สปส.โชว์กำไร Q1/52 โต 6 พันล้าน สวนกระแส ผู้บริหาร ยอมรับพิษวิกฤต ศก.กระทบการลงทุน พร้อมคาดคาดสิ้นปี 52 ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า จากการที่ สปส.นำเงินกองทุนประกันสังคม ที่มีอยู่จำนวนกว่า 588,955 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นเงินในกองทุนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ จำนวน 464,715 ล้านบาท เงินในกองทุนที่ดูแลกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร 85,373 ล้านบาท และเงินในกองทุนกรณีว่างงาน 38,867 ล้านบาท ไปลงทุนในกิจการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยแบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินฝากธนาคาร และหุ้นกู้เอกชน 496,774 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเงินลงทุน และ ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตราสารหนี้ หน่วยลงทุน และหุ้นสามัญจำนวน 92,181 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 ของเงินลงทุน
นายปั้น กล่าวอีกว่า ผลการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 กองทุนประกันสังคมมีรายรับจากการลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 6,182 ล้านบาท ซึ่งกำไรทั้งหมดมาจากดอกเบี้ยรับจากเงินฝาก พันธบัตรและหุ้นกู้ จำนวน 5,779 ล้านบาท เงินปันผลและกำไรจากการขายหลักทรัพย์จำนวน 403 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ สปส.มีกำไรแค่เพียงจำนวน 5,854 ล้านบาท
“ถึงแม้ว่า สปส.จะมีกำไรจากการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกมากกว่าปีที่แล้วถึง 328 ล้านบาท แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต บวกกับตลาดการเงินและการลงทุนยังคงมีความผันผวน ทำให้เรามีความยากลำบากมากในการนำเงินไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในขณะนี้ต่ำกว่า 1.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ 3.00% ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ผลกำไรลดลงและอาจจะจ่ายเงินปันผลน้อยลง ซึ่งยอมรับว่าอาจจะทำให้กำไรตลอดทั้งปีของ สปส.อาจจะต้องลดลงไปบ้าง แต่อย่างคาดว่าสิ้นปี 2552 สปส.น่าจะทำกำไรจากการลงทุนเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท” นายปั้น กล่าวทิ้งท้าย
นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า จากการที่ สปส.นำเงินกองทุนประกันสังคม ที่มีอยู่จำนวนกว่า 588,955 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นเงินในกองทุนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ จำนวน 464,715 ล้านบาท เงินในกองทุนที่ดูแลกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร 85,373 ล้านบาท และเงินในกองทุนกรณีว่างงาน 38,867 ล้านบาท ไปลงทุนในกิจการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยแบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินฝากธนาคาร และหุ้นกู้เอกชน 496,774 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ของเงินลงทุน และ ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตราสารหนี้ หน่วยลงทุน และหุ้นสามัญจำนวน 92,181 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16 ของเงินลงทุน
นายปั้น กล่าวอีกว่า ผลการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 กองทุนประกันสังคมมีรายรับจากการลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 6,182 ล้านบาท ซึ่งกำไรทั้งหมดมาจากดอกเบี้ยรับจากเงินฝาก พันธบัตรและหุ้นกู้ จำนวน 5,779 ล้านบาท เงินปันผลและกำไรจากการขายหลักทรัพย์จำนวน 403 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ สปส.มีกำไรแค่เพียงจำนวน 5,854 ล้านบาท
“ถึงแม้ว่า สปส.จะมีกำไรจากการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกมากกว่าปีที่แล้วถึง 328 ล้านบาท แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ทั่วโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต บวกกับตลาดการเงินและการลงทุนยังคงมีความผันผวน ทำให้เรามีความยากลำบากมากในการนำเงินไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในขณะนี้ต่ำกว่า 1.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ 3.00% ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ผลกำไรลดลงและอาจจะจ่ายเงินปันผลน้อยลง ซึ่งยอมรับว่าอาจจะทำให้กำไรตลอดทั้งปีของ สปส.อาจจะต้องลดลงไปบ้าง แต่อย่างคาดว่าสิ้นปี 2552 สปส.น่าจะทำกำไรจากการลงทุนเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท” นายปั้น กล่าวทิ้งท้าย