นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล แถลงหลังการประชุมร่วมกับวิปฝ่ายค้านและวิปวุฒิสภาว่า ที่ประชุมได้ตกลงกันว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22-23 เม.ย.นี้จะเป็นเวทีนำเสนอทางออกและข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาวิกฤตและความสามัคคีของคนในชาติ ต้องการให้เป็นเวทีคลี่คลายปัญหา ดังนั้นการอภิปราย จึงจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่เสียดสี เพื่อไม่ให้กระทบกระทั่งกัน และต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาว่าจะแก้ปัญหาได้
ทั้งนี้ได้จัดสรรเวลาการอภิปรายไว้ 24 ชั่วโมง แยกเป็นรัฐมนตรีชี้แจง 4 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภาอภิปรายฝ่ายละ 6 ชั่วโมง
นอกจากนั้นที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันในหลักการที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาเพื่อประมวลการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการสอบทานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และฝ่ายนโยบาย และเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านคาดหวังว่าจะมีการเร่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันใน 2 กรณีซึ่งกรรมาธิการฯทั้งสองคณะจะเริ่มดำเนินการหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกัน คาดว่าในสัปดาห์ต่อไปหากประธานรัฐสภาเรียกประชุมร่วมทั้งสองสภาอีกครั้งก็จะสามารถเสนอตั้งกรรมาธิการทั้งสองคณะได้ทันที
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่าเห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ยอมให้เปิดประชุมรรัฐสภา ให้มีการอภิปรายถือเป็นบันไดที่จะนำไปสู่ความสร้างสรรค์ และสมานฉันฑ์ โดยตนจะเสนอต่อรฐสภาให้งดใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 และให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ ส่วนบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2550 ต้องยกเลิกให้หมด ซึ่งจะนำไปสู้การนิรโทษกรรมทั้ง คมช. ที่ร่วมปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รวมถึงผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง โดยองค์กรอิสระทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง หรือผู้ที่ถูกตัดสินโทษทางอาญาโดยศาลเดียว
ผมอยากเสนอให้รัฐสภามีมติงดใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งหมดไม่ใช้บางมาตรา เพราะประเทศไทยไม่มีอะไรต้องปฏิรูปอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการสร้างความปรองดอง หากสร้างความสามัคคีไม่ได้แม้จะยับสภาฯเลือกตั้งใหม่บ้านเมืองก็ไม่สงบ ผมจขึงยืนยันให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดึงทุกพรรคมาร่วมตั้งรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ ต้องลาออกอย่างมีเงื่อนไขเพื่อสลายทุกสี ซึ่งการตั้งรัฐบาลแห่งชาติพรรคประชาธิปัตย์สามารถเป็นเจ้าภาพและไม่แน่ว่านายอภิสิทธิ์ อาจได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
นายเสนาะ ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย โดย ส.ส.9 คนของพรรคจะยืนอยู่บนความถูกต้อง
นาย บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งถูกยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราโดยจะต้องแยกคดีอาญาออกจากคดีทางการเมือง อย่าเอามาเกี่ยวข้อง เพราะคนไม่ได้ทำผิดแล้วไปบอกว่าเขาผิด ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ ส่วนจะแก้อย่างไรอยู่ที่ส่วนรวม แต่น่าจะแก้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และเข้าใจอันดีซึ่งกันและกัน ส่วนระยะเวลาก็แล้วแต่เหตุการณ์ในอนาคต
ผมมองว่านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในเรื่องนี้ เพราะท่านเห็นเหตุการณ์ การเมืองมันกระชับเข้ามาแล้ว คนเราอาจเปลี่ยนความคิด เมื่อท่านเกิดความคิด อย่างนี้ก็เกิดความปรองดองได้ของคนบางกลุ่มจะเกิดประโยชน์มาก เราอย่าไปแยกออกเป็นคนละพวกกัน ถ้าแก้ก็ได้ ถ้าไม่แก้ก็ไม่เป็นไร ผมก็จะไปอยู่กับมังกร
