ASTVผู้จัดการรายวัน-คลังแนะให้เอกชนถือหุ้นในบริษัทลูกเดินรถ แอร์พอร์ตลิงก์ เตรียมเสนอตั้งบริษัทลูกเข้าครม.ได้ในอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่สหภาพฯ ร.ฟ.ท.ค้านเอกชนร่วมหุ้น ชี้ ร.ฟ.ท.ต้องดำเนินการเองทั้งหมด เอกชนเข้ามาในรูปว่าจ้างฝึกอบรมเท่านั้น ติงระบบเช็คอินไม่พร้อมเปิดส.ค.ไม่เหมาะ ขณะที่ ซีเมนส์ ดอดเสนอพร้อมร่วมหุ้น
วานนี้ ( 29 เม.ย.) นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ ตั้งแต่สถานีรามคำแหง ถึงสถานีสุวรรณภูมิโดยมีนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการและผู้บริหารร.ฟ.ท.ให้ข้อมูล
นายประดิษฐ์เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีความเป็นห่วง เรื่องการจัดตั้งบริษัทลูกและการบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งคลังได้หารือในคณะอนุกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้วมีความเห็นว่า การบริหารการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ ควรใช้แนวทางนำบริษัทเอกชนเข้ามาถือหุ้นในบริษัทลูก หรือบริษัทเดินรถของ ร.ฟ.ท.ที่จะมีการจัดตั้งขึ้น
ส่วนเอกชนจะถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด จะต้องหารายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวจะทำให้ ร.ฟ.ท.ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะการเดินรถรูปแบบใหม่ที่สามารถนำมาปรับปรุงการเดินรถของร.ฟ.ท. ที่ใช้ระบบเก่า รวมถึงนำมาใช้เดินรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และเส้นทางเดินรถต่างจังหวัดของร.ฟ.ท.ได้ด้วย
“ร.ฟ.ท.นอกจากได้นำระบบการเดินรถ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ การบริหารจัดการแบบใหม่มาใช้ในการควบคุมการเดินรถของแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ แล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย โดยการรับเทคโนโลยีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการที่ ร.ฟ.ท.จะนำมาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงบริการ อย่างไรก็ตามการจัดตั้งบริษัทลูก ได้มีการหารือกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว และมีการยืนยันว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในอีก 2 สัปดาห์”นายประดิษฐ์กล่าว
นายประดิษฐ์กล่าวว่า หลังจากผู้รับเหมาได้มีการส่งมอบงานก่อสร้างในเดือนส.ค.นี้ ร.ฟ.ท.จะมีการเปิดทดลองระบบการเดินรถเป็นเวลา 3 เดือน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ร.ฟ.ท.จะเปิดให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้โดยไม่คิดค่าโดยสาร ส่วนการเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบนั้น จากรายงานของฝ่ายบริหารร.ฟ.ท. รายงานว่า ภายในปลายปี 2552 จะสามารถเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้
ทั้งนี้กำหนดสัญญาที่ ร.ฟ.ท.ได้ทำสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า Consortium ประกอบด้วย บริษัทบีกริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ,B .GRIMM MBM Hong Kong Ltd,บริษัทซีเมนต์ จำกัด,บริษัท Siemens Aktiengesellschaft จำกัดและบริษัทซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นจำกัด(มหาชน) จะสิ้นสุดในวันที่ วันที่ 6 ส.ค.2552
ส่วนภาพรวมความคืบหน้าของโครงการขณะนี้มีประมาณ 96 % โดยแบ่งเป็น งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดดำเนินการไปแล้ว 99 % และงานระบบรถไฟฟ้า และอาณัตสัญญาณดำเนินการไป 94 % ด้านนายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า สหภาพฯ ไม่เห็นด้วยกับการนำเอกชนมาถือหุ้นในบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.และเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรถือหุ้น 100% ส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ควรใช้การว่าจ้างเอกชนมาฝึกอบรมแทน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยนำนักเรียนวิศวกรรมการรถไฟ 200 คน ไปฝึกอบรมการเดินรถไฟฟ้าแล้วและได้เคยหารือเรื่องนี้กับนายประดิษฐ์แล้วว่า ควรใช้พนักงาน ร.ฟ.ท. เป็นผู้ขับและควบคุมการเดินรถที่สถานี นอกจากนี้ สหภาพฯ ยังเห็นว่าขณะนี้ระบบเช็คอินที่มักกะสันยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถ ควรเริ่มเปิดบริการอย่างเป็นทางการในเดือนธ.ค.ปีนี้มากกว่าในเดือนส.ค.
