“สนธิ” มั่นใจ “พรรคการเมืองใหม่” จะแตกต่างพรรคการเมืองนายทุนที่จ้องถอนทุนคืน เชื่อจะเป็นต้นแบบให้พรรคการเมืองเก่าเร่งปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ลั่นไม่เคยยึดตำแหน่ง แต่พร้อมสานฝันชาวพันธมิตรฯ นำพลพรรคเดินเข้าสู่ระบอบรัฐสภา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่มีการประชุมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า วันนี้เป็นส่วนของผู้ก่อตั้งพรรคว่าการประชุมเป็นแค่การเลือกสมาชิกพรรคอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งต้องรอมติใหญ่จากสมาชิกพรรคอีกครั้งหนึ่งในอีกประมาณไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้า หลังจากที่รวบรวมสมาชิกพรรคครบเรียบร้อยและจะมีการประชุมวิสามัญเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งตัวจริงอย่างเป็นทางการ ถือว่าการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ เป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเกิดจากอุดมการณ์ของประชาชนที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมา ไม่ได้เกิดขึ้นจากกลุ่มทุนที่ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเช่นในอดีต ซึ่งหลังจากเข้าร่วมรัฐบาลแล้วก็พยายามทุกวิถีทางในการถอนทุนคืน ซึ่งกลายเป็นธุรกิจการเมืองเช่นทุกวันนี้
ส่วนการที่พันธมิตรฯ ตั้งพรรคขึ้นมาสู้ ตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าจะทำให้พรรคการเมืองอื่นเร่งปรับตัวเองด้วย และพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ จะแสดงให้พรรคการเมืองอื่นดูว่าการเข้ามาทำงานในการเมืองแบบโปร่งใสเป็นอย่างไร และถึงเวลาแล้วที่การเมืองเก่าควรจะหมดไปจากบ้านเมืองเสียที
อย่างไรก็ตาม พรรคของพันธมิตรฯ ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ถ้าพรรคการเมืองปฏิบัติตัวไม่เป็นในสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง พันธมิตรฯ จะถอยตัวออกห่างทันที ซึ่งพันธมิตรฯ นั้นจะเป็นส่วนที่สำคัญกว่าพรรคการเมืองอย่างแน่นอน และจะคอยควบคุมการทำงานในส่วนของพรรคการเมืองอย่างเคร่งครัดด้วย โดยคาดว่าจะเปิดสำนักงานได้ในวันพรุ่งนี้
นายสนธิกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ในส่วนตัวของตนเรื่องบทบาทที่เกี่ยวข้องกับพรรคนั้น ตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ถ้าจะมีบทบาทอะไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตรงนี้ถือว่าเป็นแค่กระบวนการที่จะต้องเกิดขึ้นที่พรรคจะต้องเดินไปสู่กระบวนการต่างๆ และเดินเข้าสู่สภา ทั้งนี้ ถ้าตนมีตำแหน่งใดในพรรคซึ่งประชาชนก็อาจจะเลือกให้รับตำแหน่ง และเมื่อสมาชิกได้เดินเข้าสู่ระบอบสภาอย่างเป็นระบบแล้ว ตนก็ต้องกลับมาอยู่ที่พันธมิตรฯ ภาคประชาชน เพราะถือว่าหมดหน้าที่ในส่วนนี้แล้วกลับไปชูธงการเมืองอยู่ฝั่งการเมืองภาคประชาชนเช่นเดิม
“ในส่วนตัวผม เรื่องข้อกฎหมายนั้นไม่มีปัญหาใด ทั้งคดีหมิ่นประมาท แต่ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุดซึ่งถือว่ายังไม่มีความผิด ส่วนคดีล้มละลายนั้นในส่วนของตนไม่ใช่การล้มละลายแบบทุจริต ซึ่งผ่านพ้นการบังคับทางกฎหมาย 3 ปี แล้วส่วนนี้จึงตกไป อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ว่าจะมีหลายฝ่ายโจมตีผมในหลายเรื่องที่จะเข้ามารับตำแหน่งในพรรคนั้น ผมอยากบอกว่าไม่กลัวว่าใครจะโจมตี ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันได้เจอมาหมดแล้ว ซึ่งมาถึงจุดนี้คงไม่มีอะไรต้องกลัว” นายสนธิกล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะยังไม่เคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นเวลา 2 เดือนนับจากนี้ที่พันธมิตรฯ ได้รวบรวมสมาชิกพรรค และมีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและตำแหน่งอื่นๆ ภายในพรรคเสร็จสิ้นไปก่อน ซึ่งคิดว่าจะเป็นบรรยากาศที่แตกต่างจากพรรคการเมืองที่เคยมีมาเพราะต้องใช้เสียงจากประชาชนมาเป็นการตัดสินว่าใครจะดำรงตำแหน่งใด ไม่ได้เลือกขึ้นมาโดยใครคนหนึ่งที่มีอำนาจผูกขาด คงจะถือโอกาสในวันนั้นแถลงนโยบายของพรรคว่าเราจะบริหารบ้านเมืองอย่าไร เป็นต้น ซึ่งตนคาดว่าจะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งของพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ดี ถ้าวันหนึ่งพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ต้องเข้าไปทำงานร่วมกันกับพรรคการเมืองอื่นนั้น ส่วนตัวผมถ้าต้องให้ไปทำงานร่วมกับพรรคที่ทำงานด้วยไม่น่าไว้ใจตนคงไม่ร่วมด้วย แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายที่ดีทำงานด้วยความโปร่งใส สุจริตก็จะสนับสนุนและสามารถที่จะทำงานร่วมกันได้