นายบรรหาร กล่าวว่าเห็นใจรัฐบาลที่เข้ามาบริหารในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งไม่ง่าย ต้องใช้ความสามารถและความอดทนสูง รวมทั้งความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าทำได้ก็หาทางเจรจากัน แต่จะทำได้ถึงขั้นไหนคงตอบไม่ได้ แต่เหตุการณ์ก็เลยเถิดไปไกลแล้วจะหวนกับไปก็คงยากละบาก ขอวิงวอนแต่ละฝ่าย รวมทั้งฝ่ายเสื้อแดงเห็นแก่ประเทศชาติ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ถ้าหยุดแล้วการท่องเที่ยว การส่งออกก็จะดีขึ้น ส่งผลต่อไตรมาสที่สี่จะดีขึ้น รายได้ที่หายไปแสนล้านบาทก็จะกลับคืนเข้ามา ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าอายุรัฐบาลอยู่ได้นานหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า อยู่ได้แค่ไหนก็ถึงเท่านั้น อยู่แค่ไหนตนตอบไม่ได้ อาจจะเป็น 1-2 ปีตอบไม่ได้
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่าการนิรโทษกรรมให้นักการเมืองนั้น อยู่ที่รัฐสภาว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้เห็นว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นต้องแยกระหว่างการกระทำผิดทางการเมืองกับการกระทำผิดทางอาญา ที่ต้องดำเนินการนำเข้าสู่กระบวนการศาล สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น คงยกเลิกเร็วๆ นี้
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ กองทัพได้เตรียมข้อมูลไว้ให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องที่กองทัพถูกกล่าวหาว่า มีการทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งที่ความจริง กองทัพได้ปฏิบัติการอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต กองทัพไม่ได้มีการเตรียมข้อมูลอะไร และมั่นใจว่านายสุเทพจะชี้แจงในที่ประชุมได้
พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มีแนวคิดนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองเพื่อทำให้เกิดความสมานฉันฑ์ให้เร็วที่สุด เชื่อว่าหากทำได้จะพลิกสถานการณ์ไปได้ระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าควรรับฟังความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนด้วยว่าจะนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองกว่า 200 คนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่ รวมทั้งกรณี พ.ต.ท.ทักษฺณ ต้องแยกคดีอาญาและคดีทางการเมือง
ความเห็นส่วนตัวทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมควรทำประชาพิจารณ์ แต่อาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯเองก็อยากให้แก้ไขโดยเร็ว
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นประเด็นใดบ้างนั้น ต้องนายกรัฐมนตรี และพรรคการเมืองที่จะเสนอ ส่วนที่ปลัดกระทรวงกลาโหม อยากให้ทำประชาพิจารณ์นั้น ต้องดูว่าจะทำประเด็นใด และต้องเสียเงิน 2 พันล้านบาทจะได้ผลหรือไม่ แต่ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ต้องทำอะไรอย่างรวดเร็ว
นายประสพสุข กล่าวว่าประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขคือ มาตรา 237 เพื่อนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีถูกยุบพรรค ส่วนประเด็นอื่นอาจต้องแก้ในอนาคต ขณะเดียวกันต้องทำให้เกิดความสมานฉันฑ์ให้เร็วที่สุด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรนำฉบับใดมาเป็นตัวตั้ง เพราะจะทำให้เกิดความโต้แย่ง ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องทำให้ชัดเจนว่าเป็นความผิด ทางการเมือง อย่าเอาความผิดเรื่องอาญา ไม่เช่นนั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่าในการประชุมรัฐวันนี้ (22 เม.ย.) จะมีเพื่อนส.ส.เป็นคนเปิดคลิปต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของทหารเปิดเปิด และอาจจะมี ส.ส.บางคนนำศพไปที่รัฐสภา ส่วนคลิปคนเสื้อแดงถูกทำร้ายที่มีการนำมาเผยแพร่กันในช่วงนี้ และระบุว่า ไม่ได้ถูกยิงเพียงแต่มีการใช้ด้ามปืนทุบหัวนั้น ถึงแม้ไม่ได้ถูกยิงแต่อยากถามว่า มีสิทธิอะไรที่เอาด้ามปืนไปทุบหัวประชาชน แต่ที่มีการยิงคนเสื้อแดงนั้นมีจริง ขอให้รอดูในสภา ส่วน 2 ศพที่ลอยน้ำมานั้น พี่ชายของเขาก็ยืนยันแล้วว่า เป็นการ์ด ของ นปช.
