ก็เดินหน้าม้วนเดียวจบ แทนที่นายกฯ อภิสิทธิ์จะโดนตำหนิ พรรคภูมิใจไทยก็รับข้อกล่าวหาไปเต็มๆ...
นั่นก็เพราะต้นทุนของนายกฯ ที่ชาวบ้านเชื่อมั่นว่าใจซื่อมือสะอาด มุ่งมั่นในการทำงาน...เช่นเดียวกัน
จะอย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าแรงเสียดสีระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะยึดตำแหน่งผู้นำรัฐบาล และรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงความมั่นคง และกระทรวงเศรษฐกิจกับพรรคภูมิใจไทยซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการอยู่ 3 กระทรวง (มหาดไทย คมนาคมและพาณิชย์) จะต้องเกิดขึ้นอีกหลายกรรมหลายวาระ
ปัจจุบันกรณีการขายข้าวโพด กรณีการขายข้าว 2.6 ล้านตัน ก็ยังเป็นปัญหาที่ปีนเกลียว จับมือ สบตากันไม่ค่อยสนิทใจอยู่แล้ว ในอนาคตพรรคภูมิใจไทยคงไม่ยอมแน่ๆ หากพรรคประชาธิปัตย์จะขอตรวจสอบล้วงลึกในทุกโครงการ...
ยาสามัญประจำบ้านยี่ห้อ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่รับบท “กาวใจพิเศษ” ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย คงจะต้องทำงานหนัก และการทำงานหนักที่ว่านี้บางครั้งอาจจะต้องหรี่ตาหรือปิดตาเสียข้างหนึ่ง เพื่อจะได้มองไม่เห็นภาพอันเลวร้ายทั้งหมด หรือต้องอุดรูจมูกเสียข้างหนึ่งเพื่อจะได้รู้สึกว่ากลิ่นมันไม่เน่าเหม็นมากนัก...
ทั้งหลายทั้งปวงด้านหนึ่งก็เพื่อรักษาต้นทุนของนายกฯ ไม่ยอมให้มาแปดเปื้อนความชั่วร้าย และเพื่อให้รัฐบาลมีอายุยาวนานที่สุดเท่าที่ยาวนานได้
นี่คือแนวโน้มความเป็นจริงอันเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น...ภายใต้โครงสร้างของรัฐบาลผสมของการเมืองเก่า การเมืองเก่าที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่มีเขา (ภูมิใจไทย) เราก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล...
ซึ่งถึงวันหนึ่งในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ยังเป็น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คนเดิม ผมเชื่อว่าท่านก็คงทนดูความเป็นไปของบ้านเมืองไม่ได้ คงยุบสภาฯ คืนอำนาจให้กับประชาชน..ล้างไพ่ ล้างใจ ล้างชามข้าวกันใหม่..!!??
ตบท้าย ขอให้กำลังใจกับคณะผู้ริเริ่มหรือผู้ก่อการที่จะเป็นผู้จดแจ้งก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่ภายใต้ร่มธงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชื่อ “พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.)” ทั้ง 21 คน
วานนี้ (2 มิ.ย.) ฟัง สมศักดิ์ โกศัยสุข กับ สุริยะใส กตะศิลา ว่าที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ คนแรกให้สัมภาษณ์แล้ว ก็ต้องบอกว่า...ได้เลย โดยเฉพาะสมศักดิ์กับบทบาทว่าที่หัวหน้าพรรคคนแรกนั้นนับว่าไม่เลว...รู้กาลเทศะ มั่นคงในหลักการ จุดยืน..
เป็นพรรคการเมืองสมบูรณ์โดยกฎหมายวันไหน ใครใคร่สมัครเป็นสมาชิกก็สมัครกันตามสบาย...ใครที่คิดจะลงสมัคร ส.ส.หากรัฐบาลอยู่ครบเทอมต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่หากเลือกตั้งหลังยุบสภาฯ สังกัดพรรคแค่ 30 วันก็ลงสมัครได้...
แน่นอนว่า ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์ยุบสภาฯ ภายในเดือนสองเดือนนี้ พรรคการเมืองใหม่คงไม่มีสิทธิแจ้งเกิด พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยพัฒนา พรรคกิจสังคม มีโอกาสเป็นอย่างสูงที่จะกลับมาร่วมบริหารประเทศกันต่อ
ดีไม่ดี โครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ภาคพิเศษจะกลับมาหลอกหลอนด้วยความภาคภูมิใจของใครบางคน!!
samr_rod@hotmail.com
ถึงขั้นถอนตัวออกจากรัฐบาลหรือไม่?
แม้จะมีอาการเสียวไส้อยู่ลึกๆ แต่ผมเชื่อว่าแฟนๆ ประชาธิปัตย์ และนักสังเกตการณ์ทางการเมืองทั่วไป ก็พอจะคาดหมายได้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป ยังไม่กล้าที่จะถอนตัวเพื่อกดดันให้เกิดการยุบสภา
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเยียวยาหรือรักษาหน้าหุ้นส่วนรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยอย่างไร..
0 ให้แก้ไขปรับปรุงตัวเลข เสนอใหม่ 0 ให้ปรับรูปแบบการเช่าเป็นอย่างอื่น 0 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปฏิรูป ขสมก.อย่างทั่วด้าน 0 หนุนโครงการอื่นของภูมิใจไทย...
ก็จับตามองกันต่อไป...
ย้อนไปตรงประเด็นที่ว่า...ทำไมถึงเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยยังไม่ถึงขั้นถอนตัว..