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายและแนวทางดังกล่าว แต่เบื้องต้นเห็นว่าคงไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะตามแผนในการก่อสร้างและบริหารแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ร.ฟ.ท.จะรับผิดชอบเองทั้งหมด ดังนั้นขั้นแรก ร.ฟ.ท.คงต้องตั้งบริษัทเดินรถด้วยการถือหุ้นทั้ง 100% ไปก่อน ระยะต่อไปจึงอาจหาเอกชนมาร่วมทุน หรือใช้วิธีจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ซึ่งทั้งหมดคงต้องเข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. ด้วย
แหล่งข่าวจากร.ฟ.ท. กล่าวว่า ในขณะที่นายประดิษฐ์ได้ตรวจเยี่ยมโครงการดังกล่าวนั้นตัวแทนจากกลุ่มบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ในฐานะคู่สัญญากับ ร.ฟ.ท. ได้เข้ามาหารือถึงแนวทางในการเข้ามาร่วมการบริหารการเดินรถกับ ร.ฟ.ท. ซึ่งร.ฟ.ท.ได้รับเรื่องไว้พิจารณาอีกครั้ง ส่วนการเดินนั้น ร.ฟ.ท.จะมีการใช้วิธีการจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ก่อนในระยะแรก เพื่อฝึกบุคลากร เนื่องจากร.ฟ.ท.ไม่สามารถทำการฝึกบุคลากรไม่ทันกำหนดเวลา
อย่างไรก็ตามล่าสุด ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการเจรจากับ บริษัท Deutsche Bahn International (DBI) ซึ่ง เป็นบริษัทเดินรถไฟจากประเทศเยอรมัน เพื่อว่าจ้างการฝึกอบรมพนักงาน และเป็นที่ปรึกษาด้านปฏิบัติการเดินรถ โดยใช้งบประมาณ จำนวน 90 ล้านบาท ในเบื้องต้นจะทำสัญญาจ้างในเดือน เม.ย.-พ.ค.2552 และคาดว่าจะเริ่มงานได้ทันที่หลังเซ็นสัญญา โดยเบื้องต้น DBI ได้ขอทำสัญญาจำนวน 5 ปี แต่ร.ฟ.ท.จะมีการเจรจาขอทำสัญญาเพียง 2 ปี เท่านั้น
วานนี้ ( 29 เม.ย.) นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ ตั้งแต่สถานีรามคำแหง ถึงสถานีสุวรรณภูมิโดยมีนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการและผู้บริหารร.ฟ.ท.ให้ข้อมูล
นายประดิษฐ์เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีความเป็นห่วง เรื่องการจัดตั้งบริษัทลูกและการบริหารจัดการเดินรถ ซึ่งคลังได้หารือในคณะอนุกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้วมีความเห็นว่า การบริหารการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ ควรใช้แนวทางนำบริษัทเอกชนเข้ามาถือหุ้นในบริษัทลูก หรือบริษัทเดินรถของ ร.ฟ.ท.ที่จะมีการจัดตั้งขึ้น
ส่วนเอกชนจะถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด จะต้องหารายละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวจะทำให้ ร.ฟ.ท.ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะการเดินรถรูปแบบใหม่ที่สามารถนำมาปรับปรุงการเดินรถของร.ฟ.ท. ที่ใช้ระบบเก่า รวมถึงนำมาใช้เดินรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และเส้นทางเดินรถต่างจังหวัดของร.ฟ.ท.ได้ด้วย
“ร.ฟ.ท.นอกจากได้นำระบบการเดินรถ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ การบริหารจัดการแบบใหม่มาใช้ในการควบคุมการเดินรถของแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ แล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย โดยการรับเทคโนโลยีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการที่ ร.ฟ.ท.จะนำมาเป็นข้อมูลในการปรับปรุงบริการ อย่างไรก็ตามการจัดตั้งบริษัทลูก ได้มีการหารือกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว และมีการยืนยันว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในอีก 2 สัปดาห์”นายประดิษฐ์กล่าว