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับตนจะเน้นพูดเรื่อง 2 มาตรฐาน โดยเทียบระหว่างตนกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และเทียบระหว่างตนกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เลิกพูดเรื่องเอกสิทธิ์ของส.ส. เพราะตนไม่เคยใช้หรือร้องขอเอกสิทธิ์นั้น แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 131 บังคับเอาไว้ว่า เป็นเอกสิทธิ์ของสภาที่จะต้องคุ้มครองสมาชิก ส่วนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธัตย์ ที่ไปมอบตัวที่ สน.นางเลิ้งนั้นก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ประกันตัว และรัฐบาลชุดนั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าให้ตาย ไม่เหมือนกับรัฐบาลชุดนี้
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และทีมกฎหมาย ของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการ 3 ข้อคือ 1.ให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ยกเลิกการจับกุมแกนนำทั้งหมดและปล่อยตัวผู้ที่ถูกขังออกมา 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการสร้างความปรองดองโดยนำร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติออกมาใช้เพราะหากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ ก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้
สำหรับกรณีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นการ์ดอาสาของ นปช. โดยพรรคจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบจากหลายส่วนมาเปิดเผยในสภา มีข้อมูลว่า มีทหารแต่งชุดดำ ผูกผ้าขาวที่แขน เป็นผู้ทำให้การ์ดอาสาทั้ง 2 เสียชีวิต โดยจะมีผู้อภิปรายชี้แจงรายละเอียด ซึ่งมีข้อมูลแล้วว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร รวมทั้งมีเสียง ของญาติผู้ตายด้วย เราจะให้ดูข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลกำลังบิดเบือนอยู่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพที่จะนำมาเปิด กลางที่ประชุมสภา จะไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่เป็นภาพที่ได้จากประชาชนและสื่อต่างประเทศบันทึกไว้ ซึ่งจะมีการเปิดภายหลังอภิปรายถึงสาเหตุของวิกฤติ โดยจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ใช้กำลังปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเกินกว่า พ.ร.ก.กำหนดไว้ ซึ่งทีมอภิปรายครั้งนี้จะมีไม่เกิน 15 คน เบื้องต้นแบ่งเป็นทีมอภิปรายสาเหตุ 3 คน ทีมเนื้อหา 7 คนและทีมสรุปอีก 2 คนโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำ นปช.จะอยู่ในทีมสรุป
ทั้งนี้ได้จัดสรรเวลาการอภิปรายไว้ 24 ชั่วโมง แยกเป็นรัฐมนตรีชี้แจง 4 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน 2 ชั่วโมง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้านและวุฒิสภาอภิปรายฝ่ายละ 6 ชั่วโมง
นอกจากนั้นที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันในหลักการที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาเพื่อประมวลการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการสอบทานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และฝ่ายนโยบาย และเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านคาดหวังว่าจะมีการเร่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันใน 2 กรณีซึ่งกรรมาธิการฯทั้งสองคณะจะเริ่มดำเนินการหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกัน คาดว่าในสัปดาห์ต่อไปหากประธานรัฐสภาเรียกประชุมร่วมทั้งสองสภาอีกครั้งก็จะสามารถเสนอตั้งกรรมาธิการทั้งสองคณะได้ทันที
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่าเห็นด้วยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ยอมให้เปิดประชุมรรัฐสภา ให้มีการอภิปรายถือเป็นบันไดที่จะนำไปสู่ความสร้างสรรค์ และสมานฉันฑ์ โดยตนจะเสนอต่อรฐสภาให้งดใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 และให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ ส่วนบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2550 ต้องยกเลิกให้หมด ซึ่งจะนำไปสู้การนิรโทษกรรมทั้ง คมช. ที่ร่วมปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รวมถึงผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง โดยองค์กรอิสระทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง หรือผู้ที่ถูกตัดสินโทษทางอาญาโดยศาลเดียว
