“ณัฐวุฒิ” ย้อน “เทพไท” อ้างตัวเองไม่เคยก่อม็อบทำรุนแรง ไม่เคยเผาบ้านเผาเมืองทำร้ายประเทศ ท้าให้ตัดรถเมล์ตั้งแต่ต้นทาง จี้ พันธมิตรฯพูดให้ชัดการเมืองใหม่เป็นอย่างไร แถมเหน็บแบบคนขี้อิจฉา กล่าวหาเป็นพรรคที่มีเงินบริจาคมากกว่าทุกพรรคการเมือง
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะเสนอให้รัฐบาลตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มิ.ย.ว่า หากรัฐบาลต้องการจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก็ขอแนะนำให้รัฐบาลตัดรถเมล์ตั้งแต่ต้นทางจะดีกว่า เพราะพวกตนเคลื่อนไหวภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิประชาชนในการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธเพื่อพูดถึงข้อเท็จจริงทางการเมือง และหากพาดพิงใครก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย โดยไม่มีการปลุกระดมใดๆ เท่ากับว่า ไม่มีการละเมิดเงื่อนไขการประกันตัว แต่สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเสียแต่วันนี้นั้นไม่ใช่การออกมาเปิดประเด็นว่า เดือนมิถุนายนจะมีการเผาบ้านเผาเมือง เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เคยใช้ความรุนแรง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แก่ใจว่า จะต้องระวังขบวนการกินบ้านกินเมืองที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งประชาชนจะต้องจับตาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน และการเช่าที่ดินสาธารณะ ซึ่งจะเป็นการต่อรองผลประโยชน์กันของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาล
สำหรับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯจะต้องสื่อสารกับสังคมให้ชัดเจน ว่า การเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯนั้นเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ถึงเวลาที่เหล่าแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งตั้งตัวเป็นผู้ดีอยู่เหนือนักการเมืองทั้งหลายมานานจะได้รู้เสียทีว่า ผู้วิเศษที่เคยอยู่บนเวทีพันธมิตรฯนั้น จะมีรูปลักษณ์การเคลื่อนไหวและดำเนินการทางการเมืองอย่างไร บางคนที่เคยดูหมิ่นดูแคลนนักการเมืองมาตลอดจะประสบความสำเร็จทางการเมืองหรือไม่ หรือสุดท้ายผู้วิเศษอย่างกลุ่มพันธมิตรฯจะเป็นเพียงผู้ที่ตื่นจากความฝันมาพบกับความจริง แล้วในที่สุดก็จะหลบเข้าหลืบแห่งความฝันของตัวเองเหมือนเดิม
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะทำความเข้าใจกับสังคมอย่างไรกับการที่ตัวเองเคยวิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง ว่า เอาเงินซื้อตำแหน่ง หรือซื้อเก้าอี้ เพราะขณะนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่า จะขอรับบริจาคเงินจากสมาชิกคนละ 100 บาทต่อเดือน จากสมาชิก 1 ล้านคน ซึ่งเท่ากับว่า พรรคการเมืองใหม่จะมีรายได้เดือนละ 100 ล้านบาท 1 ปี จะมีรายได้เท่ากับ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเยอะกว่าพรรคการเมืองที่มีบทบาทกับการเมืองไทยปัจจุบันทุกพรรค ที่สำคัญคือ พรรคการเมืองใหม่จะต้องอธิบายให้ชัดว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯต่อไปจะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อพรรคการเมืองใหม่ ผลักดันหัวหน้าพรรคตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะขณะนี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเข้าไปมีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารและร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่แทบทั้งสิ้น รวมทั้งต้องประกาศจุดยืนให้ชัดว่าคิดอย่างไรกับการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำเนียบรัฐบาล และการรัฐประหาร นอกจากนี้ สื่ออย่างหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และเว็บไซต์ผู้จัดการ ที่เคยบอกว่าตัวเองเป็นสื่อเลือกข้างนั้น ต้องแสดงสถานะว่าเป็นสื่อเลือกพรรคด้วยหรือไม่