ASTVผู้จัดการรายวัน – คลังหาช่องดึงเม็ดเงินนอกงบประมาณผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 เดินหน้า เล็งแก้กฎหมายประกันสังคมดึงเงิน 1 แสนล้าน ตั้งกองทุนสาธารณูปโภค เหตุยังติดขัดกรณีลงทุนเพราะ "เม็ดเงิน" สปส.ถือเป็นเงินจากหน่วยงานรัฐไม่ใช่นิติบุคคลแบบ กบข. ขณะเดียวกันต้องปลดล็อก สบน.ให้สามารถออกตราสารเฉพาะเจาะจงได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดในการหาเงินลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้เงินนอกงบประมาณหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคำร้องของสมาชิสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ซึ่งอาจทำให้แผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 2555 ของรัฐบาลไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เนื่องจากติดปัญหาเรื่องงบประมาณ
สำหรับแนวทางที่กระทรวงการคลังอาจนำมาพิจารณาและเสนอให้ระดับนโยบายตัดสินใจคือการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมที่มีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเคยมีแนวคิดที่จะนำเงินจากกองทุนประกันสังคมจำนวน 1 แสนล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงในระยะยาวและให้ผลตอบแทนที่ดี
***เสนอแยกเงินกองทุนฯ เป็นนิติบุคคล
การดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวอาจติดปัญหาในแง่ระเบียบการลงทุนของกองทุนประกันสังคมที่มีข้อจำกัดบางอย่างทำให้การลงทุนของกองทุนฯ ไม่คล่องตัว จึงได้มีการศึกษาและเสนอแนวทางแก้ไขให้กองทุนประกันสังคมมีสภาพเป็นนิติบุคคลในลักษณะเดียวกันกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานและแก้ปัญหาการลงทุนในบริษัทต่างๆ เกิน 5% ต้องส่งคนเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทนั้น
“คณะทำงานที่กระทรวงการคลังได้เคยศึกษาเพื่อจะให้กองทุนประกันสังคมมีความคล่องตัวในด้านการลงทุนมากขึ้นโดยมีการเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและได้เสนอให้นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลังในขณะนั้นพิจารณา แต่ยังไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดหรือไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะรู้ตัวว่าคงเป็นรัฐมนตรีคลังเพียงไม่กี่เดือนจึงไม่สนใจการแก้ไขความคล่องตัวของกองทุนประกันสังคม”
***หาทางปลดล็อกกฎหมาย สบน.
ขณะเดียวกันกองทุนประกันสังคมมีความพร้อมและต้องการลงทุนแบบเต็มวงเงินได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวหากกระทรวงการคลังสามารถออกพันธบัตรวงเงิน 1 แสนล้านบาททั้งก้อนได้ก็พร้อมที่จะเข้าซื้อ แต่การออกพันธบัตรแต่ละประเภทของกระทรวงการคลังโดยผ่านสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) นั้น จะต้องเปิดประมูลเป็นการทั่วไปอย่างโปร่งใส การออกพันธบัตรแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้
“ประกันสังคมมีเงินเยอะและกฎหมายการก็ระบุไว้ว่าการลงทุนของประกันสังคมต้องลงในตราสารหนี้ภาครัฐสัดส่วน 60% ของเงินทั้งหมด แต่กฎหมายของ สบน.ต้องประมูลเท่านั้นซึ่งคณะกรรมการลงทุนของประกันสังคมก็ไม่มีความเชี่ยวชาญเท่าใดนักหากแก้ไขส่วนนี้ได้รัฐบาลก็จะมีเงินอีกจำนวนมากเพื่อใช้สำหรับลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลได้”