ผมอยากเสนอให้รัฐสภามีมติงดใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งหมดไม่ใช้บางมาตรา เพราะประเทศไทยไม่มีอะไรต้องปฏิรูปอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการสร้างความปรองดอง หากสร้างความสามัคคีไม่ได้แม้จะยับสภาฯเลือกตั้งใหม่บ้านเมืองก็ไม่สงบ ผมจขึงยืนยันให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดึงทุกพรรคมาร่วมตั้งรัฐบาล โดยนายอภิสิทธิ์ ต้องลาออกอย่างมีเงื่อนไขเพื่อสลายทุกสี ซึ่งการตั้งรัฐบาลแห่งชาติพรรคประชาธิปัตย์สามารถเป็นเจ้าภาพและไม่แน่ว่านายอภิสิทธิ์ อาจได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
นายเสนาะ ยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย โดย ส.ส.9 คนของพรรคจะยืนอยู่บนความถูกต้อง
นาย บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งถูกยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราโดยจะต้องแยกคดีอาญาออกจากคดีทางการเมือง อย่าเอามาเกี่ยวข้อง เพราะคนไม่ได้ทำผิดแล้วไปบอกว่าเขาผิด ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ ส่วนจะแก้อย่างไรอยู่ที่ส่วนรวม แต่น่าจะแก้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และเข้าใจอันดีซึ่งกันและกัน ส่วนระยะเวลาก็แล้วแต่เหตุการณ์ในอนาคต
ผมมองว่านายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในเรื่องนี้ เพราะท่านเห็นเหตุการณ์ การเมืองมันกระชับเข้ามาแล้ว คนเราอาจเปลี่ยนความคิด เมื่อท่านเกิดความคิด อย่างนี้ก็เกิดความปรองดองได้ของคนบางกลุ่มจะเกิดประโยชน์มาก เราอย่าไปแยกออกเป็นคนละพวกกัน ถ้าแก้ก็ได้ ถ้าไม่แก้ก็ไม่เป็นไร ผมก็จะไปอยู่กับมังกร
นายบรรหาร กล่าวว่าเห็นใจรัฐบาลที่เข้ามาบริหารในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งไม่ง่าย ต้องใช้ความสามารถและความอดทนสูง รวมทั้งความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าทำได้ก็หาทางเจรจากัน แต่จะทำได้ถึงขั้นไหนคงตอบไม่ได้ แต่เหตุการณ์ก็เลยเถิดไปไกลแล้วจะหวนกับไปก็คงยากละบาก ขอวิงวอนแต่ละฝ่าย รวมทั้งฝ่ายเสื้อแดงเห็นแก่ประเทศชาติ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ถ้าหยุดแล้วการท่องเที่ยว การส่งออกก็จะดีขึ้น ส่งผลต่อไตรมาสที่สี่จะดีขึ้น รายได้ที่หายไปแสนล้านบาทก็จะกลับคืนเข้ามา ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่าอายุรัฐบาลอยู่ได้นานหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า อยู่ได้แค่ไหนก็ถึงเท่านั้น อยู่แค่ไหนตนตอบไม่ได้ อาจจะเป็น 1-2 ปีตอบไม่ได้
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่าการนิรโทษกรรมให้นักการเมืองนั้น อยู่ที่รัฐสภาว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้เห็นว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นต้องแยกระหว่างการกระทำผิดทางการเมืองกับการกระทำผิดทางอาญา ที่ต้องดำเนินการนำเข้าสู่กระบวนการศาล สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น คงยกเลิกเร็วๆ นี้
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ กองทัพได้เตรียมข้อมูลไว้ให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องที่กองทัพถูกกล่าวหาว่า มีการทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งที่ความจริง กองทัพได้ปฏิบัติการอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิต กองทัพไม่ได้มีการเตรียมข้อมูลอะไร และมั่นใจว่านายสุเทพจะชี้แจงในที่ประชุมได้
พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มีแนวคิดนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองเพื่อทำให้เกิดความสมานฉันฑ์ให้เร็วที่สุด เชื่อว่าหากทำได้จะพลิกสถานการณ์ไปได้ระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าควรรับฟังความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนด้วยว่าจะนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองกว่า 200 คนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่ รวมทั้งกรณี พ.ต.ท.ทักษฺณ ต้องแยกคดีอาญาและคดีทางการเมือง