คำตอบหลักก็คือ พรรคภูมิใจไทยและแม้แต่พรรครัฐบาลอื่นๆ ล้วนแต่ยังไม่พร้อมที่จะทำศึกเลือกตั้งทั่วไป
จริงอยู่แม้โปสเตอร์การวางตัวผู้สมัครในขอบเขตทั่วประเทศของภูมิใจไทยดูเหมือนจะพร้อมสรรพ แต่เอาเข้าจริงก็ยังขาดกระสุนดินดำอีกมาก...
สรุปว่ากรณีรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ประชาธิปัตย์ก็น่าจะโชคดีมีชัยโดยไม่ต้องออกแรงหรือใช้ความกล้าหาญชาญชัยสักเท่าใดนัก เพราะกระแสสังคมและกลุ่มพลังต่างๆ ได้พร้อมพรึ่บกันเป็นตัวช่วยอันสำคัญให้กับรัฐบาล
นับเป็นบุญวาสนาของนายกฯ ต้นทุนสูงอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอย่างยิ่ง
ครั้งก่อนโน้น นายกฯ อภิสิทธิ์ออกมาเบรกเบาๆ เรื่องการย้าย “การบินไทย” จากการท่าอากาศยานดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ แต่พรรคภูมิใจไทย โดย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ก็เดินหน้าม้วนเดียวจบ แทนที่นายกฯ อภิสิทธิ์จะโดนตำหนิ พรรคภูมิใจไทยก็รับข้อกล่าวหาไปเต็มๆ...
นั่นก็เพราะต้นทุนของนายกฯ ที่ชาวบ้านเชื่อมั่นว่าใจซื่อมือสะอาด มุ่งมั่นในการทำงาน...เช่นเดียวกัน
จะอย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าแรงเสียดสีระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะยึดตำแหน่งผู้นำรัฐบาล และรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงความมั่นคง และกระทรวงเศรษฐกิจกับพรรคภูมิใจไทยซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการอยู่ 3 กระทรวง (มหาดไทย คมนาคมและพาณิชย์) จะต้องเกิดขึ้นอีกหลายกรรมหลายวาระ
ปัจจุบันกรณีการขายข้าวโพด กรณีการขายข้าว 2.6 ล้านตัน ก็ยังเป็นปัญหาที่ปีนเกลียว จับมือ สบตากันไม่ค่อยสนิทใจอยู่แล้ว ในอนาคตพรรคภูมิใจไทยคงไม่ยอมแน่ๆ หากพรรคประชาธิปัตย์จะขอตรวจสอบล้วงลึกในทุกโครงการ...
ยาสามัญประจำบ้านยี่ห้อ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่รับบท “กาวใจพิเศษ” ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย คงจะต้องทำงานหนัก และการทำงานหนักที่ว่านี้บางครั้งอาจจะต้องหรี่ตาหรือปิดตาเสียข้างหนึ่ง เพื่อจะได้มองไม่เห็นภาพอันเลวร้ายทั้งหมด หรือต้องอุดรูจมูกเสียข้างหนึ่งเพื่อจะได้รู้สึกว่ากลิ่นมันไม่เน่าเหม็นมากนัก...
ทั้งหลายทั้งปวงด้านหนึ่งก็เพื่อรักษาต้นทุนของนายกฯ ไม่ยอมให้มาแปดเปื้อนความชั่วร้าย และเพื่อให้รัฐบาลมีอายุยาวนานที่สุดเท่าที่ยาวนานได้
นี่คือแนวโน้มความเป็นจริงอันเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น...ภายใต้โครงสร้างของรัฐบาลผสมของการเมืองเก่า การเมืองเก่าที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าไม่มีเขา (ภูมิใจไทย) เราก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล...
ซึ่งถึงวันหนึ่งในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ถ้านายกฯอภิสิทธิ์ยังเป็น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” คนเดิม ผมเชื่อว่าท่านก็คงทนดูความเป็นไปของบ้านเมืองไม่ได้ คงยุบสภาฯ คืนอำนาจให้กับประชาชน..ล้างไพ่ ล้างใจ ล้างชามข้าวกันใหม่..!!??
ตบท้าย ขอให้กำลังใจกับคณะผู้ริเริ่มหรือผู้ก่อการที่จะเป็นผู้จดแจ้งก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่ภายใต้ร่มธงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชื่อ “พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.)” ทั้ง 21 คน
วานนี้ (2 มิ.ย.) ฟัง สมศักดิ์ โกศัยสุข กับ สุริยะใส กตะศิลา ว่าที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ คนแรกให้สัมภาษณ์แล้ว ก็ต้องบอกว่า...ได้เลย โดยเฉพาะสมศักดิ์กับบทบาทว่าที่หัวหน้าพรรคคนแรกนั้นนับว่าไม่เลว...รู้กาลเทศะ มั่นคงในหลักการ จุดยืน..
เป็นพรรคการเมืองสมบูรณ์โดยกฎหมายวันไหน ใครใคร่สมัครเป็นสมาชิกก็สมัครกันตามสบาย...ใครที่คิดจะลงสมัคร ส.ส.หากรัฐบาลอยู่ครบเทอมต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่หากเลือกตั้งหลังยุบสภาฯ สังกัดพรรคแค่ 30 วันก็ลงสมัครได้...
แน่นอนว่า ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์ยุบสภาฯ ภายในเดือนสองเดือนนี้ พรรคการเมืองใหม่คงไม่มีสิทธิแจ้งเกิด พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยพัฒนา พรรคกิจสังคม มีโอกาสเป็นอย่างสูงที่จะกลับมาร่วมบริหารประเทศกันต่อ
ดีไม่ดี โครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ภาคพิเศษจะกลับมาหลอกหลอนด้วยความภาคภูมิใจของใครบางคน!!
samr_rod@hotmail.com
