xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทัน ..ตลาดทุน:แนวโน้มการลงทุนเดือน มิ.ย. 2552

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือน มิ.ย. 2552 มีโอกาสที่จะเกิดการปรับฐานหลังจากปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินจากตลาดเงินและตลาดพันธบัตรกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นโดยเฉลี่ยทั้งตลาดฯปรับตัวขึ้นสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการปี 2552 ที่ได้มีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้น SCRI จึงประเมินว่า ดัชนีฯบริเวณ 550-580 จุด ซึ่งมีค่า PER ปี 2552 อยู่ที่ระดับ 11 เท่า เป็นระดับที่มีความเสี่ยงสำหรับการเข้าลงทุนระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม SCRI มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในระยะยาว จากการคาดการณ์ของ IMF ธนาคารโลก และทีมเศรษฐกิจของ SCRI ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการฟื้นตัวในช่วง Q4/52 รวมถึงปัญหาภาคการเงินของโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ได้แก่ การที่สถาบันการเงินของสหรัฐฯมีการเพิ่มทุนน้อยกว่าคาดการณ์ รวมถึงมีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง ทำให้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเข้าไปถือหุ้น (Nationalization) และการที่ IMF สามารถระดมทุนได้มากขึ้นทำให้ความเสี่ยงของตลาดการเงินของประเทศเกิดใหม่ (Emerging economy) ลดลง ปัจจัยดังกล่าวได้สะท้อนไปที่ CBOE VIX index ในเดือน พ.ค. ให้ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 30 จุด เป็นครั้งแรกในรอบปี 2552 และความเสี่ยงในตลาดการเงินที่ลดลงส่งผลให้ TED Spread ปรับตัวลดลง

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนนี้ คือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเงินทุนไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในกรณีดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจลดลง รวมถึง อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาดการณ์ สำหรับปัจจัยในประเทศ คือ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ของรัฐบาล กรอบการดำเนินงานระยะเวลา จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากชะลอออกไปย่อมส่งผลต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง – ยาว

* แนวโน้มระยะกลาง มีความเสี่ยงที่จะเกิดการขายทำกำไรในตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าเหมาะสม : ดัชนี MSCI Asia x Japan ปรับเพิ่มจากจุดต่ำสุดของปี 2552 มากกว่า 50% และ PE ratio เริ่มในเขต Overvalued เมื่อเทียบกับผลประกอบการ ในส่วนของตลาดหุ้นไทยหากพิจารณาจาก PE leading โดยใช้ผลประกอบการในปี 2552 อิงตามที่ SCRI คาดการณ์ พบว่า SET Index ที่ระดับ 560 คิดเป็น PE 11 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต หากซื้อขายที่ PE สูงกว่า 12 เท่า ถือว่าเป็นระดับของตลาด bullish ซึ่งจากสถานะปัจจุบันไม่น่าจะเป็นไปได้

* การปรับเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในรูปแบบ V-Shape แต่ SCRI คาดมีความเป็นไปได้ยาก : โดยประเมินจากรายงานของ Consensus Economic นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกยังคงปรับประมาณการ GDP ในประเทศสำคัญลงเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ยากที่จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในรูปแบบ V Shape นอกจากนี้หากพิจารณารายงานตัวเลขการบริโภคของประชาชนในประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ พบว่า ตัวเลขค้าปลีกกลับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2  ในขณะที่ SCRI คาดว่าการปรับลดการจ้างงานยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ดังนั้นการปรับเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดังกล่าวย่อมมีความอ่อนไหวมากต่อการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในเชิงลบจากนี้

* SCRI มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นในระยะยาวหลังจากเริ่มเห็นการเพิ่มน้ำหนักของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชีย และ ตลาดเกิดใหม่ : ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในรอบนี้ ประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะเกิดขึ้นก่อนในภูมิภาคเอเชีย และ ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเหล่านี้ มีความน่าสนใจ สำหรับการเข้าลงทุนของกองทุนต่างชาติ ประกอบกับ แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลง จะทำให้มีการกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์นอกสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น โดยดัชนี Dollar Index เดือน พ.ค. อ่อนค่าลงจากจุดสูงสุดในเดือน มี.ค. ที่ 5% นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณที่ประเทศขนาดใหญ่อย่างจีนลดน้ำหนักการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ โดย จีนเริ่มเปลี่ยนเป็นการถือครองสินทรัพย์โภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น แทนการถือครองเงินสกุลดอลลาร์ และ การเตรียมแผนที่จะลดบทบาทค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯลง โดยการแทนที่ด้วยเงินสกุล SDRs

* การฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯในสหรัฐฯจะเป็นไปอย่างจำกัด หลังจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรฯระยะยาวปรับเพิ่มขึ้น : การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯในครั้งนี้ นอกจากประเด็น supply ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดตราสารหนี้แล้ว เชื่อว่าสาเหตุหนึ่ง เกิดจากการปรับพอร์ตขายของกองทุน โดยประเมินจากจากอัตราดอกเบี้ยระยะ 10 ปี พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือน ม.ค. ที่ 2.05% มาสู่ระดับสูงกว่า 3%ในเดือน พ.ค. ในขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุด 30% ทว่า อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรฯระยะยาวจะถูกนำไปอิงกับอัตราดอกเบี้ยในการกู้ในภาคอสังหาฯ (mortgage loan rate) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัว ของภาคอสังหาฯ (โดยล่าสุด FED ได้ส่งสัญญาณเข้าแทรกแซงเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มสูงขึ้นเกินไป

* ปัจจัยในประเทศเดือน มิ.ย. ติดตามผลตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการพิจารณา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน: หลังจากที่ฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่อง และ ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณากรณี การออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินของรัฐบาลจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 184 หรือไม่ ซึ่งหากศาลฯ ตัดสินว่าขัดต่อมาตราดังกล่าว จะส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (โครงการไทยเข้มแข็ง) เนื่องจาก พ.ร.ก. ดังกล่าวถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะลดปัญหาการว่างงาน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องออกเป็น พ.ร.บ. ซึ่งจะทำให้การประกาศแผนจะยิ่งชะลอออกไปอีก

* สรุป หุ้นที่ SCRI ปรับประมาณการณ์ขึ้น: หลังจากรายงานผลประกอบการใน Q1/52 ได้มีการปรับประมาณการในหุ้นหลายบริษัท ซึ่งคาดว่าจะทำให้หุ้นเหล่านี้มีแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาในเชิงบวก โดยหุ้นที่อยู่ภายใต้ SCRI ประมาณการและมีการปรับประมาณการผลประกอบการ หรือ มูลค่าเหมาะสม ได้แก่ กลุ่มพลังงาน (PTT / BANPU / PTTEP / GLOW / IRPC / ESSO / UMS) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (TRC / CK) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TMT) กลุ่มอสังหาฯ (SPALI / AP) นอกจากนี้หุ้นที่มีการปรับประมาณการลงได้แก่ MAJOR / MAKRO / PTTCH
กำลังโหลดความคิดเห็น