ความเห็นส่วนตัวทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมควรทำประชาพิจารณ์ แต่อาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯเองก็อยากให้แก้ไขโดยเร็ว
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นประเด็นใดบ้างนั้น ต้องนายกรัฐมนตรี และพรรคการเมืองที่จะเสนอ ส่วนที่ปลัดกระทรวงกลาโหม อยากให้ทำประชาพิจารณ์นั้น ต้องดูว่าจะทำประเด็นใด และต้องเสียเงิน 2 พันล้านบาทจะได้ผลหรือไม่ แต่ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ต้องทำอะไรอย่างรวดเร็ว
นายประสพสุข กล่าวว่าประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขคือ มาตรา 237 เพื่อนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีถูกยุบพรรค ส่วนประเด็นอื่นอาจต้องแก้ในอนาคต ขณะเดียวกันต้องทำให้เกิดความสมานฉันฑ์ให้เร็วที่สุด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรนำฉบับใดมาเป็นตัวตั้ง เพราะจะทำให้เกิดความโต้แย่ง ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องทำให้ชัดเจนว่าเป็นความผิด ทางการเมือง อย่าเอาความผิดเรื่องอาญา ไม่เช่นนั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่าในการประชุมรัฐวันนี้ (22 เม.ย.) จะมีเพื่อนส.ส.เป็นคนเปิดคลิปต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของทหารเปิดเปิด และอาจจะมี ส.ส.บางคนนำศพไปที่รัฐสภา ส่วนคลิปคนเสื้อแดงถูกทำร้ายที่มีการนำมาเผยแพร่กันในช่วงนี้ และระบุว่า ไม่ได้ถูกยิงเพียงแต่มีการใช้ด้ามปืนทุบหัวนั้น ถึงแม้ไม่ได้ถูกยิงแต่อยากถามว่า มีสิทธิอะไรที่เอาด้ามปืนไปทุบหัวประชาชน แต่ที่มีการยิงคนเสื้อแดงนั้นมีจริง ขอให้รอดูในสภา ส่วน 2 ศพที่ลอยน้ำมานั้น พี่ชายของเขาก็ยืนยันแล้วว่า เป็นการ์ด ของ นปช.
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับตนจะเน้นพูดเรื่อง 2 มาตรฐาน โดยเทียบระหว่างตนกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และเทียบระหว่างตนกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เลิกพูดเรื่องเอกสิทธิ์ของส.ส. เพราะตนไม่เคยใช้หรือร้องขอเอกสิทธิ์นั้น แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 131 บังคับเอาไว้ว่า เป็นเอกสิทธิ์ของสภาที่จะต้องคุ้มครองสมาชิก ส่วนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธัตย์ ที่ไปมอบตัวที่ สน.นางเลิ้งนั้นก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ประกันตัว และรัฐบาลชุดนั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าให้ตาย ไม่เหมือนกับรัฐบาลชุดนี้
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และทีมกฎหมาย ของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินการ 3 ข้อคือ 1.ให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ยกเลิกการจับกุมแกนนำทั้งหมดและปล่อยตัวผู้ที่ถูกขังออกมา 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการสร้างความปรองดองโดยนำร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติออกมาใช้เพราะหากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ ก็ไม่สามารถแก้วิกฤติได้
สำหรับกรณีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นการ์ดอาสาของ นปช. โดยพรรคจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบจากหลายส่วนมาเปิดเผยในสภา มีข้อมูลว่า มีทหารแต่งชุดดำ ผูกผ้าขาวที่แขน เป็นผู้ทำให้การ์ดอาสาทั้ง 2 เสียชีวิต โดยจะมีผู้อภิปรายชี้แจงรายละเอียด ซึ่งมีข้อมูลแล้วว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร รวมทั้งมีเสียง ของญาติผู้ตายด้วย เราจะให้ดูข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลกำลังบิดเบือนอยู่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพที่จะนำมาเปิด กลางที่ประชุมสภา จะไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่เป็นภาพที่ได้จากประชาชนและสื่อต่างประเทศบันทึกไว้ ซึ่งจะมีการเปิดภายหลังอภิปรายถึงสาเหตุของวิกฤติ โดยจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ใช้กำลังปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเกินกว่า พ.ร.ก.กำหนดไว้ ซึ่งทีมอภิปรายครั้งนี้จะมีไม่เกิน 15 คน เบื้องต้นแบ่งเป็นทีมอภิปรายสาเหตุ 3 คน ทีมเนื้อหา 7 คนและทีมสรุปอีก 2 คนโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำ นปช.จะอยู่ในทีมสรุป