นายประดิษฐ์กล่าวว่า หลังจากผู้รับเหมาได้มีการส่งมอบงานก่อสร้างในเดือนส.ค.นี้ ร.ฟ.ท.จะมีการเปิดทดลองระบบการเดินรถเป็นเวลา 3 เดือน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ร.ฟ.ท.จะเปิดให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้โดยไม่คิดค่าโดยสาร ส่วนการเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบนั้น จากรายงานของฝ่ายบริหารร.ฟ.ท. รายงานว่า ภายในปลายปี 2552 จะสามารถเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้
ทั้งนี้กำหนดสัญญาที่ ร.ฟ.ท.ได้ทำสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า Consortium ประกอบด้วย บริษัทบีกริม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ,B .GRIMM MBM Hong Kong Ltd,บริษัทซีเมนต์ จำกัด,บริษัท Siemens Aktiengesellschaft จำกัดและบริษัทซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นจำกัด(มหาชน) จะสิ้นสุดในวันที่ วันที่ 6 ส.ค.2552
ส่วนภาพรวมความคืบหน้าของโครงการขณะนี้มีประมาณ 96 % โดยแบ่งเป็น งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดดำเนินการไปแล้ว 99 % และงานระบบรถไฟฟ้า และอาณัตสัญญาณดำเนินการไป 94 % ด้านนายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า สหภาพฯ ไม่เห็นด้วยกับการนำเอกชนมาถือหุ้นในบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.และเห็นว่า ร.ฟ.ท.ควรถือหุ้น 100% ส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ควรใช้การว่าจ้างเอกชนมาฝึกอบรมแทน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยนำนักเรียนวิศวกรรมการรถไฟ 200 คน ไปฝึกอบรมการเดินรถไฟฟ้าแล้วและได้เคยหารือเรื่องนี้กับนายประดิษฐ์แล้วว่า ควรใช้พนักงาน ร.ฟ.ท. เป็นผู้ขับและควบคุมการเดินรถที่สถานี นอกจากนี้ สหภาพฯ ยังเห็นว่าขณะนี้ระบบเช็คอินที่มักกะสันยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถ ควรเริ่มเปิดบริการอย่างเป็นทางการในเดือนธ.ค.ปีนี้มากกว่าในเดือนส.ค.
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า พร้อมรับนโยบายและแนวทางดังกล่าว แต่เบื้องต้นเห็นว่าคงไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะตามแผนในการก่อสร้างและบริหารแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ร.ฟ.ท.จะรับผิดชอบเองทั้งหมด ดังนั้นขั้นแรก ร.ฟ.ท.คงต้องตั้งบริษัทเดินรถด้วยการถือหุ้นทั้ง 100% ไปก่อน ระยะต่อไปจึงอาจหาเอกชนมาร่วมทุน หรือใช้วิธีจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ซึ่งทั้งหมดคงต้องเข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. ด้วย
แหล่งข่าวจากร.ฟ.ท. กล่าวว่า ในขณะที่นายประดิษฐ์ได้ตรวจเยี่ยมโครงการดังกล่าวนั้นตัวแทนจากกลุ่มบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ในฐานะคู่สัญญากับ ร.ฟ.ท. ได้เข้ามาหารือถึงแนวทางในการเข้ามาร่วมการบริหารการเดินรถกับ ร.ฟ.ท. ซึ่งร.ฟ.ท.ได้รับเรื่องไว้พิจารณาอีกครั้ง ส่วนการเดินนั้น ร.ฟ.ท.จะมีการใช้วิธีการจ้างงานจากภายนอก (Outsource) ก่อนในระยะแรก เพื่อฝึกบุคลากร เนื่องจากร.ฟ.ท.ไม่สามารถทำการฝึกบุคลากรไม่ทันกำหนดเวลา
อย่างไรก็ตามล่าสุด ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการเจรจากับ บริษัท Deutsche Bahn International (DBI) ซึ่ง เป็นบริษัทเดินรถไฟจากประเทศเยอรมัน เพื่อว่าจ้างการฝึกอบรมพนักงาน และเป็นที่ปรึกษาด้านปฏิบัติการเดินรถ โดยใช้งบประมาณ จำนวน 90 ล้านบาท ในเบื้องต้นจะทำสัญญาจ้างในเดือน เม.ย.-พ.ค.2552 และคาดว่าจะเริ่มงานได้ทันที่หลังเซ็นสัญญา โดยเบื้องต้น DBI ได้ขอทำสัญญาจำนวน 5 ปี แต่ร.ฟ.ท.จะมีการเจรจาขอทำสัญญาเพียง 2 ปี เท่านั้น