ถ้าเป็นแฟนประจำของงานเจนีวา มอเตอร์โชว์คงไม่ต้องพูดกันมากเมื่อเอ่ยถึงชื่องของรินสปีด เพราะนี่คือสำนักแต่งชื่อดังสัญชาติสวิสส์ที่กลายเป็นขาประจำของงาน และนับจากปี 1992 เป็นต้นมา รินสปีดไม่เคยพลาดในการนำเสนอต้นแบบรุ่นใหม่ๆ ที่นอกจากจะสุดล้ำด้วยงานออกแบบแล้วยังเหนือชั้นกว่าใครด้วยไอเดียที่แหวกแนวเหมือนอย่างกับรถยนต์ดำน้ำได้ที่นำมาจัดแสดงในปีที่แล้ว
ส่วนปีนี้ รินสปีดก็ยังเรียกเสียงฮือฮาได้เหมือนเดิม กับต้นแบบทรงสปอร์ตคันสวยในชื่อ iChange Concept ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขของการสร้างรถสปอร์ตที่เปี่ยมด้วยความแรงและรูปลักษณ์ที่สวยเร้าใจแบบไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมสำหรับให้คนยุคอนาคตเอาไว้ใช้ขับเล่น และเป็นผลงานที่เกิดจากมันสมองของ Frank M. Rinderknecht เจ้าของรินสปีดเหมือนกับรถยนต์ต้นแบบรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้
โปรเจ็กต์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของรินสปีดเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากความร่วมมือร่วมใจของบริษัทต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรอย่างเช่น Siemens AG ซึ่งรับหน้าที่ดูแลในส่วนของระบบอิเล็กทรอนิกและมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในการขับเคลื่อน หรือ AEZ ซึ่งรับหน้าที่ผลิตล้อแม็กที่มีน้ำหนักเบา แต่มีขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้วสำหรับล้อหน้า และ 18 นิ้วสำหรับล้อหลัง เพื่อช่วยเพิ่มความสวยให้กับตัวรถโดยที่ไม่เพิ่มภาระเรื่องของการขับเคลื่อน หรือ Esoro รับหน้าที่ในการผลิตตัวถังที่เน้นความเบาด้วยอะลูมิเนียมเพราะว่ารินสปีดต้องการให้ iChane มีน้ำหนักระดับเกิน 1 ตันมานิดๆ และก็ได้ตามที่ต้องการด้วยตัวเลข 1,050 กิโลกรัมเท่านั้น
ตัวรถมีความยาว 4,280 มิลลิเมตร กว้าง 1,800 มิลลิเมตร แต่เพรียวลมด้วยความสูงเพียง 1,035 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,385 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นอยู่ที่การออกแบบรูปทรงของตัวรถให้ดูเหมือนกับหยดน้ำพร้อมกับการเข้าออกจากห้องโดยสารในสไตล์เดียวกับค็อกพิตของเครื่องบินขับไล่ โดยจะมีฝาครอบทำหน้าที่เป็นทั้งประตูและหลังคา ส่วนไฟหน้าและท้ายก็เป็นงานดัดแปลงมาจากผลงานของโอเปิล โดยไฟน้ายกชุดมาจากรถยนต์รุ่นอินซิกเนีย และไฟท้ายเป็นของแอสตรา ทวินท็อป
ตัวหลังคาที่ใสแบบมองเห็นเข้ามาถึงด้านใน อาจทำให้หลายคนเป็นห่วงว่าคนนั่งในห้องโดยสารอาจถูกอบจนสุก เพราะมีสภาพไม่ต่างจากสภาวะเรือนกระจก ซึ่งตรงนี้ทางรินสปีดหาทางออกด้วยการติดตั้งพัดลมอิเล็กทรอนิกส์ถึง 2 ตัวในการสร้างความเย็นเพื่อคงระดับอุณหภูมิของห้องโดยสารให้อยู่ในจุดที่สร้างความเย็นสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสาร
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่ายเพราะแทบไม่มีปุ่มกดอะไรวางแกะกะจนรกหูรกตา แผงมาตรวัดก็แสดงผลแบบดิจิตอล แถมฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถก็ถูกรวมเอาไว้อยู่ใน iPhone เช่น ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว หรือไฟหน้า ซึ่งสามารถกดเลือกผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนได้เลย หรือว่าจะเปลี่ยนฟังก์ชันจากระบบต่างๆ มาเป็นการโทรศัพท์ หรือว่าเลือกเล่น MP3 ผ่านทางระบบเสียงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Harman/Kardon ก็ได้ ส่วนการจัดวางของเบาะนั่งก็เป็นแบบ 1+2 คนขับนั่งกลางอยู่เบาะหน้า และมีผู้โดยสารนั่งด้านหลังได้อีก 2 คน
หน้าที่หลักของการขับเคลื่อนมาจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ ที่ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม. ที่ 0-3,000 รอบต่อนาที ซึ่งรับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน และส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 จังหวะที่ยกชุดมาจากซูบารุ อิมเพรซาสู่การขับเคลื่อนแบบล้อหลัง แต่มีการปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของเกียร์ให้มีตัวเลือกแค่ R (ถอยหลัง) N (เกียร์ว่าง) และ F (เดินหน้า) เท่านั้น ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนเกียร์ให้วุ่นวาย
ไม่ต้องห่วงเรื่องสมรรถนะ ตัวเลข 4.2 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และความเร็วปลาย 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง น่าจะเพียงพอสำหรับการซิ่งบนถนนทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยข้อจำกัดของรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบ 100% อย่างนี้คือ ระยะทางในการใช้งานที่ถูกจำกัด ซึ่ง iChange แล่นได้เพียง 90 กิโลเมตรโดยประมาณ (ขึ้นอยู่กับสภาพการขับ) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง
แต่ตรงนี้ก็ช่วยลดทอนความหนักหนาของปัญหาด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนตัวถังด้านท้ายเพื่อช่วยชาร์จกระแสไฟฟ้า และใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นในการชาร์จกระแสไฟฟ้าจนเต็ม
สวย สปอร์ต และแรงแบบพลังสีเขียวขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ รินสปีด iChange จะได้รับความสนใจจากคนที่เข้าร่วมงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 อย่างมาก