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดถึงกันมาแล้วหลายครั้งในแต่ละรับบาลแต่ก็ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังเนื่องจากอาจคิดว่าเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน แต่เมื่อรัฐบาลมีความต้องการใช้เงินจำนวนมากเนื่องจากติดปัญหาเรื่องเงินงบประมาณก็อาจหันกลับมาใช้เงินในส่วนนี้แทนได้ โดยในส่วนของระดับปฏิบัติการก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีหากมีคำสั่งในระดับนโยบายสั่งการมาอย่างเป็นทางการ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดในการหาเงินลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้เงินนอกงบประมาณหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคำร้องของสมาชิสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ซึ่งอาจทำให้แผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 2555 ของรัฐบาลไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เนื่องจากติดปัญหาเรื่องงบประมาณ
สำหรับแนวทางที่กระทรวงการคลังอาจนำมาพิจารณาและเสนอให้ระดับนโยบายตัดสินใจคือการนำเงินจากกองทุนประกันสังคมที่มีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเคยมีแนวคิดที่จะนำเงินจากกองทุนประกันสังคมจำนวน 1 แสนล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงในระยะยาวและให้ผลตอบแทนที่ดี
***เสนอแยกเงินกองทุนฯ เป็นนิติบุคคล
การดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวอาจติดปัญหาในแง่ระเบียบการลงทุนของกองทุนประกันสังคมที่มีข้อจำกัดบางอย่างทำให้การลงทุนของกองทุนฯ ไม่คล่องตัว จึงได้มีการศึกษาและเสนอแนวทางแก้ไขให้กองทุนประกันสังคมมีสภาพเป็นนิติบุคคลในลักษณะเดียวกันกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานและแก้ปัญหาการลงทุนในบริษัทต่างๆ เกิน 5% ต้องส่งคนเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทนั้น
“คณะทำงานที่กระทรวงการคลังได้เคยศึกษาเพื่อจะให้กองทุนประกันสังคมมีความคล่องตัวในด้านการลงทุนมากขึ้นโดยมีการเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและได้เสนอให้นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลังในขณะนั้นพิจารณา แต่ยังไม่ได้พิจารณาในรายละเอียดหรือไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะรู้ตัวว่าคงเป็นรัฐมนตรีคลังเพียงไม่กี่เดือนจึงไม่สนใจการแก้ไขความคล่องตัวของกองทุนประกันสังคม”
***หาทางปลดล็อกกฎหมาย สบน.
ขณะเดียวกันกองทุนประกันสังคมมีความพร้อมและต้องการลงทุนแบบเต็มวงเงินได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวหากกระทรวงการคลังสามารถออกพันธบัตรวงเงิน 1 แสนล้านบาททั้งก้อนได้ก็พร้อมที่จะเข้าซื้อ แต่การออกพันธบัตรแต่ละประเภทของกระทรวงการคลังโดยผ่านสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) นั้น จะต้องเปิดประมูลเป็นการทั่วไปอย่างโปร่งใส การออกพันธบัตรแบบเฉพาะเจาะจงเช่นนี้จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้
“ประกันสังคมมีเงินเยอะและกฎหมายการก็ระบุไว้ว่าการลงทุนของประกันสังคมต้องลงในตราสารหนี้ภาครัฐสัดส่วน 60% ของเงินทั้งหมด แต่กฎหมายของ สบน.ต้องประมูลเท่านั้นซึ่งคณะกรรมการลงทุนของประกันสังคมก็ไม่มีความเชี่ยวชาญเท่าใดนักหากแก้ไขส่วนนี้ได้รัฐบาลก็จะมีเงินอีกจำนวนมากเพื่อใช้สำหรับลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลได้”
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดถึงกันมาแล้วหลายครั้งในแต่ละรับบาลแต่ก็ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังเนื่องจากอาจคิดว่าเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน แต่เมื่อรัฐบาลมีความต้องการใช้เงินจำนวนมากเนื่องจากติดปัญหาเรื่องเงินงบประมาณก็อาจหันกลับมาใช้เงินในส่วนนี้แทนได้ โดยในส่วนของระดับปฏิบัติการก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีหากมีคำสั่งในระดับนโยบายสั่งการมาอย่างเป็นทางการ
